ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
http://www.thairath.co.th/content/618221
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 10 พ.ค. 2559 17:02

ม.หอการค้าไทย คาด เปิดเทอมปีนี้ เงินสะพัดเฉียด 5 หมื่นล้าน เพิ่มขึ้น 2.3% สูงสุดในรอบ 3 ปี เหตุ ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่แพงขึ้นหมด ทั้งค่าหน่วยกิต-แป๊ะเจี๊ยะ ผู้ปกครอง บ่นอุบ เงินไม่พอใช้จ่าย ต้องพึ่งโรงจำนำ…
วันที่ 10 พ.ค. 59 นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย แถลง ผลสำรวจผลกระทบของผู้ปกครองในช่วงเปิดเทอมปีนี้ ว่า มีการใช้จ่ายในช่วงเปิดเทอมนี้ คิดเป็นเงินสะพัดรวม 49,145.10 ล้านบาท ขยายตัวสูงสุดในรอบ 3 ปี นับตั้งแต่ปี 2557 โดยขยายตัวคิดเป็นร้อยละ 2.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกับปีที่ผ่านมาที่มียอดใช้จ่าย 48,040.18 ล้านบาท ขยายตัวเพียงร้อยละ 1.9 เท่านั้น ส่วนปี 2557 มียอดใช้จ่าย 47,145.50 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 2.21
ทั้งนี้ รายจ่ายที่เพิ่มขึ้น เช่น ค่าเล่าเรียน ค่าหน่วยกิต เฉลี่ยรายละ 12,462 บาท เพิ่มจากปีก่อน เฉลี่ย 8,074 บาท,ค่าบำรุงโรงเรียน (ตามปกติ) เฉลี่ย 2,091 บาท เพิ่มจากปีก่อนที่เฉลี่ย 1,908 บาท,ค่าบำรุงโรงเรียน กรณีเปลี่ยนโรงเรียนใหม่หรือแป๊ะเจี๊ยะ เฉลี่ยรายละ 9,048 บาท เพิ่มจากปีก่อนที่เฉลี่ยรายละ 8,643 บาท,ค่าหนังสือรายละ 1,693 บาท เพิ่มจากปีก่อนที่เฉลี่ย 1,483 บาท, ค่าอุปกรณ์การเรียน เฉลี่ย 2,030 บาท เพิ่มจากปีก่อนที่เฉลี่ย 1,902 บาท และค่าเสื้อผ้าและรองเท้า 1,237 บาท ลดลงจากปีก่อน เฉลี่ยรายละ 1,884 บาท
สำหรับผลสำรวจ พบว่า ผู้ปกครองร้อยละ 51.3 มีเงินไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายในช่วงเปิดเทอม ส่วนใหญ่จะนำทรัพย์สินโดยเฉพาะทองคำ,เครื่องใช้ไฟฟ้าไปจำนำ ขณะที่ ร้อยละ 48.7 ระบุว่า มีเงินเพียงพอ จากเงินเดือน เงินออม โบนัส รายได้พิเศษ อย่างไรก็ตาม ทัศนะต่อราคาสินค้าเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมาผู้ปกครองส่วนใหญ่ร้อยละ 42.3 ระบุว่า ราคาไม่เปลี่ยนแปลง อีกร้อยละ 33.4 ระบุว่าแพงขึ้น ส่วนที่ถูกลงมีเพียงร้อยละ 24.3
ส่วนทัศนะของผู้ปกครองต่อระบบการศึกษาไทยในปัจจุบัน เมื่อเทียบกับช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ร้อยละ 34.9 ระบุว่าดีขึ้น รองลงมาร้อยละ 22.8 ระบุว่าแย่ลง ขณะที่ร้อยละ 15.9 เห็นว่าไม่แตกต่าง มีเพียงร้อยละ 12.7 ระบุว่าดีขึ้นมากที่สุด และยังเห็นว่าโรงเรียนของประเทศไทยมีมาตรฐานคุณภาพการศึกษาที่เท่าเทียมกัน คิดเป็นร้อยละ 62.4 ส่วนที่บอกว่าไม่เท่าเทียมกัน มีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ 37.6
ด้านความคิดเห็นของผู้ปกครอง เกี่ยวกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และเกม พบว่า ร้อยละ 57.2 ระบุว่า เล่นแล้วไม่ทำให้เสียการเรียน ส่วนร้อยละ 42.8 ระบุว่า เล่นแล้วทำให้เสียการเรียน ส่วนวิธีแก้ไขเมื่อติดเกม ผู้ปกครองส่วนใหญ่ร้อยละ 37 จะบอกว่าให้คำแนะนำถึงข้อดีข้อเสีย รองลงมา ร้อยละ 33.5 ระบุว่า จำกัดเวลาในการเล่น ส่วนร้อยละ 20.27 ระบุว่าให้เล่นเฉพาะวันหยุดหรือช่วงปิดเทอมเท่านั้น และร้อยละ 6.1 ไม่ให้ใช้เลย
นอกจากนี้ ผู้ปกครองส่วนใหญ่ร้อยละ 81.5 เห็นด้วยในระดับแตกต่างกันไป กับการที่กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) จะฟ้องนักเรียนที่กู้เงินแล้วไม่ยอมจ่ายคืนตามกำหนด