ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
http://www.komchadluek.net/detail/20160502/226865.html
การเมือง : ข่าวทั่วไป
วันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม 2559
ขยายปมร้อน : ประชามติร่างรธน.ส่อยุ่ง ตั้งแต่หลักกิโลเมตรแรก : โดย…ประพันธ์ จินดาเลิศอุดมดี
กลายเป็นประเด็นร้อนทันที เมื่อมีการจับกุม 8 ผู้ต้องหากระทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และกฎหมายอาญามาตรา 116 ถือเป็นการประเดิม พ.ร.บ.ประชามติมีผลบังคับใช้ แต่ที่ถูกจับตานั้นไม่ใช่เพราะว่าทั้ง 8 คนเป็นใครมาจากไหน แต่เป็นการจับตาว่า ทั้ง 8 คนนั้นจะถูกโยงใยไปถึงใครทางการเมืองบ้างต่างหาก
คงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่มุมหนึ่งย่อมถูกมองว่า สิ่งที่ทหารทำในครั้งนี้ไม่ถูกต้อง เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน และรังแต่จะทำให้ทุกอย่างยิ่งเลวร้ายลงไปกว่าเดิม
ถ้าหากมองจากภาพรวมของสถานการณ์ในขณะนี้แล้วก็อดคิดไม่ได้ว่า สิ่งที่รัฐบาลและ คสช.กำลังทำอยู่ในขณะนี้นั้น คงไม่ได้ทำเพราะสับสนหรือว่าทำเพราะไม่เข้าใจ
ถ้าพูดให้ชัดๆ ไปเลยก็คือ ไม่คิดว่ารัฐบาลจะทำไปแบบมั่วๆ แต่ทั้งหมดนั้นน่าจะเป็นโรดแม็พของการดำเนินการในช่วงเวลาที่กำลังจะมีการทำประชามติ
สังเกตเห็นได้ว่า เมื่อเข้าสู่ช่วงเวลาของการทำประชามตินั้น ท่าทีของรัฐบาลต่อผู้ที่เห็นต่างและผู้ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์นั้น เพิ่มความเข้มข้นขึ้นทันที
ต้องยอมรับว่าถึงนาทีนี้ยังคงสรุปไม่ได้จริงๆ ว่า สิ่งที่รัฐบาลกำลังทำอยู่นั้นจะนำไปสู่แนวทางไหน ระหว่างนำไปสู่การผ่านประชามติร่างรัฐธรรมนูญ หรือเพื่อไม่ให้มีการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญเกิดขึ้นกันแน่
เพราะการพยายามกดทุกฝ่ายให้นิ่งนั้น เสมือนกับว่าต้องการที่จะให้ได้ชัยชนะจากการทำประชามติ ขณะที่การใช้อำนาจจับกุมตัวอาจจะกลายเป็นการจุดชนวนให้เกิดความวุ่นวายขึ้นมาเพื่อไม่ให้มีการทำประชามติเกิดขึ้น
หากมองในมุมที่ว่า เป็นการสร้างสถานการณ์เพื่อไม่ให้มีการลงประชามตินั้น ถ้าพูดจริงๆ ก็คือไม่รู้ว่าจะเดินไปถึงวันที่จะมีการทำประชามติ ที่กำหนดไว้ในวันที่ 7 สิงหาคมหรือไม่
แต่ที่แน่ๆ คือ สำหรับสถานการณ์เฉพาะหน้าของประชาชนบางกลุ่มในขณะนี้นั้น ต่างออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยที่มีการใช้อำนาจแบบนี้ หรือหนักข้อไปถึงขั้นที่ว่า รัฐบาลไม่มีสิทธิ์ที่จะใช้ประชาชนเป็นเครื่องรองรับอำนาจเพื่อเดินไปสู่เป้าหมายทางการเมือง
