ตามไปดู การนำงานวิจัยสู่ไร่นา วันถ่ายทอดเทคโนโลยี หมู่บ้านกังหันลม และนาแปลงใหญ่ อำเภอกันทรวิชัย

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน

http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05042011158&srcday=2015-11-01&search=no

วันที่ 01 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 28 ฉบับที่ 610

เก็บมาเล่า

อำพน ศิริคำ

ตามไปดู การนำงานวิจัยสู่ไร่นา วันถ่ายทอดเทคโนโลยี หมู่บ้านกังหันลม และนาแปลงใหญ่ อำเภอกันทรวิชัย

ปัจจุบันพบว่า “งานวิจัย” หลายชิ้นถูกเก็บไว้บนหิ้ง ไม่ได้นำมาประยุกต์ใช้ หรือพัฒนาต่อยอด และขยายผลสู่เกษตรกรหรือชุมชน จึงไม่เกิดประโยชน์แต่อย่างใด

ท่านที่เคารพครับ!! เมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีการจัดงาน การนำงานวิจัยสู่ไร่นา วันถ่ายทอดเทคโนโลยี หมู่บ้านกังหันลม และนาแปลงใหญ่ อำเภอกันทรวิชัย ณ บริเวณบ้านกุดหัวช้าง ตำบลขามเรียง อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม โดยความร่วมมือของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม สำนักงานเกษตรอำเภอกันทรวิชัย เทศบาลตำบลขามเรียง ศูนย์วิจัยข้าวชุมแพ สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.), (องค์การมหาชน) และผู้นำหมู่บ้านของตำบลขามเรียง

โดย คุณชยาวุธ จันทร ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เป็นประธานเปิดงาน และ ศาสตราจารย์ ดร. วิเชียร มากตุ่น คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส.) กล่าวรายงาน และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. วิรัติ ปานศิลา ประธานสภาคณาจารย์ มมส. ร่วมเป็นเกียรติในงานด้วย

คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ มมส. กล่าวว่า มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้มีนโยบายในการขับเคลื่อนระบบและกลไกการบริการวิชาการ และการทำงานวิชาการรับใช้สังคม ภายใต้ชื่อ “โครงการหนึ่งหลักสูตร หนึ่งชุมชน” ซึ่งหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาเคมี ได้จัดทำกิจกรรม “โครงการการทำนาแบบโยนกล้า เป็นการบูรณาการ โดยการจัดกระบวนการเรียนรู้เกี่ยวกับการทำนาแบบโยนกล้า และการใช้กังหันลมผันน้ำเข้านา แทนการใช้เครื่องสูบน้ำให้กับเกษตรกรในหมู่บ้านกุดหัวช้าง ซึ่ง ณ ปัจจุบันนี้ บริเวณรอบๆ หมู่บ้านกุดหัวช้าง มีเกษตรกรทำนาแบบโยนกล้ามากขึ้น และมีกังหันลมที่ใช้ในการเกษตร 7 ตัว ซึ่งกังหันลมผลิตได้ง่าย ใช้แรงลมในการผันน้ำเข้านา ลงทุนครั้งเดียวใช้ได้ตลอดไป สามารถลดรายจ่ายของเกษตรกรได้ไม่ต่ำกว่า 1,000 บาท ต่อเดือน ดังนั้น จึงได้ร่วมกับสำนักงานเกษตรอำเภอกันทรวิชัย เทศบาลตำบลขามเรียง และชุมชน จัดตั้งเป็นหมู่บ้านกังหันลม เพื่อใช้ประโยชน์ในการทำการเกษตรต่อไป ซึ่งจัดงานเปิดตัวกังหันลม เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ณ ที่แห่งนี้

