จุดเปลี่ยนชีวิต 2 คู่หู…”พยาบาล & เจ้าของโชห่วย” สู่คนต้นทางวิถีเกษตรอินทรีย์

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน

http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05054011258&srcday=2015-12-01&search=no

นที่ 01 ธันวาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 28 ฉบับที่ 612

จุดเปลี่ยนชีวิต 2 คู่หู…”พยาบาล & เจ้าของโชห่วย” สู่คนต้นทางวิถีเกษตรอินทรีย์

เทคโนโลยีการเกษตร

จากเหตุสะเทือนใจที่เกิดขึ้นกับผู้หญิง 2 คน ที่ไม่เคยรู้จักกัน เมื่อพวกเธอได้สัมผัสกับชีวิตของผู้ป่วยระยะสุดท้าย และต้องตายด้วยโรคมะเร็ง ซึ่งเกิดจากผลพวงของสารพิษตกค้างในอาหารเหมือนกัน จนนำมาสู่จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในชีวิต เมื่อสวรรค์ลิขิตให้พวกเขาได้มาเจอกันในพื้นที่โลกสีเขียว ทำให้ทั้งคู่ตัดสินใจเลือกออกแบบชีวิตตัวเอง ด้วยการหวนสู่วิถีอินทรีย์ เพื่อทำหน้าที่ผลิตอาหารปลอดภัยสู่ผู้บริโภค

เรากำลังพูดถึง คุณพชรพรรณ ปัญญาสุทธากุล หรือ ดอท สาวชัยนาท วัย 48 ปี อดีตผู้จัดการฝ่ายการพยาบาลหน่วยงานพิเศษ ของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ย่านฝั่งธนบุรี กรุงเทพฯ และ คุณณารินทร์ ทองยี่สุ่น หรือ ริน อายุ 44 ปี ผู้หญิงร่างเล็กที่เปี่ยมไปด้วยพลัง เจ้าของธุรกิจร้านโชห่วยในจังหวัดนครปฐม

หากย้อนดูหน้าที่การงานกับรายได้ ผู้หญิง 2 คนนี้ สามารถใช้ชีวิตอยู่อย่างสบายๆ แต่ด้วยเหตุอันใดเล่า ที่ทำให้พวกเธอตัดสินใจละทิ้งสิ่งเหล่านั้น แล้วหันมาทำเกษตรอินทรีย์ หรือสิ่งที่ได้ร่วมกันทำเพียงหวังให้คนรุ่นใหม่หันมาใส่ใจสุขภาพ และไม่ต้องเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ด้วยโรคมะเร็งที่แฝงมากับพืชผัก

จุดเริ่มต้นที่ทำให้คนทั้ง 2 ได้มาเจอกัน เกิดขึ้นเมื่อ 4 ปีก่อน คุณรินเล่าว่า ตอนที่เปิดร้านขายของชำ มีโอกาสได้รู้จักกับญาติที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งคนหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนกับคุณดอท วันหนึ่งญาติที่ป่วยแวะมาเที่ยวที่ร้านค้า ยิ่งได้รู้จักกันก็ยิ่งรู้สึกสงสาร เพราะว่าเขาเป็นมะเร็งขั้นสุดท้ายแล้ว

“ตอนนั้นคิดว่า ถ้าทำอะไรให้ได้ก็อยากทำให้ เพราะเรารู้ดีว่าชีวิตผู้ป่วยระยะสุดท้ายสภาพจิตใจมันแย่มากแค่ไหน ตัวเองเริ่มปลูกผักอินทรีย์เล็กๆ น้อยๆ ก็เลยนำไปฝากเขาบ้าง ไปส่งกับข้าวให้บ้าง รู้จักกันได้ปีกว่าๆ เขาก็จากไป ทำให้ย้อนคิดไปว่า หากเขาได้มีโอกาสดูแลสุขภาพของตัวเองตั้งแต่แรก ได้กินอาหารที่ปลอดสารพิษ คงไม่ต้องเป็นโรคร้ายเช่นนี้” ประกายความคิดเล็กๆ เริ่มก่อตัวขึ้น

การเดินเข้าออกโรงพยาบาล กับช่วงเวลาที่ได้ดูแลญาติ ทำให้เธอมีโอกาสได้รู้จัก คุณ “ดอท” พยาบาลสาวผู้เปี่ยมไปด้วยน้ำใจ ได้พบปะพูดคุย จากความคุ้นเคย กลายเป็นความเคยชิน ถึงจุดหนึ่งทำให้รู้สึกได้ว่าแนวคิดตรงกัน มีเป้าหมายเดียวกัน คือต้องการหวนคืนสู่วิถีอินทรีย์

