ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน
http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05062011158&srcday=2015-11-01&search=no
| วันที่ 01 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 28 ฉบับที่ 610 |
รายงานพิเศษ
คนกรีดยาง
ถอดเคล็ดลับ เทคนิคผลิตยางก้อนถ้วยดี มีคุณภาพ
ประเทศไทย มีพื้นที่ปลูกยางพาราทั่วประเทศ ประมาณ 18 ล้านไร่เศษ โดยมีผลผลิตส่งออกในรูปแบบต่างๆ มากเป็นอันดับ 1 ของโลก เฉลี่ยปีละไม่น้อยกว่า 3 ล้านตัน โดยหนึ่งในผลผลิตที่สำคัญคือ ยางก้อนถ้วย
ยางก้อนถ้วย นับเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตยางแท่ง อันเป็นวัตถุดิบสำคัญในการนำไปผลิตยางล้อรถ ปัจจุบันเกษตรกรผู้ปลูกยางพารา โดยเฉพาะในภาคอีสานจะนิยมผลิตยางก้อนถ้วยจำหน่าย เพราะทำง่าย ใช้เวลาไม่นาน และส่งขายได้เร็ว
แต่อย่างไรก็ตาม จากที่เมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีปัญหาเกี่ยวกับคุณภาพของยางก้อนถ้วย โดยการเปิดเผยของ คุณเชาว์ ทรงอาวุธ รองผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางปฏิบัติงานในกิจการการยางแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากที่ปัจจุบันผู้ผลิตยางล้อต่างประเทศ ยังมีความสนใจรับซื้อยางแท่งจากไทยเป็นจำนวนมาก ซึ่งวัตถุดิบสำคัญของการทำยางแท่งคือ ยางก้อนถ้วย แต่ช่วงระยะหลังกลับพบปัญหาผลผลิตยางก้อนถ้วยขาดคุณภาพ เนื่องจากระดับซัลเฟตในยางมีปริมาณสูง ส่งผลกระทบต่อการผลิตยางแท่งที่ส่งออกอุตสาหกรรมยางล้อต่างประเทศ
“กยท. ในฐานะผู้ดูแลเกษตรกรชาวสวนยาง จึงมอบหมายพนักงานทุกพื้นที่รณรงค์ส่งเสริมความรู้แนะนำให้ใช้ “กรดฟอร์มิก” ในกระบวนการผลิตยางก้อนถ้วย เพราะเป็นสารจับตัวที่ได้รับการรับรองด้านวิชาการว่า สามารถรักษาสภาพความยืดหยุ่นของยาง ไม่ทำให้ยางเสียคุณภาพ ไม่มีสารตกค้าง สลายตัวเองได้ และไม่ส่งกลิ่นเหม็นทำลายสิ่งแวดล้อม”
คุณเชาว์ กล่าวต่อไปว่า ในส่วนของกรดซัลฟิวริก ถ้าใช้ปริมาณสูงจะส่งผลเสียทำให้ผลิตภัณฑ์ยางขาดความยืดหยุ่น เสื่อมคุณภาพ เครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตถูกกัดกร่อน เป็นมลพิษด้านสุขภาพกับแรงงานในสวนยาง ตลอดจนสิ่งแวดล้อม
“สาเหตุเพราะเกิดน้ำเสียจากกรดประเภทรุนแรง ส่วนสารจับตัวที่นำเกลือแคลเซียมคลอไรด์มาใช้ แม้สารดังกล่าวจะทำให้ยางจับตัวเป็นก้อนเร็ว แต่มีผลเสียทำให้ก้อนยางแข็ง ขาดความยืดหยุ่น มีสีคล้ำ ส่งผลให้คุณภาพยางต่ำลงได้”
