ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
http://www.komchadluek.net/detail/20160501/226838.html
การเมือง : ข่าวทั่วไป
วันอาทิตย์ที่ 1 พฤษภาคม 2559
‘ปนัดดา’ ชี้ จุดจบ ‘ประชาธิปไตยไทย’ นิยมคนรวยจากการโกง ทำร้าย ‘ครอบครัวอังกฤษ’ เหมือนฝันร้าย วอนคนไทยช่วยกันกอบกู้ภาพลักษณ์ของประเทศ
1 พ.ค. 59 ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า
” ข้าพเจ้าศึกษาและประมวลวิเคราะห์เนื้อหาสาระในบทความ ‘ Thailand’s Democratic Failure ’ (ความล้มเหลวของประชาธิปไตยไทย) นับว่าน่าสนใจยิ่ง นักปราชญ์ราชบัณฑิตชาวตะวันตกและอดีตเอกอัครราชทูตชาวสวิสส์อีกท่านหนึ่งได้กล่าวเมื่อครั้งมาเข้าเยี่ยมบิดาผู้ล่วงลับของข้าพเจ้า เอกอัครราชทูต หม่อมราชวงศ์สังขดิศ ดิศกุล เมื่อหลายปีก่อน ณ วังวรดิศ ถนนหลานหลวง อันถือเป็นคำคมทางรัฐศาสตร์ตราบนิรันดร์กาล ว่า 1. คุณความดีของใครก็ตามที่สร้างมาทั้งชีวิตด้วยความเหนื่อยยากแสนเข็ญ จะหมดสิ้นลงเมื่อก้าวสู่ความเป็นนักการเมืองอย่างเต็มตัว 2. หากคิดว่าตนมีดีมีความสามารถ หรือเก่งอยู่เพียงผู้เดียว และองค์กรกับประเทศชาติขาดคุณไม่ได้ นั่นแปลว่า วันสุดท้ายของคุณคงอยู่อีกไม่ห่างไกลเกินรอ
3. การเลือกใช้คน ที่หมายถึงคนรอบข้าง ถือมีความสำคัญเพียงใดที่จะเป็นศรีแก่ตัว เพราะมันย่อมสะท้อนโดยตรงถึงตัวผู้ใช้หรือตัวผู้เป็นนาย กล่าวคือ ต้องสุภาพ มีอัธยาศัยไมตรีจิต ไม่ลืมตัว ไม่รู้น้อยแต่ทำอวดรู้มาก และไม่หยาบคาย 4. เมื่อยังพูดกันถึงแต่เรื่องผลประโยชน์ เรื่องเงินๆ ทองๆ และความร่ำรวย ถือพรรคพวกถือวงศาคณาญาติ เป็นสีเป็นฝ่ายเป็นศัตรู ลบหลู่ดูหมิ่นสถาบันสำคัญของชาติ นิยมชมชอบคนรวยแม้เขาจะได้มาจากการโกงกินทุจริตไม่โปร่งใส ไม่ต้องตั้งคำถามเลยว่าระบอบประชาธิปไตยจะไปรอดหรือไม่ เพราะนั่น คือ จุดจบและความล่มสลายของประชาธิปไตย 5. ทั้งหลายทั้งปวงอยู่ที่พฤติกรรมเฉพาะตัว ที่เรียกว่าปัจเจกบุคคล พ่อแม่ ครูอาจารย์ ท่านสอนมาถือเป็นส่วนหนึ่ง เพื่อให้ลูกหลานเป็นคนดีมีปัญญาในความเป็นนักปกครอง นักบริหาร และพลเมืองดีของชาติ ที่เหลือ ‘ ตนย่อมเป็นที่พึ่งแห่งตน ’ คือ คำว่า ‘ ปัญญา ’ ที่เป็นกุญแจชีวิต ปัญญาไม่มีพื้นที่ให้ใช้กับคนไม่ดี คนทุจริตคดโกง และคนเนรคุณชาติเนรคุณแผ่นดิน “
ข่าวทำร้ายครอบครัวอังกฤษที่หัวหินเหมือนฝันร้าย
ม.ล.ปนัดดา ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว เกี่ยวกับครอบครัวนักท่องเที่ยวอังกฤษที่ถูกทำร้ายร่างกายที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อสงกรานต์ที่ผ่านมา ว่า
“ อ.หัวหิน ที่ข้าพเจ้ารัก นานๆ ที่จะมีความรู้สึกเสียใจต่อการกระทำเช่นนี้ อันไม่ใช่การกระทำของคนไทย มันเหมือนฝันร้าย เพราะเราทุกคนเพิ่งจะผ่านความดีอกดีใจ ความภาคภูมิใจในวิริยภาพของนักกีฬาหญิงไทยไปเมื่อไม่นาน แต่สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ อ.หัวหิน กับชาวต่างประเทศสูงอายุและบุตรผู้มาท่องเที่ยวเมืองไทยช่างเป็นอะไรที่ตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง ขอเราชาวไทยมีความรักสมัครสมานสามัคคีช่วยกันกอบกู้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยและ อ.หัวหิน ที่เราทุกคนรักและหวงแหน กลับคืนสู่ความเป็นหัวหินแห่งความดีงามอีกครั้งหนึ่งโดยเร็ววันที่สุด ”
