‘ปธ.กกต.’เผยแผนประชามติพร้อมทุกขั้นตอนแล้ว

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/detail/20160501/226833.html

การเมือง : ข่าวทั่วไป
วันอาทิตย์ที่ 1 พฤษภาคม 2559
‘ปธ.กกต.’เผยแผนประชามติพร้อมทุกขั้นตอนแล้ว

‘ปธ.กกต.’ เผยแผนประชามติพร้อมทุกขั้นตอนแล้ว เตรียมประสาน ‘สภานายจ้าง-สภาอุตฯ-หอการค้า’ เปิดทางลูกจ้าง-พนง.ออกมาใช้สิทธิ

        1 พ.ค. 59 นายศุภชัย สมเจริญ ประธานกกต. กล่าวถึงความคืบหน้ากระบวนการจัดทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ว่า กกต.ได้จัดเตรียมแผนงานต่างๆไว้พร้อมหมดทุกขั้นตอนแล้ว ทั้งการจัดพิมพ์ร่างรัฐธรรมนูญ สรุปสาระสำคัญร่างรัฐธรรมนูญ รวมถึงการประชาสัมพันธ์เพื่อให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิออกเสียงให้มากที่สุด ซึ่งขั้นตอนของการจัดพิมพ์ร่างรัฐธรรมนูญทางฝ่ายที่รับผิดชอบก็อยู่ระหว่างดำเนินการประกวดราคา เพื่อหาโรงพิมพ์ที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันหลังจากนี้ตนก็จะประสานขอความร่วมมือจากสภานายจ้าง เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกแก่ลูกจ้างในการลงทะเบียนขอใช้สิทธิออกเสียงนอกเขตจังหวัดทางอินเตอร์เน็ต โดยสามารถใช้อินเตอร์เน็ตของนายจ้างได้ รวมทั้งขอความร่วมมือจากสภาอุตสาหกรรมและทางหอการค้าไทยเพื่อให้ลูกจ้างสามารถออกมาใช้สิทธิออกเสียงในวันที่ 7 ส.ค.ได้ด้วย
        นายศุภชัย กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าประกาศกกต.ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการแสดงความคิดเห็นในการออกเสียงประชามติไม่ชัดเจนนั้น ขอชี้แจงว่า หลักการง่ายๆถ้าการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการออกเสียงประชามติเป็นไปโดยสุจริต ไม่ปลุกระดม ไม่ขัดต่อหลักกฎหมายสามารถทำได้เลย ยกตัวอย่าง ไม่เห็นด้วยเพราะอะไร แสดงเหตุผลออกมาในเชิงวิชาการแบบนี้ทำได้ แต่หากปลุกระดมว่าไม่ควรรับร่างรัฐธรรมนูญ แบบนี้ทำไม่ได้ แม้กระทั่งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) จะไปปลุกระดมให้ประชาชนรับร่างรัฐธรรมนูญก็ทำไม่ได้เช่นกัน ทำได้เพียงอธิบายสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญ ส่วนสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)ก็ทำหน้าที่อธิบายประเด็นคำถามเพิ่มเติมและเหตุผลไป
        ” คนที่ทำหน้าที่ชี้ว่าสิ่งใดผิดหรือไม่ผิดคือศาลยุติธรรม ตอนนี้กกต.ออกแนวทางปฏิบัติทำได้ 6 ข้อ ทำไม่ได้ 8 ข้อ ซึ่งถ้าหลังจากนี้จะมีสิ่งใดอีกกกต.ก็จะออกเป็นประกาศเพิ่มเติมต่อไป ขณะนี้กกต.ก็กำลังทยอยคิดอยู่ แต่เอาง่ายๆว่าการวิจารณ์ถ้าอยู่บนพื้นฐานของความสุจริตใจทำได้ การโพสต์ข้อความอย่าไปปลุกระดม หรือใช้ถ้อยคำที่หยาบคายก้าวร้าว รุนแรง อย่างไรก็ตาม ขอประชาชนอย่าไปกังวลเกินเหตุกับแนวทางต่างๆที่ออกมา หากปฏิบัติตามกรอบกฎหมายก็ไม่ต้องไปกังวลอะไร”นายศุภชัย กล่าวและว่า การทำประชามติครั้งนี้ ตนอยากขอให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิกันให้มาก ส่วนจะมีความเห็นอย่างไรก็เป็นสิทธิอันชอบธรรมของทุกคน กฎหมายรัฐธรรมนูญถือเป็นกฎหมายสูงสุดที่ใช้ในการปกครองประเทศใช้บังคับกับทุกคน ” ประธานกกต.กล่าว