คุณเชาว์ ยังกล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา กยท. ร่วมกับกรมวิชาการเกษตร ได้รณรงค์ให้ความรู้แก่เกษตรกรมาโดยตลอดในการใช้กรดฟอร์มิกเป็นสารจับตัว เนื่องจากสูตรโครงสร้างทางเคมีของกรดฟอร์มิกคือ HCOOH มีคาร์บอนเป็นส่วนประกอบเพียงตัวเดียว จึงเป็นกรดอ่อนที่มีความแรงของกรดไม่มากนัก เมื่อเทียบกับกรดชนิดอื่น กรดฟอร์มิกเป็นสารอินทรีย์ที่จับตัวเนื้อยางได้อย่างสมบูรณ์ สลายตัวง่าย ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และไม่กระทบต่อหน้ายางกรีด หากใช้ในอัตราส่วนตามคำแนะนำ
“จากการที่ กยท. โดยสถาบันวิจัยยางได้ศึกษาจากการเก็บตัวอย่างมาวิเคราะห์ ทั้งทางเคมีและทางกายภาพ ยังไม่พบว่ามีสารเคมีชนิดใดที่สามารถผลิตยางแผ่นหรือยางก้อนถ้วยแล้วมีคุณภาพที่ดีเท่ากับการใช้กรดฟอร์มิก” คุณเชาว์ กล่าวทิ้งท้าย
จากสิ่งที่เกิดขึ้น จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่เกษตรกรจะต้องมีการปรับเปลี่ยนเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา จนผู้ซื้อในต่างประเทศระงับการซื้อยางจากประเทศไทย อันจะส่งผลกระทบเป็นอย่างมาก
เกษตรไทยไชโย นักคิดไทย สร้างสูตรกรดหยอดยาง รักษ์โลก
กรดหยอดยางฟอร์มิกสูตรพิเศษ เป็นผลงานการคิดค้นของทีมงานฝ่ายวิชาการของ บริษัท เกษตรไทยไชโย จำกัด นับเป็นอีกผลงานการคิดค้นวิจัยที่มาจากมันสมองของคนไทย
ต้นเหตุที่ทำให้เกิดการคิดค้นกรดดังกล่าว เนื่องจากทางบริษัท เกษตรไทยไชโย มองเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากผลกระทบจากการใช้น้ำกรดหยอดยางพาราที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ผู้คิดค้นสร้างสรรค์กรดหยอดยางฟอร์มิกสูตรพิเศษ ตราแรด ว่ามีความมุ่งมั่นอย่างยิ่งยวดในการวิเคราะห์-วิจัย
คุณวีรวัฒน์ ยมจินดา ประธานบริษัท เกษตรไทยไชโย กล่าวว่า ทางบริษัทได้ใช้เวลานานหลายปีกว่าจะลงตัวในการคิดค้น จนสามารถได้กรดหยอดยางที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมที่จะใช้ในการผลิตยางก้อนถ้วย หรือขี้ยางที่มีคุณภาพ เป็นที่ยอมรับของชาวสวนยางพาราและตลาดรับซื้อยางอย่างเช่นทุกวันนี้
คุณวีรวัฒน กล่าวว่า ความโดดเด่นข้อแรกของแรด คือ แรดเป็น กรดเย็น ไม่ใช่ กรดร้อน แบบกรด กำมะถัน หรือ ซัลฟิวริก
ซึ่งกรดร้อนนั้นจะมีไอระเหยไปฝังที่หน้ายาง เมื่อใช้หยอดยางผ่านไป 1-2 ปี ความร้อนดังกล่าวก็จะไปอุดท่อน้ำเลี้ยงของยางพารา ทำให้น้ำยางไม่ไหล ได้แค่ซึม หรือที่เราเรียกว่า หน้ายางตายนึ่ง นั่นเอง
