เทคนิค การบำบัดของเสียจากชุมชน ด้วยวิธีธรรมชาติ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน

http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05080011158&srcday=2015-11-01&search=no

วันที่ 01 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 28 ฉบับที่ 610

หมอเกษตร ทองกวาว

เทคนิค การบำบัดของเสียจากชุมชน

ด้วยวิธีธรรมชาติ

เรียน คุณหมอเกษตร ทองกวาว ที่นับถือ

ผมมีความสนใจจะหาวิธีกำจัดของเสียจากชุมชนที่ผมทำงานอยู่ ไม่ว่าจะเป็นน้ำเสีย หรือขยะของแข็ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเศษพืชผักต่างๆ ด้วยวิธีง่ายๆ ไม่ซับซ้อน และไม่ต้องลงทุนมาก โดยมีเป้าหมายอยากให้ชุมชนสะอาด น่าอยู่ ผมถือโอกาสขอบคุณในความกรุณาของคุณหมอเกษตร มา ณ โอกาสนี้

ด้วยความเคารพ

ศิริพงษ์ ศรีคำวงศ์

เลขที่ 28/3 หมู่ที่ 15 ตำบลผักขะ อำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว 27160

ตอบ คุณศิริพงษ์ ศรีคำวงศ์

ผมมีโอกาสไปเยี่ยมชมและศึกษางาน ที่ โครงการวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเพชรบุรี ได้เห็นต้นแบบวิธีบำบัดของเสียจากชุมชนขนาดเล็กและขนาดกลาง หลายวิธีด้วยกัน แต่คราวนี้ผมขอนำตัวอย่างที่น่าสนใจมาเพียง 2 ตัวอย่าง เท่านั้น คือ

1. วิธีกำจัดขยะของแข็งที่เป็นเศษอาหาร ด้วยบ่อซีเมนต์ ขนาดประมาณ 2×4 เมตร ภายในบ่อรองพื้นด้วยทรายหยาบ เกลี่ยให้เรียบ เติมเศษอาหารประเภทพืชผัก และผลไม้ ปริมาณ 630-650 กิโลกรัม ใส่ปุ๋ยคอก อัตรา 50 กิโลกรัม ต่อบ่อ หว่านให้ทั่ว แล้วทับหน้าด้วยดินร่วน อีก 630 กิโลกรัม เกลี่ยให้เรียบ แล้วรดน้ำ ปริมาณ 100 ลิตร และรดเพิ่มเติมอีก 30 ลิตร ทุกๆ 7 วัน ปล่อยให้จุลินทรีย์ในธรรมชาติช่วยย่อยสลายเศษอาหาร ภายใน 60 วัน จะถูกย่อยอย่างสมบูรณ์ เมื่อคลุกเคล้าวัสดุในบ่อให้เข้ากัน ก็สามารถนำไปใช้เพาะปลูกต้นไม้ได้ดี และ

2. ใช้หญ้า-กก กรองและดูดซับของเสียออกจากน้ำสกปรก ทำแปลง ขนาด 5×100 เมตร 4-5 แปลง โดยมีคันดินกั้นทุกๆ แปลง รองพื้นด้วยทรายหยาบ หนา 20 เซนติเมตร และทับด้วยดินร่วนผสมทราย อัตรา 3 : 1 หนา 50 เซนติเมตร ให้พื้นลาดเอียงไปตามความยาวของแปลง 1 เปอร์เซ็นต์ คิดง่ายๆ ด้วยระยะทาง 100 เมตร ให้มีระดับต่างกัน 10 เซนติเมตร ในแปลงย่อยแต่ละแปลงปลูกหญ้า และกก ชนิดต่างๆ ระยะปลูก 25×25 เซนติเมตร ต้องตัดแต่งทรงต้นทุกๆ 3 เดือน และรื้อทั้งแปลงปลูกใหม่ทุกๆ 5 ปี ปล่อยน้ำเสียเข้าแปลงพร้อมกันทุกแปลง อัตรา 150 ลิตร ต่อนาที หรือประมาณ วันละ 63 คิวบิกเมตร รักษาระดับน้ำไว้ที่ 15 เซนติเมตร กระบวนการบำบัดเริ่มขึ้น ที่ทรายจะดูดซับเอาฟอสฟอรัสจำนวนมากเอาไว้ ต้นหญ้า และ กก จะดูดไนโตรเจนที่มีมากจนทำให้เกิดพิษไปใช้ประโยชน์ ขณะเดียวกันแผงต้นหญ้า และ กก จะช่วยชะลอการไหลของน้ำ ทำให้สารแขวนลอยตกตะกอนลงพื้น จุลินทรีย์ที่ไม่ต้องการออกซิเจนจะย่อยสลายตะกอนที่เป็นอินทรียวัตถุให้แตกตัวเป็นก๊าซระเหยไปในอากาศ ใช้ปั๊มน้ำสูบน้ำหมุนเวียนมาใหม่

