รายจ่ายแซงหน้ารายได้ แรงงานอ่วม! ติดหนี้นอกระบบมากสุดรอบ 8 ปี

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/612860

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 29 เม.ย. 2559 06:15

 

ม.หอการค้าไทยเผยแรงงานไทยหนี้ท่วม ติดหนี้นอกระบบมากสุดรอบ 8 ปี รายได้ไม่พอรายจ่าย อยากให้นายจ้างขึ้นค่าแรง แต่ผวาตกงาน ขณะที่นายจ้างยอดขายตก ขาดสภาพคล่อง แต่ยังไม่เลิกจ้างงาน

นางอุมากมล สุนทรสุรัติ ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจ “สถานภาพแรงงานไทย : กรณีศึกษาผู้มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาท” จากกลุ่มตัวอย่างทั่วประเทศ 1,212 ตัวอย่าง ว่าแรงงานส่วนใหญ่ 95.9% มีภาระหนี้สิน ซึ่งเป็นอัตราสูงสุดในรอบ 8 ปี โดยส่วนใหญ่ 36.4% กู้เงินเพื่อใช้จ่ายประจำวัน, 15.2% ซื้อยานพาหนะ, 16.7% ซื้อที่อยู่อาศัย และ 16.1% กู้เพื่อใช้คืนเงินกู้

นอกจากนี้ จากการสำรวจยังพบว่า แรงงานมีภาระหนี้ครัวเรือน รวม 119,061.74 บาทต่อครัวเรือน มีความสามารถผ่อนชำระ 8,114.31 บาทต่อเดือน ในจำนวนนี้ เป็นหนี้ในระบบ 39.38% มีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 8.43% ต่อปี และเป็นหนี้นอกระบบ 60.62% เป็นอัตราสูงสุดในรอบ 8 ปี และอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 12.5% ต่อเดือน

อย่างไรก็ตาม เมื่อถามว่าในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา แรงงานเคยผิดนัดชำระหนี้หรือไม่ ผู้ตอบ 83.5% ตอบผิดนัดชำระหนี้ สำหรับสาเหตุการเป็นหนี้ ผู้ตอบ 95.4% ตอบมีรายได้ไม่พอรายจ่าย ส่วน 25.6% ตอบเพราะอัตราดอกเบี้ย, 23.3% ตอบภาระหนี้มากขึ้น และอีก 18.8% ตอบราคาสินค้าแพงขึ้น ส่วนแนวทางแก้ปัญหานั้น ส่วนใหญ่ 29.1% ตอบว่ากู้เงินนอกระบบ, 21.4% ตอบว่าขาย/จำนำสินทรัพย์ที่มี และ 19.9% ตอบว่านำเงินออมออกมาใช้

นางอุมากมลกล่าวอีกว่า ในวันแรงงานปีนี้ คาดว่าจะมีการใช้จ่ายมูลค่า 2,054 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.73% เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้จ่ายช่วงวันแรงงานปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ 34.9% ใช้จ่ายเพิ่มขึ้น, 30.8% ใช้จ่ายเท่าเดิม และ 3.5% ใช้น้อยลง เมื่อถามถึงทัศนะต่อเศรษฐกิจประเทศในปัจจุบัน ส่วนใหญ่ 40.2% เห็นว่าปานกลาง, 27.2% ตอบว่าแย่, 23.1% ดี และเมื่อถามถึงโอกาสในการตกงานพบว่าปี 59 กลุ่มตัวอย่าง 44.1% ตอบว่ามีโอกาสตกลงมาก ซึ่งสูงกว่าปี 58 ที่ตอบมีโอกาสตกงาน 30.9% ปี 57 อยู่ที่ 28.9% และปี 56 อยู่ที่ 17.8%

ขณะเดียวกัน เมื่อถามถึงอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ณ ปัจจุบัน วันละ 300 บาท ส่วนใหญ่ 95.7% ตอบว่าเป็นอัตราที่สมควร อย่างไรก็ตาม ในจำนวนนี้ 60.6% เห็นว่าควรปรับขึ้นตามภาวะค่าครองชีพตามกลไกตลาดที่แท้จริง, 26.8% เห็นว่าควรปรับขึ้นทุกปี และ 12.6% ปรับขึ้น 2 ปีต่อครั้ง ส่วนอัตราที่ควรปรับเพิ่มขึ้น ควรอยู่ที่วันละ 356.76 บาท

ด้านนายธวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า จากผลสำรวจสถานภาพแรงงานพบว่า แรงงานกำลังเผชิญปัญหาหนี้สิน โดยส่วนใหญ่มีภาระหนี้ ซึ่งเป็นอัตราการตอบเป็นอัตราที่สูงสุดในรอบ 8 ปี และแรงงานกำลังเริ่มมีปัญหาการชำระหนี้เพราะสาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้แรงงานก่อหนี้เพิ่มเป็นเพราะนำเงินไปจ่ายหนี้เดิมที่มีอยู่แล้ว ทั้งนี้ มีความน่าเป็นห่วงถึงสัดส่วนหนี้นอกระบบที่เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 8 ปี เช่นกัน ดังนั้น รัฐบาลควรเร่งหามาตรการแก้ปัญหาเพื่อลดการก่อหนี้นอกระบบ รวมถึงเร่งแก้ปัญหารายได้ไม่พอรายจ่ายของแรงงาน เนื่องจากแรงงานส่วนใหญ่แม้จะแสดงความเห็นว่าให้ปรับขึ้นค่าแรงรายวัน แต่จากสถานการณ์ทางธุรกิจ ซึ่งผลสำรวจชี้ว่ายอดขายลดลง ขาดสภาพคล่องทำให้แรงงานมีความกังวลเรื่องการถูกเลิกจ้างมากกว่าความต้องการขอปรับขึ้นค่าจ้าง อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีสัญญาณจากภาคธุรกิจถึงการเลิกจ้างงาน แต่ธุรกิจจะลดการทำโอที (ทำงานนอกเวลา) ไม่จ้างงานเพิ่มเพื่อตัดต้นทุนที่ไม่จำเป็น.

Leave a comment