ย้อนไปที่คุณดอท เธอเล่าจุดเปลี่ยนชีวิตของตัวเองให้ฟังว่า ช่วงที่ทำงาน ตำแหน่งก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งตำแหน่งสุดท้ายที่ได้รับ ก็ถือว่าสูงสุดสำหรับตัวเองแล้ว จึงเริ่มรู้สึกอิ่มตัวกับสิ่งที่ทำ ประกอบกับภาพที่เห็นในแต่วันมีคนไข้เข้ามารักษาสุขภาพในโรงพยาบาลเป็นจำนวนมาก และที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งก็เยอะ คิดว่าสาเหตุหนึ่งน่าจะเป็นผลพวงมาจากสารเคมีตกค้างในอาหาร

“หน้าที่ของพี่คือ ส่งคนไข้ไปสวรรค์ รู้ดีว่าเมื่อถึงวาระสุดท้ายของชีวิต ทุกคนอยากย้อนเวลากลับไปดูแลตัวเอง อยากกินอาหารดีๆ อยากมีสุขภาพที่แข็งแรง เรื่องน่าเศร้าใจเหล่านี้มันเกิดขึ้นทุกวัน ประกายความคิดเล็กๆ มันแวบขึ้นมา เราต้องดูแลสุขภาพตัวเองตั้งแต่ร่างกายยังแข็งแรง เพราะเมื่อโรคร้ายมาเยือน มีเงินมากแค่ไหน ก็ไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขได้อีก” เหตุผลสำคัญที่ทำให้คุณดอท มุ่งมั่นที่จะก้าวเดินบนเส้นทางสายอินทรีย์

หลังจากใช้เวลา 2 ปี ในการเคลียร์ภาระตัวเอง และคิดคำนวณชั่งตวงวัด เมื่อค้นพบผลลัพธ์ของความสุข คุณดอทก็ยื่นใบลาออกเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา หันมาสร้างฐานชีวิตด้วยการทำเกษตรอินทรีย์ แต่ทางโรงพยาบาลก็ยังให้ไปช่วยในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์

เมื่อมั่นใจว่าจะเดินไปด้วยกัน ทั้งสองก็เริ่มต้นจากจุดเล็กๆ ด้วยการเพาะต้นอ่อนเมล็ดทานตะวัน โต้วเหมี่ยว ผักบุ้ง กระเจี๊ยบ คุณรินบอกว่า แรกๆ ก็ไม่เข้าใจระบบเกษตรอินทรีย์ แต่พอทำไปนานๆ ได้เจอเพื่อน เจอกลุ่มเครือข่ายพี่น้องสองตำบล+…จนได้เข้าร่วมโครงการสามพรานโมเดล ทำให้ได้พบกับสังคมเกษตรอินทรีย์ ได้องค์ความรู้ใหม่ๆ จากโครงการสามพรานโมเดล ทำให้เข้าใจธรรมชาติ และมีความสุขกับการทำเกษตรอินทรีย์มากขึ้น

“ชีวิตเกษตรอินทรีย์วันแรกๆ ก็ไม่ง่ายนัก เราไม่เคยหยุดนิ่ง ความรู้ไม่เยอะ แต่คุณรินไอเดียสุดยอด ทำงานแบบมีการวางแผน รู้เลยตื่นเช้ามาต้องทำอะไร ที่นี่เป็นวิถีชีวิตที่เรียบง่าย ถึงรายได้ต่อเดือนจะไม่เยอะอย่างที่เคยได้รับ แต่ความสุขที่ได้จากการทำเกษตรอินทรีย์มันไม่น้อยเลย” คุณดอท สะท้อนความรู้สึก

