“เอ-ลิส” ลุยขายลักชัวรี่แบรนด์ จัดทัพใหญ่ขยายฐาน-ปั้นยอด

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/612848

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 29 เม.ย. 2559 05:15

 

นายดนัย สรไกรกิติกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ-ลิส คอร์ปอเรท จำกัด ผู้ทำตลาดลักชัวรี่แบรนด์แฟชั่น อาทิ วาเลนติโน (Valentino), โคลเอ้ (Chloe), จิมมี่ ชู (Jimmy Choo), ดิษยา (Disaya), บูดัวร์ บาย ดิษยา (Boudoir by Disaya), ซัมธิง บูดัวร์ (Something Boudoir) และดิ โอนลี่ ซัน (The Only Son) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดสินค้าหรูหรือลักชัวรี่แบรนด์ยังคงอยู่ในสภาวะทรงตัว เนื่องจากเศรษฐกิจมีผลต่ออารมณ์การจับจ่ายใช้สอยของประชาชน ทำให้ภาพรวมไตรมาสแรกของบริษัทไม่เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ว่าจะเติบโต 47% โดยเติบโตแค่ 30%

“แผนปีนี้บริษัทยังคงมุ่งเน้นหาแบรนด์ใหม่ๆ ที่มีโอกาสเติบโตเข้ามาทำตลาดเสริมทัพ เพื่อผลักดันยอดรายได้รวมของบริษัทเติบโต ล่าสุดอยู่ระหว่างการจัดตั้ง บริษัท ไลก้า (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งจะร่วมทุน กับเจ้าของแบรนด์จากประเทศเยอรมนี คาดว่าภายใน 1 ปี จะเห็นภาพชัดเจน แต่ในเบื้องต้นบริษัทได้เป็นตัวแทนผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายแบรนด์กล้องระดับโลก “ไลก้า” (Leica) อย่างเป็นทางการแล้ว โดยเป็นอิเล็กทรอนิกส์แบรนด์ หรือไลฟ์สไตล์แบรนด์ แบรนด์แรกของบริษัท คาดว่าภายใน 2 ปีที่ทำตลาดให้กับแบรนด์ “ไลก้า” จะทำยอดขายเติบโต 2 เท่าตัว หรือแตะ 500 ล้านบาท จากปัจจุบันที่มียอดขายในประเทศไทยอยู่ประมาณกว่า 200 ล้านบาท”

สำหรับการตั้งราคาขายสินค้า จะอยู่ในระดับที่แข่งขันกับตลาดได้ โดยแบรนด์ “ไลก้า” บริษัทจะตั้งราคาขายเท่ากับที่ขายในเยอรมนี หรือถูกกว่าเดิม 10% โดยขายราคา 25,000-160,000 บาท อย่างไรก็ตาม ปีนี้แม้สภาพเศรษฐกิจจะยังมีผลกระทบต่อกำลังของผู้บริโภค แต่ก็ยังเชื่อว่าบริษัทจะปิดยอดขายจาก 7 แบรนด์ ที่ดำเนินธุรกิจอยู่ได้ถึง 800 ล้านบาท จากปี 2558 ที่ทำได้กว่า 600 ล้านบาท โดยรายได้ส่วนใหญ่มาจากแบรนด์ดิษยาและวาเลนติโน.

Leave a comment