นอกจากนี้ ยังได้รับการสนับสนุนทุนจากคลินิกเทคโนโลยี กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภายใต้ชื่อโครงการ “การถ่ายทอดการผลิต และการประยุกต์ใช้จุลินทรีย์ท้องถิ่นในการทำการเกษตร” มาปรับใช้เป็นปุ๋ยกับระบบผลิตของเกษตรกร เนื่องจากเป็นเทคนิคที่สอดคล้องกับสภาพของท้องถิ่นที่แตกต่างกัน เพราะมีการนำเอาจุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่ในดิน ที่มีความอุดมสมบูรณ์ภายในท้องถิ่นนั้นๆ มาทำเป็นหัวเชื้อสำหรับนำไปขยายและประยุกต์ใช้ในด้านต่างๆ ได้แก่ ช่วยปรับปรุงบำรุงดินให้ดีขึ้น สามารถปลูกพืชงอกงาม ให้ผลผลิตสูง ทำให้ธรรมชาติเกิดความสมดุล โรคและแมลงศัตรูพืชลดลง ทำให้ช่วยลดต้นทุนการผลิต เกษตรกรสามารถพึ่งพาตัวเองได้มากขึ้น โดยได้ดำเนินกิจกรรมมาอย่างต่อเนื่อง

กิจกรรมการถ่ายทอดความรู้ การผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว และถ่ายทอดการแปรรูปข้าว โดยการทำข้าวห่อสาหร่าย หรือ ซูชิ จากข้าวเจ้าแดงพันธุ์ทับทิมชุมแพ ซึ่งเป็นข้าวที่มีชื่อเสียงทางด้านสารต้านอนุมูลอิสระ และสารที่มีประโยชน์สูง โดยได้รับความอนุเคราะห์จาก คุณรณชัย ช่างศรี รักษาราชการในตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์วิจัยข้าวชุมแพและคณะ

สำหรับการแปรรูปจากข้าวที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ ใช้เป็นส่วนผสมร่วมในผลิตภัณฑ์ของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนสมุนไพรแม่บ้านเกษตรกรมะค่าทรัพย์ทวี ได้แก่ ลูกประคบหน้าเด้ง-หน้าใส ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) – สวก. ประกอบไปด้วย กิจกรรมการดูพันธุ์ การสร้างเตาอบสมุนไพรพลังงานแสงอาทิตย์ และการตลาด จากการทำวิจัยในครั้งนี้ ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ขึ้นมาใหม่ 2 ชนิด ได้แก่ สมุนไพรแช่เท้า และลูกประคบหน้าเด้ง-หน้าใส

กิจกรรมฝึกผลิตขยายเชื้อราไตรโคเดอร์ม่าให้กับเกษตรกร เพื่อใช้ควบคุมโรคไหม้ข้าวทดแทนสารเคมี โดยสำนักงานเกษตรอำเภอกันทรวิชัย

“กิจกรรมที่สร้างสีสันภายในงาน ได้แก่ ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม ประธานเปิดงาน ลงทุนถอดกางเกงเปลี่ยนมานุ่งผ้าขาวม้าโยนกล้ากับชาวนา และนักศึกษาชาวต่างชาติ จากนั้นได้ทอดแหอีกด้วย มีเกษตรกรที่ร่วมโครงการนาแปลงใหญ่ และเกษตรกรบริเวณหมู่บ้านกุดหัวช้าง เข้าร่วมงานประมาณ 120 คน

ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า โครงการนำงานวิจัยสู่ไร่นา วันถ่ายทอดเทคโนโลยี หมู่บ้านกังหันลม และ นาแปลงใหญ่ อำเภอกันทรวิชัย ณ บริเวณหมู่บ้านกุดหัวช้าง นับได้ว่าเป็นโครงการที่ดี ที่นำงานวิจัยหลากหลายกิจกรรมมาสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม และบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น การเปลี่ยนวิถีการทำนามาเป็นการทำนาแบบโยนกล้า ซึ่งช่วยประหยัดเมล็ดพันธุ์ข้าว ลดปัญหาโรคแมลงศัตรู และเพิ่มผลผลิต การใช้จุลินทรีย์พื้นบ้าน ช่วยฟื้นฟูดิน ปลอดภัยจากสารเคมี กังหันลมวิดน้ำเข้านา เป็นพลังงานจากธรรมชาติที่ไม่มีวันหมด เป็นการลดภาวะโลกร้อนได้ด้วย การรู้จักเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้เองได้อย่างถูกต้อง รวมทั้งการส่งเสริมและอนุรักษ์สมุนไพรไทย ซึ่งเป็นแนวทางที่ดีที่ควรส่งเสริม สนับสนุนเป็นอย่างยิ่ง สำหรับเป็นต้นแบบให้ชุมชนได้มาศึกษาเรียนรู้