แต่ความเป็นกรดเย็นของแรดจะไม่เป็นอันตรายต่อหน้ายางพาราของชาวสวน
อีกทั้งความเป็นกรดเย็นไม่เป็นอันตรายต่อการกัดมือ ต่อระบบการหายใจ ต่อปอดและต่อสายตาหรือใบหน้า และที่สำคัญคือ ไม่เป็นอันตรายต่อดินของท่าน
พูดง่ายๆ คือเป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพ รักษาสิ่งแวดล้อม
ความโดดเด่นข้อที่สอง คือการเพิ่มน้ำหนักให้กับยางพารา ด้วยเหตุผลที่กรดแรดจะ ไม่รีดน้ำขุ่น จากยางออกมา สังเกตได้หลังจากหยอดกรดไปแล้วซัก 15 นาที น้ำที่อยู่ก้นถ้วยจะใสเหมือนน้ำฝน เพราะกรดแรดนี้จะไม่เอาเนื้อยางออกมา ซึ่งทำให้ยางมีน้ำหนักดี และทำให้น้ำยางไหลดีกว่ากรดตัวอื่นๆ
ความโดดเด่นข้อที่สาม คือยางไม่มีกลิ่นเหม็นเน่า ไม่บวม ไม่มีฟองอากาศ นั่นเพราะการรีดน้ำเลี้ยงของกรดแรดปฏิบัติการได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นน้ำที่ใส ทำให้ยางก้อนถ้วยที่ใช้ กรดแรด ไม่บวม ไร้ฟองอากาศ จึงทำให้ยางไม่มีกลิ่นเหม็นเน่าเหมือนกรดอื่น ซึ่งสร้างประสิทธิภาพให้เป็นยางก้อนถ้วยที่มีคุณภาพความยืดหยุ่นสูง มีเนื้อยางที่เนียน สียางเหลืองใส ไร้ฟองอากาศ
ความโดดเด่นข้อที่สี่ กรดแรดถูกผลิตขึ้นมาผ่านการทดสอบในห้องแล็บ เพื่อให้เกิดความสะดวกพร้อมใช้ ไม่ต้องผสมน้ำแต่อย่างใด โดย 1 ขวด บรรจุ 1,200 ซีซี สามารถใช้กับยางพาราได้ถึง 5 ไร่ หรือประมาณ 400-450 ต้น ในขณะที่กรดอื่น แม้ว่า 1 ขวด จะผสมน้ำได้ 2-3 ขวด แต่ก็ใช้ได้ 400-450 ต้น เช่นเดียวกัน ซึ่งจะเห็นได้ว่าปริมาณการใช้กรดแรดน้อยกว่าครึ่งต่อครั้ง
สุดท้ายของความโดดเด่นก่อนที่จะไปสัมภาษณ์ แฟนพันธุ์แท้ที่ใช้กรดแรด กันทั่วสารทิศในขณะนี้ก็คือ น้ำหนักที่ทำเอาชาวสวนยางพาราต่างตกใจกันไปทั่ว เพราะเมื่อก่อนใช้กรดอื่น เคยได้ยาง 100 กิโลกรัม แต่เมื่อเปลี่ยนมาใช้กรดแรด ปรากฏว่าได้น้ำหนักยางเพิ่มขึ้น เป็น 120 กิโลกรัม
ถามว่า 20 กิโลกรัม ที่เพิ่มขึ้น มาจากไหน??
ตอบว่า เพิ่มมาจากการที่น้ำยางไหลดี…ไหลต่อเนื่องไม่หยุด หลังหยอดกรดก็ยังไหลอยู่ และไม่รีดน้ำขุ่นออกจากยางพารา ซึ่งไม่เกิดความสูญเสียคุณภาพของน้ำยางแต่อย่างใด
ทีนี้มาฟังความรู้สึกของผู้ใช้ตัวจริงกันดูนะครับ
