ไม่แน่ใจผิดกฎกกต.อย่าทำ!

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/detail/20160502/226902.html

การเมือง : ข่าวทั่วไป
วันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม 2559
ไม่แน่ใจผิดกฎกกต.อย่าทำ!

‘วิษณุ’ แนะไม่แน่ใจทำอะไรจะผิดข้อห้าม ‘ประชามติ’ เสี่ยงก็ไม่ทำเท่านั้น ระบุ อยากให้ กกต.ขยายความโดยยกตัวอย่างที่เป็นรูปธรรม

                    2 พ.ค. 59  เมื่อเวลา 15.45 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล  นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีการเรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขยายความชัดเจนเรื่องข้อห้ามว่าอะไรทำได้หรือไม่ได้ในการทำประชามติ ว่า สิ่งที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ได้อธิบายในเฟซบุ๊กส่วนตัวเมื่อ 1 – 2 วันที่ผ่านมา อาจจะช่วยแก้ปัญหาความสงสัยไปได้ แม้หลายคนดูแล้วระบุว่าไม่เข้าใจเหมือนเดิม แต่ตนไม่รู้จะเติมอะไรต่อ เพราะรัฐบาลไม่มีอำนาจในการกำหนด เป็นเรื่องของ กกต.ที่ต้องช่วยชี้แจง แต่อยากย้ำว่าเกณฑ์ในเรื่องนี้มีอยู่ในมาตรา 7 และ 61 ของ พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญแล้ว ส่วนใครที่อ่านแล้วไม่เข้าใจนั้น ก็เหมือนกับอ่านกฎหมายทั้งหลายแล้วยังไม่เข้าใจ ซึ่งมันไม่มีใครมีหน้าที่อธิบายกฎหมายนอกจากแสดงความคิดเห็นเป็นส่วนตัว ส่วนถูกหรือผิดไม่รู้ เมื่อไปถึงศาลท่านจะเป็นคนตีความเอง แต่เชื่อว่าเกณฑ์ของ กกต.นั้นจะช่วยลดความเสี่ยงให้ประชาชนได้เยอะ เพราะทำให้ประชาชนพอเข้าใจมากขึ้น
                    นายวิษณุ กล่าวว่า ความจริงในส่วนของประชาชนทั่วไป ตนเชื่อว่าแม้จะงงๆ อยู่ว่าอะไรทำได้หรือไม่ได้ แต่คนโดยทั่วไปก็บอกว่าถ้าอะไรไม่แน่ใจหรือมันเสี่ยงเขาก็ไม่ทำเท่านั้นเอง แต่วันนี้ที่พยายามคาดคั้นให้ออกมาให้ได้ เพราะว่าเผื่อมันได้ก็จะได้ทำ แสดงว่ามีความมุ่งมาดปรารถนาอะไรอยู่เหมือนกัน ซึ่งตนพูดต่อไม่ถูกเหมือนกัน แต่กรุณารับทราบว่าเป็นความเสี่ยงส่วนบุคคล
                    ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตจากบางฝ่ายว่าอะไรไม่ได้เขียนไว้แสดงว่าไม่ผิด นายวิษณุ กล่าวว่า แต่พอไปถึงศาล ศาลอาจบอกว่าที่นึกว่าไม่ได้เขียนแต่จริงแล้วเขียนไว้ เพราะซ่อนอยู่ในคำแล้ว เช่น หยาบคาย รุนแรง และปลุกระดม แปลว่าอะไร เราอ่านแล้วอาจนึกว่าไม่ใช่ แต่เมื่อไปถึงศาล ศาลมีอำนาจตีความ เยอะแยะไปที่อ่านกฎหมายแล้วนึกว่าไม่ได้ครอบคลุม ดังนั้น เป็นความเสี่ยงของคนที่คิดว่าจะทำอะไรที่สุ่มเสี่ยง ทางที่ดีจึงอย่าไปสุ่มและไปเสี่ยง
                    เมื่อถามว่า เท่าที่ดูหลักเกณฑ์ของ กกต.ครอบคลุมดีแล้วหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ตนอยากให้ชัดกว่านี้ เวลาเราพูดถึง Do และ Don’t เราไม่ได้เป็นการลอกกฎหมายมา แต่ต้องยกเป็นตัวอย่างที่เป็นรูปธรรม แล้วจับเอาสิ่งที่คนเขามักทำกันมายกเป็นตัวอย่าง มันจะได้ชัดเจนขึ้น ทีนี้ที่มีความพยายามคาดคั้นเอาความชัดเจนเพราะมีคนจำนวนหนึ่งในสังคมที่อยากจะทำให้ได้ แต่กล้าๆ กลัวๆ มันถึงได้เป็นปัญหา ส่วน กกต.จะไปขยายความเพิ่มเติมหรือไม่นั้นตอบไม่ได้ ตนจะไปรบเร้าไม่ได้ อยู่ที่ กกต.เอง
ป.ป.ช.ไม่ผิด ถ้าคิดว่ามีอำนาจถอนฟ้องคดีสลายพธม.