สปท.การเมืองซัด กกต.ออกหลักเกณฑ์สับสน
        นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง สปท. กล่าวถึงการออกหลักเกณฑ์ของ กกต.ถึงสิ่งที่ทำได้และไม่ได้ในการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ว่า หลักเกณฑ์ที่ออกมาของ กกต.ยิ่งเขียนยิ่งสับสน เพราะสิ่งที่ห้ามทำในการทำประชามติเขียนไว้ชัดเจนแล้วในมาตรา 61 ของ พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติรัฐธรรมนูญ แต่หลักเกณฑ์ที่ กกต.กำหนดขึ้นมากลับไปเขียนมากกว่าเนื้อหาที่กฎหมายประชามติกำหนด ทำให้เกิดความคลุมเครือสับสน เช่น การห้ามรณรงค์ให้คนคล้อยตามเพื่อให้รับหรือไม่รับร่างที่มีลักษณะปลุกระดมให้เกิดความวุ่นวายทางการเมืองนั้น หมายความว่า ถ้ารณรงค์ในลักษณะไม่ใช่การปลุกระดมสามารถทำได้ใช่หรือไม่ ซึ่งขัดต่อกฎหมายประชามติที่ห้ามรณรงค์เนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญ หรือการติดป้าย เข็มกลัด สติกเกอร์ เป็นการบุคคล ที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ระบุว่า สามารถทำได้ แต่ให้พึงระวังสุ่มเสี่ยงต่อการผิดกฎหมาย สรุปแล้วหมายความว่า จะทำได้หรือไม่กันแน่ หลักเกณฑ์ที่ กกต.ออกมา จะทำได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับการตีความของเจ้าหน้าที่ หากเป็นเช่นนี้ประชาชนจะไม่กล้าทำอะไร ไม่กล้าแสดงความเห็น เพราะกลัวสุ่มเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมายประชามติ
        นายสมพงษ์ สระกวี สมาชิก สปท. กล่าวว่า หลักเกณฑ์ของ กกต.ที่ออกมาเหมือนของเด็กเล่น มีข้อห้ามมากมาย ไม่สอดคล้องกับหลักการประชาธิปไตย และไม่ช่วยสร้างบรรยากาศประชาธิปไตย ทั้งที่หลักการทำประชามติต้องรับฟังความเห็นของประชาชน หลักเกณฑ์ที่ออกมาทุกข้อดูแล้วยังคลุมเครือ จะมีความผิดหรือไม่ขึ้นอยู่กับการตีความของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติว่าจะตีความแบบหาเรื่องหรือไม่ ส่วนกรณีที่สมาชิก สปท.บางส่วนคัดค้านการให้สหประชาชาติและอียูเข้ามาสังเกตการณ์ทำประชามติ โดยระบุเป็นการชักศึกเข้าบ้านนั้น ส่วนตัวเห็นว่าไม่ใช่ชักศึกเข้าบ้าน แต่การเชิญคนมาสังเกตการณ์จะช่วยเป็นปากเสียงอธิบายและการันตีให้ประเทศอื่นๆ เข้าใจได้ว่า ประเทศไทยกำลังเดินอยู่บนถนนไปสู่ประชาธิปไตย ไม่ถือว่ามีผลเสียแต่อย่างใด
‘อุดมเดช’ เตือนระวังความเห็นขัดระเบียบ กกต.