ครบ 5 วัน น้ำจะสะอาดขึ้นจนสามารถปล่อยลงแหล่งน้ำธรรมชาติได้อย่างปลอดภัย นี่คือ พระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเราทุกคนครับ ขอจงทรงพระเจริญ

ตอนกิ่งไม้ไม่ออกราก

เรียน คุณหมอเกษตร ทองกวาว ที่นับถือ

ผมมีปัญหาขอเรียนถามว่า ผมเคยตอนกิ่งไม้หลายชนิดออกรากดีมาก เมื่อใช้ฮอร์โมนเร่งราก แต่ตอนนี้ฮอร์โมนที่ผมเคยใช้ไม่มีขายในตลาด ผมจึงตอนกิ่งไม้แล้วไม่ยอมออกราก หรือออกก็น้อยมาก ผมขอเรียนถามว่า ผมควรจะทำอย่างไรดี ขอคำแนะนำด้วยครับ

ขอแสดงความนับถือ

ผู้ถามจากทางบ้าน

เขตดุสิต กรุงเทพฯ

ตอบ ผู้ถามจากทางบ้าน

ก่อนอื่น ผมต้องขออภัยเป็นอย่างสูง ที่ทำ จ.ม. ที่คุณส่งคำถามมาได้หายไป แต่ผมยังจำเนื้อหาของคำถามได้ดี ผมขอตอบคำถามเลยครับ

การขยายพันธุ์พืช ทำได้ 2 วิธี คือ วิธีใช้เพศ กับ วิธีไม่ใช้เพศ วิธีแรกทำได้โดยการผสมเกสรระหว่างเพศผู้กับเพศเมีย เมื่อผสมเกสรแล้วรังไข่ของเพศเมียจะพัฒนาเป็นผลต่อไป ส่วนสำคัญในผลคือ เมล็ด เป็นส่วนที่สามารถใช้เพาะปลูกสืบเผ่าพันธุ์ต่อไป ข้อดีของการขยายพันธุ์ด้วยวิธีดังกล่าว ลูกที่ได้จะมีความหลากหลายของพันธุกรรมมากขึ้น ตัวอย่างเช่น การปรับปรุงพันธุ์กล้วยไม้ ส่วนการขยายพันธุ์โดยไม่อาศัยเพศ เช่น การตอนกิ่ง ติดตา เสียบยอด ทาบกิ่ง และเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ข้อดี ทำได้ง่าย ได้ต้นพันธุ์ที่มีลักษณะเหมือนต้นแม่ทุกประการ

