ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
http://www.komchadluek.net/detail/20160425/226452.html
ภารกิจถอนฟ้อง‘ป.ป.ช.’จ้อง อุ้มใคร? : ขยายปมร้อน โดย ณัฐภัทร พรหมแก้ว สำนักข่าวเนชั่น
คลิกออฟการทำงานเข้าเดือนที่ 4 คณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหม่ ที่มี พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ เป็นประธาน กำลังจับเรื่องร้อนกับการพยายามดำเนินการถอนฟ้องคดีการสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ตามที่ 3 จำเลยอย่าง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผบ.ตร. และพล.ต.อ.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีตผบช.น. ยื่นขอความเป็นธรรมพร้อมอ้างหลักฐานใหม่ ให้ ป.ป.ช.พิจารณา แม้คดีจะอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองก็ตาม
มติเสียงข้างมากของที่ประชุม ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 12 เมษายน ที่ผ่านมา ระบุว่า มีสิทธิส่งเรื่องให้ศาลฎีกาฯ พิจารณาถอนฟ้อง จึงตั้งคณะทำงานชุดหนึ่งขึ้นมาวิเคราะห์หลักฐานใหม่ของจำเลยว่าใหม่จริงหรือไม่ หรือมีเหตุผลเพียงพอเปลี่ยนแปลงความเห็นคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดก่อนที่สั่งฟ้องได้แค่ไหนก่อนความเห็นของคณะทำงานจะถูกชงเข้าที่ประชุม ป.ป.ช. เพื่อมีมติว่าสมควรส่งเรื่องถอนฟ้องต่อไปหรือไม่
แม้ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ที่เกี่ยวข้องให้ความเห็นต่อคณะกรรมการว่าไม่สมควรถอนฟ้อง เกรงว่าเคราะห์ซ้ำกรรมซัด ถ้าทำไปแล้วอาจเข้าข่ายทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ หรืออาจถูกฟ้องกลับ แต่ก็ถูกตีกลับให้ทบทวน โดยเฉพาะให้นำคดีสลายกลุ่ม นปช.ปี 2553 ซึ่ง ป.ป.ช.ชุดก่อนตีตก มาเทียบเคียง
สอดคล้องกับความเห็นของเซียนกฎหมายอย่าง “วิษณุ เครืองาม” รองนายกฯ ที่เคยพูดถึงเรื่องถูกฟ้องกลับว่า “พอดีพอร้ายคนที่เคยเป็นจำเลยจะกลับมาฟ้องเอง แต่ต้องรอให้ถูกถอนฟ้องเสียก่อน เพราะการที่เขาถูกฟ้องนั้น เขาต้องทนทุกข์ทรมานอยู่พักหนึ่ง ดังนั้น เมื่อมีการถอนก็แปลว่า เชื่อว่าเขาไม่ผิดใช่หรือไม่ แล้วตอนนั้นทำไมถึงฟ้องเขา มันโดนได้ทุกอย่าง จึงต้องอธิบายให้ได้ พร้อมกับเตือนว่า “เสี่ยงมากกรณีฟ้องและถอน เพราะจะเกิดความสงสัย ใครทำอาจโดนสอบกันเจ็ดชั่วโคตร เนื่องจากตอนฟ้องก็คิดว่าคุณพิจารณาดีที่สุดแล้ว อยู่ๆ มาคุณมาถอนก็ต้องอธิบายให้ศาลเข้าใจได้ อธิบายให้สังคมเข้าใจได้ ไม่อย่างนั้นเขาจะเข้าใจว่าคุณไปกินสินบนมาหรือเปล่า มวยล้มต้มคนดูหรือเปล่า”
ถามว่า ทำไมเมื่อ ป.ป.ช.ทำเรื่องนี้ ถึงได้เกิดข้อกังขากับสังคมทันที นั่นเพราะหลายคนจับตาไปที่ความสัมพันธ์ระหว่าง พล.ต.อ.วัชรพล ที่แนบแน่นกับพี่น้อง “บ้านวงษ์สุวรรณ” ทั้ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม พี่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคฆ์ ที่มีตำแหน่งแห่งหนในรัฐบาลคสช. ได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิก สนช. และเป็นรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ของพล.อ.ประวิตร ซึ่งถูกจับตามาตั้งแต่มีชื่อลงสมัครชิงเก้าอี้กรรมการ ป.ป.ช. จนได้รับเลือก และได้เป็นประธาน ป.ป.ช.ในที่สุด ตอนนั้นก็มีการตั้งข้อสังเกตแล้วว่า มีพลังพิเศษจากผู้มีอำนาจบางคนหนุนให้ได้ตำแหน่งเพื่อหวังให้เข้ามาทำภารกิจพิเศษอะไรหรือไม่
แล้วถ้าย้อนกลับไปในสมัยประธาน ป.ป.ช.คนนี้ยังรับราชการตำรวจ ก็เคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของพล.ต.อ.พัชรวาท น้องเลิฟพล.อ.ประวิตร ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ในตำแหน่งโฆษกสตช. เมื่อปี 2551 โจทย์ยากจึงอยู่ที่ว่า จะอธิบายเรื่องนี้ต่อสังคมให้หายแคลงใจได้แค่ไหนว่าไม่ได้ต้องการช่วยใครเป็นพิเศษ
แล้วถ้าดูภารกิจที่แท้จริงของ ป.ป.ช. คือเร่งเคลียร์คดีโกงส่งอัยการสูงสุด ยื่นต่อศาลพิจารณา ตามนโยบายของประธาน ป.ป.ช.คนนี้ ที่ต้องการสางคดีโกงนับหมื่นที่ค้างอยู่ให้พ้นมือโดยเร็ว
หรือการถอนฟ้องคดีที่ตัวเองเคยฟ้อง จะเป็นภารกิจใหม่ที่ ป.ป.ช.ไม่เคยประกาศ แต่เริ่มเดินหน้าคืนความเป็นธรรมจำเลยแล้ว โดยดึงคดีเก่ามาปัดฝุ่นล้างน้ำทั้งๆ ที่พ้นมือตัวเองไปแล้ว แสดงว่าที่ผ่านๆ มา คดีที่ ป.ป.ช.ฟ้องเองมีข้อบกพร่อง หรือไร้มาตรฐานใช่หรือไม่
จึงต้องจับตาว่า เร็วๆ นี้ หาก ป.ป.ช.มีมติยื่นเรื่องถอนฟ้องคดีนี้ต่อศาลจริง คงเป็นบรรทัดฐานใหม่ให้แก่องค์กร แต่คงไม่ใช่หลักประกันสร้างความเชื่อมั่นใดๆ ทั้งสิ้น ซ้ำจะยิ่งอีนุงตุงนังเข้าไปอีก ถ้าจำเลยคดีอื่นๆ ที่ป.ป.ช.สั่งฟ้องเอง กลับมาอ้างคดีนี้เป็นแบบอย่าง ถึงตอนนั้นคนที่ต้องนั่งกุมขมับ เผลอๆ จะเป็นเจ้าหน้าที่ป.ป.ช. ที่จะเดินหน้าก็ไปได้ไม่สุด เพราะคดีเก่าพอกเป็นหางหมู ส่วนคดีร้องตรวจสอบใหม่ที่รับมาก็ไม่รู้เมื่อไหร่ถึงจะถูกชายตา คำครหาทำคดีชักช้าจะพะยี่ห้อปะหลัง ป.ป.ช.อย่างที่ผ่านมา
แต่นั่นคงไม่เท่ากับคำครหาว่า ป.ป.ช.ชุดนี้ จ้องจะอุ้มใครให้พ้นคดีหรือไม่?