มุมมองแรกที่ว่า อาจจะไม่มีการทำประชามติ เพราะมีกระแสข่าวออกมาว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ชอบรัฐธรรมนูญฉบับ “มีชัย” เพราะเป็นคนละแนวคิดกันนั้น
คสช.คงไม่ได้อย่างใจทั้งหมดในร่างรัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัย หรือแม้กระทั่งจะมีการบวกคำถามพ่วงเข้าไปด้วยแล้วก็ตาม ตรงนี้จึงอาจจะเป็นที่มาที่ฝ่ายผู้มีอำนาจจะต้องพิจารณาว่า เมื่อเป็นแบบนี้ยังจะเอาจริงหรือไม่ ถ้าเอาจริงก็คงพยายามให้การทำประชามติผ่านไปได้ แต่ถ้าจะไม่เอานั้น ก็เชื่อว่าคงมีวิธีการอื่นที่คิดเอาไว้แล้ว
แต่คนคำนวณหรือจะสู้ฟ้าลิขิตฉันใด คนที่นั่งคิดย่อมไม่สามารถคิดแทนคนทั้งประเทศได้ฉันนั้น
สำหรับมุมมองต่อมาที่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยังอยากจะเขียนรัฐธรรมนูญที่เอื้อมากกว่านี้ มุมนี้ถือว่าเป็นมุมที่ต้องคิดหนัก เพราะถ้าหากไม่มีการทำประชามติเกิดขึ้น แล้วมีการล้มร่างรัฐธรรมนูญไปเฉยๆ ไม่ว่าจะด้วยเหตุใดก็ตาม การร่างรัฐธรรมนูญใหม่โดยมีเนื้อหาที่หนักหนาสาหัสกว่านี้ คงเป็นเรื่องที่ทำได้ยากลำบากมากๆ แล้วในนาทีนี้
เมื่อเป็นแบบนี้ก็ทำให้อดคิดถึงวลีของ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ที่ว่า “เขาอยากอยู่ยาว” ไม่ได้ว่า หรือจะเป็นความจริง แต่จะเดินไปแบบไหนนั้นเชื่อว่ารัฐบาลคงเตรียมไว้หลายแนวทาง คงต้องชั่งน้ำหนักสถานการณ์ไปเรื่อยๆ ก่อน
ส่วนมุมมองสุดท้ายที่ว่า รัฐบาลประเมินแล้วว่าหากมีการเลือกตั้งขึ้นเมื่อไหร่ก็แพ้พรรคเพื่อไทยอยู่ดี มุมมองนี้ไม่ใช่เฉพาะรัฐบาลเท่านั้นที่มอง เพราะคนทั่วๆ ไปก็มองออกว่าพรรคเพื่อไทยน่าจะได้รับคะแนนมากที่สุดในการเลือกตั้งอยู่ดี โจทย์ข้อนี้จึงไม่น่าจะใช่โจทย์หลัก
แต่ถ้าการเดินไปสู่การทำประชามติแล้วผลคะแนนออกมาแบบชนิดที่ว่าคะแนนไม่รับร่างรัฐธรรมนูญมหาศาลนั้น โจทย์ข้อนี้น่าจะมีผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลหรือไม่ มุมมองนี้ถือว่าน่าคิด เพราะถ้าแพ้แล้วแพ้เยอะ อันนี้จะยิ่งยุ่งไปกันใหญ่
ดูเหมือนว่าแค่เริ่มก็ทำท่าจะยุ่งเสียแล้ว ทั้งๆ ที่ยังเป็นเพียงแค่การเริ่มต้นหลักกิโลเมตรแรกๆ ของการบริหารสถานการณ์ในช่วงที่จะมีการทำประชามติเท่านั้นเอง
——————
(ขยายปมร้อน : ประชามติร่างรธน.ส่อยุ่ง ตั้งแต่หลักกิโลเมตรแรก : โดย…ประพันธ์ จินดาเลิศอุดมดี)