        นายอุดมเดช รัตนเสถียร อดีตประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงหลักเกณฑ์ที่กระทำได้หรือไม่ได้ของ กกต. ช่วงการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ว่า เมื่อเป็นระเบียบที่ กกต. ซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พิจารณาออกมาแล้ว อาจมีทั้งเหมาะสมและไม่เหมาะสม ก็ต้องปฏิบัติตาม ขอเตือนคนที่จะไปวิพากษ์วิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญว่า จะวิจารณ์อะไรต้องใช้ความระมัดระวัง โดยให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับประชาชน และต้องไม่ขัดกับระเบียบดังกล่าวของ กกต. เพราะ กกต.จะเป็นผู้ใช้ดุลพินิจในการแจ้งข้อกล่าวหา หากมีการฟ้องร้องถึงศาล จะเป็นภาระของผู้ถูกกล่าวหาอีกยาว
‘องอาจ’ ชี้ ต้องมีเสรีไม่มัดมือชก
        นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการออกเสียงประชามติ ว่า เมื่อพิจารณาถึงเนื้อหาสาระของกฎหมายประชามติ และบรรยากาศของการทำประชามติแล้วพบว่าเป็นไปในลักษณะมัดมือชก เพราะมาตรา 10 ของกฎหมายประชามติ เปิดโอกาสให้กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) หน่วยงานของรัฐ เจ้าหน้าที่ของรัฐ สามารถเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญให้ประชาชนทราบได้โดยไม่ถือว่าเป็นการจูงใจ ซึ่งย่อมเชื่อได้ว่าคงออกไปประชาสัมพันธ์ถึงข้อดีของรัฐธรรมนูญ และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ก็สามารถดำเนินการประชาสัมพันธ์ถึงข้อดีของคำถามพ่วงที่ให้ ส.ว.จากการสรรหาโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีสิทธิ์เลือกนายกรัฐมนตรีได้เต็มที่เช่นเดียวกับ กรธ. แต่ในส่วนของผู้ที่เห็นต่างไม่สามารถออกไปพูดถึงความเห็นที่แตกต่าง ไม่สามารถพูดถึงข้อเสียในรัฐธรรมนูญได้ และการที่รัฐเอื้อประโยชน์ให้ฝ่ายหนึ่งพูดถึงข้อดีของร่างรัฐธรรมนูญได้ แต่ไม่เอื้อประโยชน์ให้อีกฝ่ายหนึ่งพูดถึงข้อเสีย จึงเท่ากับเป็นการมัดมือชก ทางที่ดีรัฐควรเปิดพื้นที่ร่วมมือสนับสนุน ให้กับผู้เห็นต่างเช่นเดียวกับ กรธ. ก็จะถือว่าเป็นการทำประชามติที่เสรีและเป็นธรรม
        นายองอาจ กล่าวต่อไปว่า อยากฝากไปถึง กกต.และผู้มีอำนาจในบ้านเมืองว่าสาเหตุส่วนหนึ่งที่ต้องมีการทำประชามตินั้น เป็นเพราะคนในสังคมมีความเห็นต่างกันในเรื่องร่างรัฐธรรมนูญ ดังนั้น เพื่อหาข้อยุติในความเห็นที่แตกต่างกันจะต้องทำประชามติ และการที่จะหาข้อยุติในความเห็นต่างกันได้ ผู้คนจะต้องรู้สึกว่าเป็นข้อยุติที่เป็นธรรมจึงจะยอมรับ
        “เพราะฉะนั้นเพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ เราจึงควรช่วยกันทำให้เกิดการยอมรับผลของการออกเสียงประชามติ โดยทำให้มีการทำประชามติที่เสรีและเป็นธรรม เปิดโอกาสให้ทั้งฝ่ายที่เห็นชอบ และไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญได้มีโอกาสถกแถลง แสดงออกด้วยข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วนรอบด้านอย่างเท่าเทียม ขณะนี้ยังมีเวลาอีกหลายเดือน ก่อนจะถึงวันออกเสียงประชามติ ทางผู้มีอำนาจในบ้านเมืองและ กกต.ควรใช้ช่วงเวลานี้ทำให้บรรยากาศการทำประชามติเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ เสรี และเป็นธรรม”

Leave a comment