ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
http://www.thairath.co.th/content/533345
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 20 ต.ค. 2558 05:01

สิ้นเดือน ต.ค.2558 ย่อมหมายถึงการสิ้นสุดฤดูฝน!
ขณะที่ปริมาณน้ำของ 4 เขื่อนหลัก ในลุ่มน้ำเจ้าพระยามีน้ำใช้การได้อยู่ประมาณ 3,909 ล้านลูกบาศก์เมตร ประกอบด้วย เขื่อนภูมิพล 1,095 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนสิริกิติ์ 1,923 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน 341 ล้านลูกบาศก์เมตรและเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ 550 ล้านลูกบาศก์เมตร
ถือว่าน้อยมาก เมื่อเทียบกับปริมาณน้ำจาก 4 เขื่อนหลักในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2557 ที่มีอยู่ถึง 5,968 ล้านลูกบาศก์เมตร ต่างกันถึงกว่า 2,000 ล้านลูกบาศก์เมตร
และนับจากต้นเดือน พ.ย.2558 เป็นต้นไปจะไม่มีน้ำฝนก้อนใหม่เติมใส่ 4 เขื่อนหลักของประเทศจนถึงเดือน พ.ค.หรือ มิ.ย.2559 ประเทศไทยจะตกอยู่ในสภาวะแล้งยาวถึงประมาณ 8 เดือน
ยิ่งมองย้อนกลับไปขนาด ปี 2557 ประเทศไทยมีปริมาณน้ำถึง 5,968 ล้านลูกบาศก์เมตร ยังเกิดปัญหาขาดน้ำดิบเพื่อผลิตน้ำประปาและภัยแล้งในจังหวัดภาคกลาง ที่เห็นได้ชัดเจน คือ การแย่งชิงน้ำที่ จ.ปทุมธานีและสระบุรี จนต้องเปิด “สระเก็บน้ำพระราม 9” โครงการพระราชดำริของมูลนิธิชัยพัฒนากับโครงการแก้มลิงทะเลสาบบ้านหมอ ต.สร่างโศก อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี เพื่อช่วยเหลือประชาชนให้พ้นจากการขาดน้ำ
และยิ่งเทียบกับความต้องการใช้น้ำใน 8 เดือน คือตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.2558-30 มิ.ย.2559 ก็ยิ่งน่าห่วง เพราะแค่เฉพาะน้ำสำหรับการอุปโภค-บริโภค ก็ต้องใช้ถึงประมาณ 1,500 ล้านลูกบาศก์เมตร และต้องเก็บไว้รักษาระบบนิเวศและผลักดันน้ำเค็ม ประมาณ 2,000 ล้านลูกบาศก์เมตร รวมทั้งสิ้นประมาณ 3,500 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่เรามีน้ำต้นทุนเพียง 3,909 ล้านลูกบาศก์เมตร
หมายความว่า เรามีน้ำเกินสำหรับ บริหารความเสี่ยงอยู่ประมาณ 409 ล้านลูกบาศก์เมตร ใน 8 เดือน นี่ยัง ไม่รวมถึงน้ำเพื่อการเกษตร ที่ต้องใช้อีกจำนวนไม่น้อย
แน่นอน ด้วยปริมาณน้ำที่มีอยู่ชี้ชัดว่าเราต้องถนอมน้ำทุกหยดไว้ใช้เพื่อการบริโภคไม่ให้ ขาดแคลน
ประเทศไทยที่เคยได้ชื่อว่าเป็น “อู่ข้าวอู่น้ำ” จะไม่มีน้ำเหลือเฟือให้คนไทยใช้อย่างฟุ่มเฟือยอีกต่อไป
สำหรับชาวนาโดย เฉพาะใน 22 จังหวัดภาคกลางที่ต้องพึ่งน้ำจาก 4 เขื่อนหลัก จะไม่มีน้ำเหลือให้ปลูกข้าวนาปรังฤดูหน้าอย่างแน่นอน
“วันนี้น้ำในเขื่อนภูมิพล สามารถใช้ได้ 8% เขื่อนสิริกิติ์ 20% แควน้อยฯ 36% และป่าสักชลสิทธิ์ 55% โอกาสที่น้ำจะเพิ่มไม่มีแล้ว ในขณะที่ในช่วงนี้ของปีที่ผ่านมา ปริมาณน้ำในเขื่อนจะอยู่ที่ 6 พันล้านล้านลูกบาศก์เมตรเศษ ซึ่งก็ถือว่าน้อย แต่ในปีนี้กลับน้อยกว่าอีก ใช้สำหรับอุปโภคบริโภคได้เท่านั้น อีกประการที่สำคัญ คือ เมื่อหย่อมความกดอากาศสูงเข้ามาเต็มๆ ในช่วงฤดูหนาว จะเกิดปัจจัยที่ทำให้น้ำหายไป อีกอย่างหนึ่งคือ ลมแรง และอากาศที่แห้งจัด จะทำให้น้ำระเหยเร็วมาก พบว่า ใน 1 วันจะมีน้ำระเหยจากเขื่อนตั้งแต่ 6 มิลลิเมตร ถึง 1 เซนติเมตร ถือว่าระเหยค่อนข้างเยอะทีเดียว ถามว่า 1 เซนติเมตร คิดเป็นน้ำกี่ลูกบาศก์เมตร ตอบไม่ได้ เพราะขึ้นอยู่กับความกว้างของแหล่งน้ำนั้นๆ” ดร.รอยล จิตรดอน ผอ.สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือ สสนก. กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและเลขาธิการมูลนิธิอุทกพัฒน์ฯ ระบุถึงวิกฤตการณ์น้ำในปี 2559
