ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน
http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05094011158&srcday=2015-11-01&search=no
| วันที่ 01 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 28 ฉบับที่ 610 |
เยาวชนเกษตร
สุจิต เมืองสุข
โรงเรียนบ้านใหม่สำโรง สอนวิถีชีวิต ยึดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
พื้นที่การดูแลของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครราชสีมา เขต 2 (อำเภอสีคิ้ว อำเภอปากช่อง อำเภอสูงเนิน) มีโรงเรียนที่อยู่ในการดูแลทั้งสิ้น 220 โรงเรียน ซึ่งโรงเรียนบ้านใหม่สำโรง ตำบลลาดบัวขาว อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา เป็นหนึ่งในทั้งหมดของโรงเรียนที่อยู่ในการดูแล และได้รับคัดเลือกให้เป็นสถานศึกษาพอเพียง ที่มีการดำเนินกิจกรรมการเกษตร ภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยการนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในการเรียนการสอน
โรงเรียนบ้านใหม่สำโรง เป็นโรงเรียนระดับขนาดกลาง มีการเรียนการสอนระดับก่อนปฐมวัยถึงระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น มีนักเรียน 201 คน เปิดการเรียนการสอนมาตั้งแต่ ปี 2520 มีพื้นที่ 27 ไร่
นอกเหนือจากพื้นที่ 27 ไร่ ที่แบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งไว้สำหรับกิจกรรมเกษตร โรงเรียนยังมีกิจกรรมนอกพื้นที่ เป็นพื้นที่นา ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก คุณวรพจน์ สัจจาวัฒนา ประธานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานโรงเรียนบ้านใหม่สำโรง ที่เห็นความสำคัญของการปลูกฝังพื้นฐานด้านการเกษตรให้กับเด็ก ได้จัดแปลงนาไว้สำหรับเด็กได้ลงมือปฏิบัติ นับตั้งแต่ขั้นตอนแรกของการทำนาคือ การเพาะกล้า เพื่อนำกล้าไปปักดำเป็นแถว เรียกว่า การปลูกข้าวต้นเดียว ซึ่งได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการปลูกข้าวจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
คุณวรพจน์ อธิบายว่า ผู้ปกครองของเด็กนักเรียนจะมีอาชีพเกษตรกรรม โดยทำนาเป็นหลัก และปลูกข้าวแบบนาหว่าน แต่เราสอนให้เด็กนักเรียนปลูกข้าวต้นเดียว ด้วยการเพาะกล้าก่อน แล้วนำไปปักเรียง เพื่อลดต้นทุนการผลิต ที่ใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวเพียง 1 กิโลกรัม ต่อไร่ จากเดิมเกษตรกรละแวกนี้จะทำนาโดยใช้ต้นทุนเมล็ดพันธุ์ข้าว 20-30 กิโลกรัม ต่อไร่ ทั้งยังเสริมความรู้ให้กับเด็กนักเรียนทราบด้วยว่า ข้าว 1 กอ สามารถแตกเป็นต้นข้าวได้มากถึง 30 ต้น และหากปลูกในระยะที่พอเหมาะ ไม่จำเป็นต้องลงทุนในส่วนของเมล็ดพันธุ์ข้าวมาก แต่ก็ได้ผลผลิตที่ดีได้เช่นกัน
อาจารย์นัฐพงศ์ เถาะสูงเนิน ผู้อำนวยการ โรงเรียนบ้านใหม่สำโรง ให้ข้อมูลว่า การดำเนินกิจกรรมเกษตรภายในโรงเรียน แบ่งออกเป็น การเลี้ยงปลา การเลี้ยงไก่ การเพาะเห็ด และการปลูกพืช ซึ่งแบ่งเป็นพืชผักสวนครัวและไม้ผล นอกจากนี้ ยังนำมูลสัตว์จากการเลี้ยงไก่มาผลิตเป็นปุ๋ยขี้ไก่ ซึ่งการดำเนินกิจกรรมทั้งหมด ตั้งอยู่ในแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และบูรณาการมาเป็นการเรียนการสอนในวิชาการงานพื้นฐานอาชีพ ที่มีส่วนของการเกษตรกรรมเป็นส่วนหนึ่งในรายวิชาด้วย ทั้งนี้ โรงเรียนเห็นความจำเป็นในการให้ความรู้เชิงเกษตรกรรม เนื่องจากต้องการให้เด็กมีวิชาชีพติดตัว รู้จักความพอดี