ในกรณีของคุณที่ตอนกิ่งไม้แล้วไม่ออกรากถ้าหากไม่ใช้ฮอร์โมนช่วยนั้น ขอให้คุณทดลองใหม่ ด้วยการใช้มีดคมและสะอาด ควั่น ลอกเปลือกไม้แล้วขูดเมือกออก ทิ้งไว้สัก 2-3 ชั่วโมง หรือข้ามวันไปเลยก็ได้ ระวังอย่าให้แผลช้ำ เลือกกิ่งที่ไม่แก่หรืออ่อนเกินไป วัสดุตอนกิ่งแนะนำให้ใช้ขุยมะพร้าว หรือขี้เลื่อยใหม่ สะอาด มีความชื้นพอเหมาะ บรรจุถุงพลาสติกขนาดเล็ก ผูกปากถุงพอแน่น ผ่าถุงแล้วผูกกับกิ่งบริเวณรอยแผลให้แนบสนิทกันดี ภายในเวลา 21-22 วัน คุณจะได้กิ่งตอนที่สมบูรณ์

แต่หากต้องการความมั่นใจ ตามที่เคยใช้ฮอร์โมนช่วย คุณสามารถหาซื้อฮอร์โมนเร่งราก ซึ่งมีหลายยี่ห้อวางจำหน่ายตามร้านค้าวัสดุการเกษตรทั่วไป ซึ่งมีให้เลือกได้หลากหลายยี่ห้อ ขอให้โชคดีครับ

อ.ต.ก. นำผลไม้ไทย บุกฝรั่งเศส

เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา อ.ต.ก. หรือ องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร ไปจัดงานประชาสัมพันธ์ผลไม้ไทย ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ภายใต้ โครงการเมืองเกษตรสีเขียว ทั้งนี้ คุณธัญลักษณ์ เจริญปรุ รักษาราชการแทน ในตำแหน่งผู้อำนวยการ อ.ต.ก. กล่าวว่า อ.ต.ก. ร่วมกับภาคเอกชน จัดงานแสดงผลไม้ไทยขึ้นที่ Rungis Market ในย่านไชน่าทาวน์ ใจกลางกรุงปารีส การจัดงานครั้งนี้เพื่อประชาสัมพันธ์ผลไม้ไทยให้ชาวฝรั่งเศสได้รู้จักกันมากขึ้น ขณะเดียวกัน ได้ทดลองวางจำหน่ายผลไม้ไทยในย่านธุรกิจซื้อ-ขาย ผลไม้ใหญ่ที่สุดของฝรั่งเศส เพื่อแสดงให้ผู้ค้าและนักธุรกิจชาวฝรั่งเศสได้เห็นศักยภาพการตลาดของผลไม้ไทยในโอกาสเดียวกัน

การนำผลไม้ไทยไปแสดงในครั้งนี้ คุณดรรชนี แก้วสุริยะ หัวหน้ากลุ่มการค้าต่างประเทศและพัฒนาธุรกิจ ให้รายละเอียดเพิ่มเติมอีกว่า ผลไม้ที่นำไปแสดงครั้งนี้ มี แก้วมังกร ลำไย ลองกอง มะม่วงน้ำดอกไม้ ทุเรียนแกะเปลือก มังคุด มะละกอสุก เงาะ สะละ และมะขามหวาน ส่วนผลไม้อบแห้ง มี ทุเรียนอบกรอบ มะม่วง สับปะรด และแคนตาลูป รวมน้ำหนักประมาณ 1 ตัน โดยคาดว่าผลที่ได้จากการจัดงานในครั้งนี้ มีชาวฝรั่งเศสทั้งสัญชาติเอเชีย และชาวฝรั่งเศสแท้ ได้ลิ้มรสผลไม้ไทยไม่น้อยกว่า 1,000 ราย มีการเจรจาธุรกิจอย่างน้อย 5 ราย และจะมีนักธุรกิจเดินทางมาศึกษาตลาดผลไม้ไทยจำนวนหลายราย อ.ต.ก. จึงมั่นใจว่า กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส จะเป็นแหล่งระบายสินค้าประเภทผลไม้ของไทยที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งจะเกิดประโยชน์กับเกษตรกร และของประเทศโดยรวม คุณดรรชนี แก้วสุริยะ กล่าวปิดท้ายด้วยความภาคภูมิใจ

Leave a comment