ประเทศไทยจากนี้จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป สภาพดินฟ้าอากาศ เปลี่ยนแปลงแปรปรวนไปหมด
สาเหตุจากหลายปัจจัย ทั้งภาวะโลกร้อนและเอลนิโญ ที่อาจจะทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นกว่าปี 2558 หรือไม่ อย่างไร ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่อยู่เหนือการคาดเดาทั้งสิ้น
ศ.ดร.ธนวัฒน์ จารุพงษ์สกุล ภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ต่อจากนี้ประเทศไทยจะประสบกับภาวะภัยแล้งอย่างแน่นอน เพราะจากแบบจำลองของเอลนิโญที่นัก วิทยาศาสตร์ได้จัดทำขึ้น ซึ่งจะประเมินสถานการณ์จำลองทุกๆ 6 เดือน ปรากฏว่าภาวะภัยแล้งจะเกิดขึ้นอย่างหนักในเดือน พ.ย.2558-ม.ค.2559 และเมื่อเปรียบเทียบความรุนแรงของเอลนิโญในครั้งก่อน ซึ่งเกิดขึ้นในปี 2552 ถือว่าปี 2558-2559 รุนแรงกว่าพอสมควร ค่าเฉลี่ยของการเกิดปรากฏการณ์เอลนิโญในแต่ละครั้งจะเกิดขึ้นประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปีครึ่ง
สรุปได้แน่ชัดว่าวิกฤติ ภัยแล้งรุนแรงแน่ตั้งแต่ปลายปีนี้ถึงปีหน้า
ดังนั้น การปรับตัวเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติจึงเป็นหัวใจสำคัญ นายสุเมธ ตันติเวชกุล ประธานกรรมการมูลนิธิอุทกพัฒน์ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีรับสั่งให้มูลนิธิอุทกพัฒน์ฯ เตรียมแหล่งน้ำและแก้มลิงในโครงการพระราชดำริทั่วประเทศรวมทั้งโครงการที่มูลนิธิอุทกพัฒน์ฯ ร่วมกับกองทัพบก ในโครงการป้องกัน แก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งและการจัดการทรัพยากรน้ำชุมชนตามแนวพระราชดำริ เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนในช่วงสิ้นฤดูฝน”
เลขามูลนิธิชัยพัฒนา กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมา มูลนิธิอุทกพัฒน์ฯ ร่วมกับกองทัพบก ปรับปรุงและพัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็กให้กับชุมชนทั่วประเทศไปแล้ว 124 โครงการ พร้อมจัดตั้งเครือข่ายปฏิบัติการน้ำชุมชนกว่า 400 ชุมชน เพื่อรับมือกับสถานการณ์ภัยแล้งรวมทั้งเตรียมแก้มลิงในลุ่มน้ำเจ้าพระยา เช่น สระพระราม 9 ทะเลสาบบ้านหมอ ฯลฯ คอยให้ความช่วยเหลือประชาชนด้วย
ทีมข่าวสิ่งแวดล้อม มองว่า การจะบอกว่าด้วยปริมาณน้ำที่มีอยู่ขณะนี้ ซึ่งต้องใช้ให้ถึงต้นฤดูฝนปี 2559 จะเพียงพอหรือไม่ คงต้องดูข้อมูล ข้อเท็จจริง คิดตาม และย้อนกลับไปดูประสบการณ์ที่ผ่านมาว่า ทุกฝ่ายร่วมมือ ร่วมใจ ช่วยกันประหยัดน้ำมากหรือน้อยเพียงใด??
ทั้งหากจะมองไปถึงอนาคตเราก็คงได้แต่หวังว่าฤดูฝนปี 2559 ฝนฟ้าจะมาตามปกติ ตกต้องตาม ฤดูกาล
แต่ที่สำคัญเหนืออื่นใด คือ หากเราทุกคนไม่ยอมรับรู้และตระหนักลงมือทำเพื่อรับมือกับสถานการณ์แล้ง การปรับตัวรองรับฝนน้อยฝนมาก
อนาคตประเทศไทยคงหนีไม่พ้นต้องเผชิญกับวิกฤติแล้งอย่างถาวร…!!
ทีมข่าวสิ่งแวดล้อม