คุณรัสมี แก้วดวงดี หรือ “น้องตรี” วัย 26 ปี ชาวสวนยางแห่งอำเภอเฝ้าไร่ จังหวัดหนองคาย เธอเล่าว่า “เมื่อก่อนใช้กรดกำมะถัน ผสมน้ำได้ 2-3 ขวด แต่ก็ใช้ได้แค่ 400 ต้น ต่อมาร้านปูเป้การยาง เอากรดฟอร์มิก ตราแรด มาแนะนำ เลยซื้อมาลองใช้ ปรากฏว่า 1 ขวด ใช้ได้ 450 ต้น ซึ่งประหยัดกว่ามากค่ะ”
เธอชูมือให้ดูแล้วบอกด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มว่า “ดูมือหนูซิ ลอกจนจะแย่แล้ว แสบมากเลย เพราะจกยางทุกวัน กลิ่นก็เหม็นมาก ล้างยังไงก็ไม่ออก ตอนนี้ใช้กรดแรด ไม่เปลี่ยนใจแน่นอน ที่ชอบเพราะไม่แสบมือ กลิ่นยางไม่เหม็นฉุน ราคาก็ไม่แพงค่ะ”
ส่วนผลประโยชน์ในด้านบวกที่ทำให้ “น้องตรี” และเพื่อนๆ กลุ่มสวนยางเดียวกันถึงกับอึ้ง เธอบอกว่า “หนูมียางอยู่ 720 ต้น เมื่อก่อนกรีดได้ยาง 409 กิโลกรัม โดยยังไม่เต็ม 5 กระสอบดี…แต่ตอนนี้หลังจากใช้กรดฟอร์มิก สูตรพิเศษ ตราแรด กรีดยางแค่ 5 มีด ได้ยาง 5 กระสอบเท่ากัน แต่น้ำหนักโผล่พรวดไปเกือบ 500 กิโลกรัม ถ้าไม่เชื่อหนูขอท้าพิสูจน์ สำหรับเรื่องกลิ่นเหม็นเน่า เรื่องนี้ตัดไปได้เลย ขนาดฝนตกเปียกน้ำยังหมดห่วงได้”, “น้องตรี” ชาวสวนยางแห่งอำเภอเฝ้าไร่ เมืองพญานาคหนองคาย ย้ำทิ้งท้าย
คุณสำราญ ปัญญา อายุ 68 ปี อยู่ตำบลหนองเม็ก บ้านหนองลาด อำเภอหนองหาร จังหวัดอุดรธานี มีจำนวนยาง 36 ไร่ ประมาณเกือบ 3,000 ต้น “เมื่อก่อนใช้กำมะถัน ตอนนี้หันมาใช้ฟอร์มิก สูตรพิเศษ ตราแรด เห็นความเปลี่ยนแปลงคือ หน้ายางขาวใส ไม่ค่อยมีกลิ่น แข็งตัวเร็ว ไม่มีฟองอากาศ ไม่เป็นอันตรายต่อจมูก ต่อมือ ผมมั่นใจและจะแนะนำชาวสวนในชุมชนตำบลหนองเม็ก ให้ใช้กันอย่างทั่วถึงเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมให้ดีครับ”
คุณเอกราช ลือชา ผู้อำนวยการโรงเรียนปอวิทยา อำเภอเวียงแก่น เชียงราย ผู้เป็นเจ้าของสวนยางมากกว่า 50 ไร่ เปิดเผยว่า “ใช้ดีครับ” เท่าที่สอบถามลูกน้องที่เป็นคนกรีดยางบอกว่า เมื่อก่อนแสบมือ กัดมือมาก กลิ่นก็เหม็น…แต่ตอนนี้ไม่มีแล้วครับ เวลาเอาไปขายกองที่ลานประมูลยาง ชาวสวนจะมามุงดูยางผม ต่างก็บอกว่า เนื้อยางสวยเนียนใส น้ำหนักดี ผมก็บอกไปว่า ผมใช้กรดแรดหยอดยาง ตอนนี้ชาวสวนที่เวียงแก่น เชียงของ ใช้ตามผมเกือบหมดแล้ว อีกอย่างหนึ่ง เมื่อก่อนเอายางไปขายเสร็จแล้ว ต้องล้างรถถึง 3-4 ครั้ง กว่ากลิ่นจะหมด ตอนนี้ขายเสร็จแล้วไม่ต้องเปลืองเงินล้างรถเลย (หัวเราะ) ชาวบ้านที่อยู่แถวนี้ เลิกบ่นเรื่องกลิ่นยางเหม็นไปโดยปริยาย ผมชอบมาก”