                    นายวิษณุ กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เตรียมประชุมเพื่อมีมติถอนฟ้องคดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เมื่อปี 2551 ว่า ตนไม่แน่ใจว่าผู้เสียหายในคดีดังกล่าวจะไปดำเนินการฟ้องร้องกับ ป.ป.ช.ได้หรือไม่ กรณีมีการถอนฟ้องจริง แต่ตรงนี้จะถือว่าเป็นการทำผิดก็ไม่ได้ ส่วนหนึ่งต้องไปดูเหตุผลในกรณีที่ศาลไม่อนุญาตให้ถอนฟ้อง ถ้าศาลบอกว่าไม่อนุญาตเพราะไม่มีอำนาจ อย่างนี้ ป.ป.ช.ก็เสี่ยง แต่ถ้าศาลไม่อนุญาตให้ถอนฟ้องเพราะไม่มีเหตุผลอันสมควร ถึงแม้ ป.ป.ช.จะมีอำนาจก็จะบอกว่า ป.ป.ช.ผิดไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องของดุลยพินิจของศาล ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายเขียนว่า การถอนฟ้องในคดีอาญาไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามและไม่ว่าใครเป็นโจทก์ก็ตาม ต้องขอให้ศาลเห็นชอบ มันแสดงอยู่ในตัวว่ามีอำนาจในการถอนฟ้อง
                    “เรื่องนี้ต่างกับกรณีอดีตกรรมการ ป.ป.ช.มีมติขึ้นเงินเดือนตัวเอง เพราะกรณีขึ้นเงินเดือนตัวเอง ป.ป.ช.ไม่มีอำนาจแต่กลับทำ ซึ่งเรื่องจบไปแล้ว ภายหลังนึกได้ก็เอาเงินมาคืนก็ถือว่าความผิดสำเร็จ เพราะฉะนั้นเรื่องการถอนฟ้องไม่ได้เป็นความผิดอะไรในตัว โดยเฉพาะถ้า ป.ป.ช.เชื่อว่าตัวเองมีอำนาจ”
                    ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่ศาลไม่อนุญาตให้ถอนฟ้อง ผู้เสียหายในคดีดังกล่าวต้องนำเหตุผลของศาลมาพิจารณาก่อนหรือไม่ ในกรณีจะฟ้องกลับ ป.ป.ช. นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ใช่แค่ดูก่อน แต่ต้องนำเหตุผลของศาลมาพิจารณาประกอบด้วย
คืนตำแหน่ง ขรก.เอี่ยวทุจริตต้องผ่านการตรวจสอบจาก 4 องค์กร
                    นายวิษณุ กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สั่งการให้เร่งรัดตรวจสอบคืนตำแหน่งให้ข้าราชการที่มีรายชื่ออยู่ในบัญชีที่อาจเกี่ยวข้องกับการทุจริต ว่า มีความคืบหน้าและจากการตรวจสอบเท่าที่เปิดเผยได้ ขณะนี้ก็มีข้าราชการที่มีรายชื่ออยู่มาร้องเรียนว่าตัวเองหลุดพ้นจากการตรวจสอบแล้ว แต่เหตุใดยังไม่คืนตำแหน่งให้ ซึ่งพบว่าส่วนใหญ่พ้นจากเรื่องนี้แต่ก็ยังมีเรื่องอื่นอีกและยังดำเนินการตรวจสอบยังไม่เสร็จสิ้น สมมติว่าหน่วยงานอาทิ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ตรวจสอบข้าราชการรายนั้นๆ แล้วพบว่าไม่ผิด เจ้าตัวก็ดีใจอยากให้คืนกลับสู่ตำแหน่งเดิม แต่สิ่งที่เจ้าตัวไม่รู้แต่ตนรู้คือ เรื่องดังกล่าวแม้จะจบในชั้นการตรวจสอบของ ปปง.หรือ ป.ป.ท. แต่ยังไปติดในชั้นตรวจสอบของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) อาจจะเป็นเรื่องเดียวกันหรือคนละเรื่องก็ได้ แต่ข้าราชการรายไหนที่เคลียร์ตัวเองกับหน่วยงานตรวจสอบทั้ง 4 หน่วยงาน ทั้ง ปปง. ป.ป.ท. สตง. และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แล้วก็จะกลับคืนสู่ตำแหน่งเดิม ซึ่งในอดีตก็มีมาแล้ว 1 – 2 ราย
                    “วันนี้ข้าราชการที่คิดว่าตัวเองเรียบร้อยไปแล้ว แต่ความจริงยังมีเรื่องที่ติดอยู่ ซึ่งเป็นเรื่องอื่นที่เจ้าตัวไม่รู้ นึกว่าโดนเรื่องจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งหน่วยงานที่ตรวจสอบก็ระบุแล้วว่าไม่มี แต่ไปติดอีกเรื่องคือเรื่องการจัดสอบบรรจุบุคคลเข้าทำงานที่มีอีกหน่วยงานหนึ่งตรวจสอบก็ยังเคลียร์ไม่ได้หรอก เพราะฉะนั้นยังต้องดำเนินการอยู่ ซึ่งมีรายชื่อข้าราชการทุกกระทรวง แต่กระทรวงมหาดไทยจะมีคนเกี่ยวพันมากที่สุด จึงมีการทำบัญชีมาให้อย่างเรียบร้อยดี มีการรายงานมาเกือบทุกวัน ส่วนกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬายังไม่ได้รายงานมา แต่ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ตรวจสอบและส่งมาแล้ว 3 ราย แต่ยังมีติดขัดอยู่ เพราะเมื่อตนตรวจสอบกับหน่วยงาน 1 – 2 แห่ง ก็ระบุว่ายังไม่จบ ยังมีบางประเด็นที่ติดใจอยู่ จึงอย่าเพิ่งไปดำเนินการอะไรต่อ”

Leave a comment