ด้าน คุณอรุษ นวราช กรรมการผู้จัดการสามพราน ริเวอร์ไซด์ และเลขาธิการมูลนิธิสังคมสุขใจ ในฐานะผู้ริเริ่มและผลักดันให้เกิดโครงการสามพรานโมเดล กล่าวว่า สมาชิกแต่ละคนที่ก้าวมาทำเกษตรอินทรีย์ล้วนต่างมีแรงบันดาลใจ แต่ส่วนใหญ่ที่เจอคือ ปัญหาด้านสุขภาพ ทั้งของตนเองและคนรอบข้าง ซึ่งเป็นที่น่าดีใจที่เกษตรกรแต่ละคนที่ผมได้เจอ สามารถค้นพบวิถีทางใหม่ๆ ในการปลูกและดูแล ผลผลิต รวมถึงสามารถขยายต่อยอด จะว่าไปแล้ว การทำเกษตรอินทรีย์กับวิถีชีวิตคือเรื่องเดียวกัน เมื่อได้ปลูกเป็น ก็มีอิสระ เพราะมีแหล่งอาหารปลอดภัยเป็นของตนเอง เมื่อทำตลาดเป็น ก็สามารถขยายฐาน ขยายแปลงปลูกสู่การมีรายได้ที่ดีขึ้น ซึ่งทำให้หลายคนไม่เพียงเปลี่ยนชีวิต มีสุขภาพที่ดีขึ้น แต่ยังมีสังคม และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอีกด้วย

ปัจจุบัน พื้นที่ 3 ไร่ ถูกจัดสรรเป็นสัดเป็นส่วน ปลูกผักผลไม้ที่อยากปลูกกว่า 20 ชนิด เอาผลไม้ลงก่อน ตั้งให้เป็นแนว ใส่ผักระหว่างแนวต้นไม้ ถัดไปปลูกกล้วย ในดงกล้วยก็ทำเล้าไก่ เลี้ยงไก่อารมณ์ดี (เลี้ยงแบบธรรมชาติ) กว่า 300 ตัว ไว้เก็บไข่ขาย ติดกับสวนกล้วย ขุดบ่อเลี้ยงปลา ทำนา เลี้ยงกุ้งล็อบสเตอร์ ส่วนพื้นที่คันนาก็ปลูกบวบไปด้วย พื้นที่ภายในอาคารติดกับตัวบ้านใช้เพาะต้นอ่อน นอกจากนี้ มีการเลี้ยงไส้เดือน ทำน้ำหมักชีวภาพ หมักมูลวัว มูลสุกร ทำสูตรอาหารไก่ เอาไว้ใช้เองอีกด้วย

“ช่วงนี้เป็นช่วงที่เราลงทุน รายได้ต่อเดือนเฉลี่ยประมาณ 20,000 บาท ส่งขายให้กับโรงแรมสามพราน ริเวอร์ไซด์ โดยเฉพาะต้นอ่อนที่ตอนนี้ถือเป็นรายได้หลัก แต่เราตั้งเป้าไว้ว่า ปีหน้าจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่าเดือนละแสน และอนาคตคิดว่า จะพัฒนาสวนแห่งนี้ให้เป็นศูนย์เรียนรู้เกษตรอินทรีย์มีชีวิต ให้เป็นที่พักผ่อนของคนสูงอายุ และสำหรับคนรักษ์สุขภาพที่โหยหาธรรมชาติอันบริสุทธิ์ ที่สำคัญเราเองก็จะเกษียณตัวเองอย่างมีความสุข” คุณริน คุยถึงเป้าหมายในอนาคตให้ฟัง

ถึงแม้จะลงมือได้เพียงไม่นาน ยังก้าวไปไม่ถึงฝัน แต่สิ่งที่ทั้งคู่เก็บเกี่ยวระหว่างทางเดิน มันมากกว่าเงินทอง แต่คือกำไรชีวิตที่มากับความสุข ได้มิตรภาพที่งดงาม ความสมดุลของระบบนิเวศกลับคืนมา ได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่แท้จริง

สำหรับผู้ที่สนใจร่วมแชร์ประสบการณ์ แบ่งปันความรู้ เรื่องการทำเกษตรอินทรีย์อย่างมีความสุข พร้อมเรียนวิธีการเพาะต้นอ่อนให้เติบโต แข็งแรง ด้วยเทคนิคง่ายๆ 4 ขั้นตอน ภายใน 20 นาที กับ คุณดอท และคุณริน ขอเชิญได้ใน “งานมหกรรมวันสังคมสุขใจ” ครั้งที่ 2 จัดโดย มูลนิธิสังคมสุขใจ ภายใต้การสนับสนุนของกองทุนสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ระหว่าง วันที่ 18-20 ธันวาคม 2558 ที่สวนสามพราน อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม รายละเอียดติดต่อศูนย์พัฒนาเกษตรอินทรีย์สุขใจ คุณชฤทธิพร เม้งเกร็ด โทร. (081) 854-0880 คุณเบญจรัตน์ สินสงวน โทร. (084) 670-0930 หรือที่ http://www.sampranmodel.com หรือ Facebook/Sampranmodel

Leave a comment