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. มัณฑนา นครเรียบ อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มมส. ผู้รับผิดชอบโครงการ โทร. (089) 422-4764 กล่าวว่า ได้ร่วมกับ คุณอำพน ศิริคำ เกษตรอำเภอกันทรวิชัย จัดโครงการนำงานวิจัยสู่ไร่นามาแล้วหลายครั้ง เพื่อนำองค์ความรู้ใหม่ๆ ไปแก้ไขปัญหาให้เกษตรกรในพื้นที่

คุณรณชัย ช่างศรี รักษาราชการในตำแหน่ง ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยข้าวชุมแพ โทร. (043) 311-155, (093) 327-3358 กล่าวว่า ข้าวเจ้าพันธุ์ทับทิมชุมแพ (ข้าวเจ้าสายพันธุ์ SRN 06008-18-1-5-7-CPA-20) เกิดจากการผสมพันธุ์ ระหว่างข้าวเจ้าพันธุ์ขาวดอกมะลิ 105 กลายพันธุ์จากรังสี ทรงต้นเตี้ย (Semi-dwarf KDML105) ที่มีลักษณะต้านทานต่อโรคไหม้ ไม่ไวต่อช่วงแสงเป็นพันธุ์แม่ กับข้าวเจ้าพันธุ์สังข์หยด เป็นข้าวเจ้าที่มีเยื่อหุ้มเมล็ดสีแดง ไวต่อช่วงแสง อายุหนัก ต้นสูง เป็นพันธุ์พ่อ สำหรับข้าวพันธุ์ทับทิมชุมแพ จัดเป็นข้าวเจ้า ไม่ไวต่อช่วงแสง คุณภาพการสีดี มีอะมิโลสต่ำ มีปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระฟีโนลิก และฟลาโวนอยด์สูง จึงได้นำมาทำผลิตภัณฑ์อาหารของญี่ปุ่น คือ “มากิ ซูชิ” โดยใช้ข้าวทับทิมชุมแพแทนข้าวญี่ปุ่น ซึ่งให้สารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่า โดยมีวิธีทำดังนี้

ส่วนประกอบ

1. น้ำส้มสายชู 120 มิลลิลิตร

2. น้ำตาล 0.5 ช้อนโต๊ะ

3. เกลือ 0.5 ช้อนชา

4. สาหร่ายทะเลแผ่นใหญ่ แตงกวา แครอต หรือส่วนผสมอื่นตามชอบ

การเตรียมน้ำปรุงข้าว

ผสมน้ำส้มสายชู น้ำตาล และเกลือ ลงในหม้อ นำไปตั้งไฟอ่อนๆ แล้วคนจนส่วนผสมละลาย

การเตรียมข้าว

นำข้าวกล้องทับทิมชุมแพหุงสุก ใส่ลงในชามผสม พรมน้ำปรุงข้าวทีละน้อยให้ทั่ว ใช้พายคลุกให้เข้ากัน จนเห็นเมล็ดข้าวใสเป็นมันวาว

วิธีทำ

1. วางแผ่นสาหร่ายลงบนเสื่อสำหรับม้วนซูชิ ตักข้าวซูชิลงบนแผ่นสาหร่ายแล้วเกลี่ยให้ทั่ว

2. นำส่วนผสม เช่น ปูอัด ไข่ม้วน แตงกวา ยำสาหร่าย ฯลฯ วางลงบนข้าว อาจใส่วาซาบิลงไปด้วยก็ได้

3. ค่อยๆ ยกเสื่อม้วนซูชิ โดยม้วนให้แน่น

4. ตัดซูชิให้ได้ขนาดพอดีคำ และควรเช็ดมีดด้วยผ้าสะอาดชุบน้ำหมาดๆ เพื่อให้ตัดได้ง่ายขึ้น

5. จัดเรียงให้สวยงามพร้อมเสิร์ฟ กับซอสโซยุและวาซาบิ

ท่านที่เคารพครับ!! จะเห็นว่างานวันถ่ายทอดเทคโนโลยี หมู่บ้านกังหันลม และนาแปลงใหญ่ เป็นอีกแนวทางหนึ่งในการลดต้นทุนการผลิต โดยนำพลังงานจากธรรมชาติมาใช้ให้เกิดประโยชน์ เป็นพลังงานที่สะอาด ลงทุนครั้งเดียวใช้ได้หลายปี และยังบูรณาการลงในพื้นที่นาแปลงใหญ่ ตามนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์อีกด้วย

Leave a comment