ลุงบุญชาญ เลิศสงคราม แห่งจังหวัดหนองบัวลำภู ทำอาชีพชาวสวนยางพารามาได้ประมาณ 10 ปี มียางที่เปิดกรีด 30 กว่าไร่…ลุงชาญ กล่าวถึงความรู้สึกในการใช้กรดแรดว่า “ใช้มาได้ 2 เดือนแล้วครับ ที่ชอบมากๆ อย่างแรกคือ ยางแข็งเร็วดี แค่หยอด แล้วคนเพียง 3-4 รอบ ก็แข็งแล้ว ต่อมาเมื่อสังเกตดูหลังจากผ่านไป 10 นาที จะเห็นว่าหน้ายางเนียนสวย ไม่มีฟองอากาศ เหมือนกรดอื่นๆ แสดงว่า การใช้กรดแรดไม่ทำให้เกิดฟองอากาศ และเมื่อผมควักดูจะเห็นว่าน้ำที่อยู่ก้นถ้วยเป็นน้ำที่ใสมากๆ นั่นหมายความว่า น้ำหนักยางจะเพิ่มขึ้น ปกติจะกรีดประมาณ 7 มีด ถึงจะควักขาย ตอนนี้กรีดแค่ 5 มีด ก็เต็มถ้วย ควักขายได้แล้วครับ ผมมีความสุขมากครับ”
คุณบุญฤทธิ์ แซ่อุ๋ย หรือ อู๊ด หนุ่มนักสู้ผู้เป็นทั้งเจ้าของสวนยางและเจ้าของลานรับซื้อยางแห่งเมืองน้ำแร่ จังหวัดระนอง “อู๊ด” เล่าให้ฟังว่า “ได้อ่านจากหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งว่า มีน้ำกรดหยอดยางแรด ที่ทำให้ยางไม่มีกลิ่นเหม็น ไม่บวม ไม่เน่า ก็เลยสนใจ เพราะที่ลานยางของผมอยู่ริมถนน ไม่ห่างจากชุมชนที่ที่อยู่อาศัยของชาวบ้านมากนัก วันไหนที่มีการประมูลยางจะเหม็นมาก ซึ่งก็มีการร้องเรียนจากชาวบ้านอยู่พอสมควร หลังจากได้รับทราบข่าวผมก็ติดต่อไปที่บริษัท เกษตรไทยไชโย เขาก็เลยส่งฝ่ายวิชาการมาพบ พร้อมกับนำสินค้าตัวอย่างมาเทสต์กับยางก้อนถ้วย วันนั้นมีชาวบ้านที่สนใจมาดูการเทสต์กรดแรดกับยางก้อนถ้วยหลายสิบคน”
“ผลการทดลองปรากฏว่า ยางแข็งเร็วดี คิดว่าหนีฝนได้สบายมาก รีดน้ำออกมาดี เมื่อผ่านไป 3-4 วัน เอายางมาดม ปรากฏว่ากลิ่นยางไม่เหม็น สมราคาคุย ยางหนึบและยืดหยุ่นดีมาก ได้ค่า DRC สูง นั่นหมายถึง มีความชื้นน้อย เหมาะที่จะไปทำยางเครป ซึ่งทำให้น้ำหนักยางดีครับ…ตอนนี้ลานยางของผมต้องบอกด้วยความมั่นใจว่า กลิ่นเหม็นน้อยมาก ไม่รบกวนชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงอีกแล้วครับ”
อู๊ด…คุณบุญฤทธิ์ หนุ่มเมืองระนองย้ำทิ้งท้ายอย่างมั่นใจ
ต้องย้ำว่า “กรดแรด” ฟอร์มิก สูตรพิเศษเฉพาะของเกษตรไทยไชโย ไม่มีส่วนผสมของ “กำมะถัน หรือ ซัลฟูริก” ที่ทำให้ขี้ยางมีค่าซัลเฟอร์สูง ซึ่งไม่เป็นที่ต้องการของตลาดรับซื้อในต่างประเทศ บริษัท เกษตรไทยไชโย มุ่งมั่นวิเคราะห์ วิจัย เพื่อพลิกชีวิตพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางเพื่อสร้างคุณภาพที่ดี หลุดพ้นจากอันตรายจากสารเคมีและผลิตยางคุณภาพ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ทุกเวลา ที่สายด่วน โทร. (081) 801-4422 หรือ (092) 824-4383