“บ่อปลาเป็นบ่อดิน มีทั้งหมด 2 บ่อ ขนาด 30×30 เมตร ปล่อยปลากินพืชทั้งหมด เช่น ปลาจีน ปลานิล ปลาทั้งหมดที่ปล่อยเมื่อได้ขนาดรับประทานได้ จะทยอยนำขึ้นมาเข้าโครงการอาหารกลางวัน หากเหลือจากเข้าโครงการอาหารกลางวันแล้ว จะนำไปจำหน่ายผ่านสหกรณ์ของโรงเรียน สำหรับเด็กนักเรียน ครู และผู้ปกครอง รวมถึงชุมชน ก็สามารถมาซื้อได้ในราคาถูกกว่าท้องตลาด”
อาจารย์นุชรดา นิลสูงเนิน อาจารย์ที่ปรึกษากลุ่มโครงงานอาชีพ เรื่อง การเพาะเห็ด เล่าว่า ปกติการเพาะเห็ดจะเลือกเห็ด 2 ชนิด มาเพาะสลับกัน ได้แก่ เห็ดนางฟ้าภูฏานและเห็ดฮังการี เพราะรสชาติของเห็ดทั้ง 2 ชนิด มีความแตกต่าง ซึ่งจะเป็นทางเลือกให้กับผู้ซื้อได้ดี ทำให้ผลผลิตที่ได้จากเห็ดสามารถจำหน่ายออกได้คล่องตัว ซึ่งการเพาะเห็ดของเด็กนักเรียนที่นี่ จะเริ่มตั้งแต่การทำก้อนเชื้อเห็ด เขี่ยเชื้อ เปิดดอก เก็บสดจำหน่าย และแปรรูป เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้อย่างครบวงจร
อาจารย์นุชรดา บอกด้วยว่า ผลผลิตที่ได้จากเห็ดจะนำเข้าโครงการอาหารกลางวัน หากปริมาณมากจะขายสด หากมีเหลืออีกจะนำไปแปรรูปเป็นแหนม หย็อง น้ำพริก ตากแห้ง จำหน่าย เด็กนักเรียนที่นำไปจำหน่ายจะได้เปอร์เซ็นต์กำไรจากการจำหน่าย ร้อยละ 20 บาท ส่วนกำไรทั้งหมดที่ได้จากโครงการจะเฉลี่ยให้กับเด็กนักเรียนที่เข้าร่วมโครงงานอาชีพการเพาะเห็ดเท่าๆ กัน ทั้งหมด เพื่อเป็นแรงจูงใจให้กับเด็ก เนื่องจากที่ผ่านมาการทำโครงงานอาชีพการเพาะเห็ด นักเรียนจะดูแลและลงมือทำเองทุกอย่าง
เด็กชายพิเชฐ หอมสูงเนิน หรือ น้องอ๊อฟ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 อธิบายถึงการทำก้อนเชื้อเห็ดนางฟ้าภูฏานว่า ให้นำขี้เลื่อยกองกับพื้นที่สะอาด พรมน้ำพอชุ่ม นำส่วนผสม ประกอบด้วย ขี้เลื่อยยางพารา 100 กิโลกรัม ปูนขาว 1 กิโลกรัม ดีเกลือ 2 ขีด รำอ่อน 5 กิโลกรัม และน้ำ คลุกเคล้าให้เข้ากัน เช็กความชื้น (โดยการปั้นเป็นก้อนได้) แล้วนำไปบรรจุถุง น้ำหนัก ประมาณ 1 กิโลกรัม อัดใส่ถุงให้แน่น ใช้ยางรัดให้แน่น ปิดจุกที่คอขวด นำไปนึ่งในอุณหภูมิน้ำเดือด นาน 3 ชั่วโมง นำออกจากถังนึ่ง ปล่อยให้เย็น วางในสถานที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก เขี่ยเชื้อเห็ดลงในก้อนที่นึ่งแล้วให้เต็มคอขวด (20-30 เม็ด) ขณะเขี่ยต้องให้ปลอดเชื้อโรค โดยใช้แอลกอฮอล์เช็ดมือและอุปกรณ์ที่ใช้เขี่ย จากนั้นตั้งก้อนเชื้อทิ้งไว้จนกว่าเชื้อเห็ดจะเดินเต็มถุง ประมาณ 1 เดือน แล้วนำก้อนเห็ดที่เชื้อเดินเต็มถุงแล้วเข้าโรงเรือน พร้อมเปิดฝาจุกและคอขวด หมั่นดูแลรดน้ำให้ชุ่ม วันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น ให้มีความชื้นประมาณ 7-10 วัน เห็ดจะเริ่มออกดอก
เด็กชายพิเชฐ กล่าวอีกว่า การเก็บดอก ควรเก็บดอกที่มีขนาดโตเต็มที่ ด้วยการสังเกตหมวกของดอกเห็ด อายุของก้อนเห็ด ประมาณ 3-4 เดือน ถ้าอุณหภูมิเหมาะสม 1-2 วัน จะให้ผลผลิต 1 ครั้ง ต้นทุนในการทำก้อนเชื้อเห็ดอยู่ที่ก้อนละ 4 บาท กำไรต่อก้อน 20 บาท
