ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 10 พ.ค.59 ปิดที่ 1,390.13 จุด ลดลง 4.01 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 44,374.73 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 1,306.03 ล้านบาท

หุ้นซื้อขายสูงสุด CPALL ปิด 48.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท, PTT ปิด 294 บาท ลบ 5 บาท, IVL ปิดที่ 28.25 บาท ลบ 0.50 บาท, KBANK ปิด 161 บาท ลบ 2 บาท และ ADVANC ปิด 151 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง

บล.เอเซีย พลัส ชี้ว่าหุ้นไทยปรับฐานเนื่องจากปกติช่วงเดือน พ.ค.ของทุกปีการซื้อขายในตลาดมักซบเซา

ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานยังไม่มีประเด็นใหม่เข้ามาหนุน ขณะที่ราคาน้ำมันกลับมาปรับตัวลงจึงฉุดหุ้นพลังงานลงอีกรอบ

ประเมินตลาดหุ้นเดือนนี้ คงไม่ทะลุขึ้นถึง 1,400 จุด ขณะที่มีปัจจัยที่ต้องติดตาม คือผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 11 พ.ค.คาดจะยังคงอัตราดอกเบี้ยตามเดิม เพราะขณะนี้รัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมามากแล้ว ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จึงน่าจะเก็บกระสุนไว้ใช้ในยามจำเป็น

แนะกลยุทธ์ลงทุนเลือกหุ้น Defensive ในกลุ่มโรงพยาบาล เช่น BDMS, LPH รวมถึงหุ้น COM7 ที่ประเด็นบวกเข้ามาจากคาดการณ์ว่าจะมีการออกไอโฟนรุ่นใหม่

บล.ธนชาต ในช่วงที่ตลาดพักฐาน ขณะที่หุ้นกลุ่มที่คาดว่าจะ Outperform ตลาด ได้แก่ สถิติในอดีตบ่งชี้ว่าจะปรับสูงขึ้นในเดือน พ.ค. แนะนำ “ซื้อ” หุ้น MINT-CENTEL-BDMS-BH-CPNRF-DIF และ “เก็งกำไร” CPALL รวมทั้งกลุ่มหุ้นที่ได้รับผลดีจากแนวโน้มดอกเบี้ยต่ำ อย่าง SAWAD-MTLS และ KTC

ขณะที่ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ประเมินหุ้นไทยระยะสั้นแกว่งผันผวนกรอบแคบ โดยไร้ปัจจัยบวกและลบที่เด่นชัดกระทบการลงทุน มีเพียงการเก็งกำไรหุ้นรายตัวตามผลประกอบการ Q1/59 ที่ทยอยประกาศออกมาในช่วงโค้งสุดท้าย แต่ภาพรวมเป็นไปตามคาด มีเพียงบางส่วนเท่านั้นที่ดีหรือแย่กว่าคาด

ส่วนประเด็น Sell in May เป็นประเด็นที่ต้องระมัดระวัง เพราะตาม สถิติ 5 ปีย้อนหลัง เกิดเหตุการณ์นี้ถึง 4 ครั้ง ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานที่ยังอ่อนแอ

แนะกลยุทธ์ลงทุน เก็งกำไรหุ้นรายตัวได้ ตราบใดที่ดัชนีไม่หลุดแนวรับ 1,380 จุด หากหลุดให้ชะลอการลงทุน และรอกลับเข้ามาเก็งกำไรอีกครั้งเมื่อดัชนีลงไปทดสอบแนวรับที่ 1,360 จุด ส่วนแนวต้าน 1,400 จุด!!

อินเด็กซ์ 51