สำหรับการแปรรูป เด็กหญิงธนสุดาวรรณ สุขสูงเนิน หรือ น้องต่าย นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เล่าว่า การแปรรูปเห็ดจะต้องรอให้มีผลผลิตเหลือจากโครงการอาหารกลางวันและการจำหน่ายเห็ดสด จากนั้นจึงนำเห็ดที่เหลือมาแปรรูป โดยน้องต่ายอธิบายถึงการแปรรูปเห็ดหย็องว่า นำเห็ดมาฉีกให้เป็นเส้นฝอยๆ แล้วนำไปตากแดดให้แห้ง จากนั้นนำกระทะตั้งไฟใส่น้ำมัน แล้วนำเห็ดที่ตากนำลงไปทอดจนเหลืองกรอบ แล้วนำกระชอนตักพักจนไม่มีน้ำมัน ตามด้วยนำน้ำมันเทออกใส่ถ้วยจนหมด แล้วนำกระทะตั้งไฟใส่น้ำมันเล็กน้อย เพื่อเจียวกระเทียมแล้วใส่พริกไทยเล็กน้อย เมื่อเจียวเสร็จเรียบร้อย ให้นำน้ำมันเทออกใส่ถ้วยจนหมด แล้วนำน้ำเปล่าเทลงไปเล็กน้อย นำน้ำตาลปี๊บใส่ในกระทะ คนจนน้ำตาลปี๊บละลาย ใส่ซีอิ๊วขาวเล็กน้อยพอได้กลิ่น คนต่อไปจนเหนียวได้ที่ นำน้ำซอสที่ได้เทราดใส่เห็ดที่ทอดแล้ว แล้วนำกระเทียมเจียวเทผสมลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากัน จากนั้นนำไปบรรจุใส่ถ้วยพลาสติก นำมาจำหน่ายหรือนำไปรับประทานได้ทันที
ด้าน เด็กหญิงพิชญา เกิดกลาง หรือ น้องเป๊ก นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เล่าถึงการทำ แหนมเห็ด อย่างย่อให้ฟังว่า การทำแหนมเห็ดไม่ยากอย่างที่คิด เพียงนำเห็ดมาฉีกเป็นเส้น จากนั้นนำมานึ่ง ประมาณ 10 นาที ให้เห็ดสุก แล้วนำเห็ดที่ได้ไปล้างน้ำ 3 รอบ นำเห็ดที่ล้างน้ำแล้วมาใส่กะละมัง นำกระเทียมตำแหลก เกลือ ข้าวเหนียวสุก มาคลุกเคล้าให้เข้ากันจนเหนียว ปั้นเป็นก้อน ทิ้งไว้ 2 วัน จะออกรสเปรี้ยว นำมารับประทานได้ แต่ถ้าต้องการเก็บไว้รับประทานนานกว่านั้น ควรเก็บใส่ตู้เย็น
ส่วน อาจารย์ธีระ โชติกลาง อาจารย์ที่ปรึกษากลุ่มเลี้ยงไก่ไข่ กล่าวว่า การเลี้ยงไก่ไข่จะให้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาเป็นผู้ดูแล เพราะเป็นเด็กที่รู้จักความรับผิดชอบในระดับหนึ่งแล้ว โดยจัดเด็ก ห้องละ 2 คน ต่อวัน ดูแลให้อาหารไก่และเก็บไข่ โดยจะให้อาหารวันละ 2 ครั้ง ในเวลา 09.30 น. และเวลา 14.30 น. หลังให้อาหารจะเก็บไข่มาพร้อมกัน ไข่ที่เก็บได้จะใส่ไว้ที่แผงไข่ เมื่อเก็บไข่ตอนเย็นอีกรอบแล้วจึงนำมาส่งให้กับสหกรณ์โรงเรียน ในทุกสัปดาห์ไข่ไก่จะนำมาประกอบอาหารให้กับนักเรียนรับประทาน 3 ฟอง ต่อสัปดาห์ ต่อคน ไข่ไก่ที่เหลือจะจำหน่ายผ่านสหกรณ์ให้กับนักเรียน ครู ผู้ปกครอง และชุมชน ในราคา 80 บาท ต่อ 30 ฟอง ที่ผ่านมาไข่ไก่ไม่เพียงพอต่อการจำหน่าย เพราะเป็นไข่ไก่สด เก็บขายได้ทุกวัน
“ปัจจุบัน ถ้าใครต้องการซื้อไข่ไก่จากโรงเรียน ต้องลงชื่อไว้ เมื่อไข่ผลิตได้ทันความต้องการก็จะแบ่งขายตามคิวที่ลงชื่อไว้ ตอนนี้คิวยาวไปถึง 2 สัปดาห์ ข้างหน้าแล้ว”
สำหรับแปลงผัก มีเพียงผักที่นำเข้าโครงการอาหารกลางวันได้ เช่น กวางตุ้ง คะน้า ผักบุ้ง กะเพรา และมะนาว เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีไม้ผลเล็กน้อย เช่น มะละกอ กล้วย ปลูกไว้ให้กับเด็กเรียนรู้
โรงเรียนบ้านใหม่สำโรง ตำบลลาดบัวขาว อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ยังคงต้องการการสนับสนุนแนวการทำการเกษตรให้กับนักเรียนในรูปแบบที่ต่างกัน หากท่านใดสนใจสนับสนุนเทคโนโลยีการเกษตรให้กับโรงเรียน สามารถติดต่อได้ที่ อาจารย์นัฐพงศ์ เถาะสูงเนิน ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านใหม่สำโรง หรือ คุณวรพจน์ สัจจาวัฒนา คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานโรงเรียนบ้านใหม่สำโรง โทรศัพท์ (081) 790-4191