นิสิตสัตวแพทย์เกษตร ออกค่ายอาสา นำความรู้จากห้องเรียน ลงพื้นที่ปฏิบัติจริง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน

http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05093151258&srcday=2015-12-15&search=no

วันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 28 ฉบับที่ 613

เยาวชนเกษตร

จุไร เกิดควน

นิสิตสัตวแพทย์เกษตร ออกค่ายอาสา นำความรู้จากห้องเรียน ลงพื้นที่ปฏิบัติจริง

ค่ายสัตวแพทย์อาสานิสิต คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นำทีมลงปฏิบัติงานในพื้นที่จริง เสริมประสบการณ์วิชาชีพสัตวแพทย์ภาคสนาม ในปีการศึกษา 2558 ในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการเลี้ยงปศุสัตว์หนาแน่น โดยเฉพาะ กระบือ และข้อจำกัดทางปศุสัตว์ เช่น โภชนาการ การดูแลสุขภาพสัตว์ เป็นต้น

คุณณัฐวุฒิ ลิบขาว นิสิตชั้นปีที่ 4 คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ประธานโครงการค่ายสัตวแพทย์อาสาพัฒนาชนบท คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ภายใต้ชุมนุมสัตวแพทย์อาสาพัฒนาชนบท กล่าวถึงความสำคัญในการลงพื้นที่ออกค่ายในปีการศึกษา 2558 นี้ว่า ในการลงพื้นที่ครั้งนี้จะดำเนินการครอบคลุม 8 หมู่บ้าน ในจังหวัดสุรินทร์ แต่ละพื้นที่จะออกค่ายต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 2 ปี เนื่องจากมีการเลี้ยงโค-กระบือ เป็นจำนวนมาก

กิจกรรมการออกค่ายที่ลงไปปฏิบัติ มีทั้งการถ่ายพยาธิ และการฉีดวัคซีนป้องกันโรคปากและเท้าเปื่อย (FMD) ในโค-กระบือ การฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า (Rabies) ในสุนัขและแมว การหยอดวัคซีนในไก่ การทำ Tuberculosis skin test (TB) การเก็บตัวอย่าง Blood & Feces และตรวจทางห้องปฏิบัติการเบื้องต้น ตลอดจนอบรมให้ความรู้แก่เกษตรกรและเด็กในชุมชน ทำแบบสอบถามข้อมูลเกษตรกร และปรับปรุงแผนที่หมู่บ้านให้เป็นปัจจุบัน โดยจะคัดนิสิตชั้นปี 1-3 ชั้นปีละ 30 คน เข้าร่วมโครงการเตรียมความพร้อมสู่ค่ายสัตวแพทย์อาสาพัฒนาชนบท (pre-camp) เป็นเวลา 1 วัน โดยผู้สอนคือ นิสิตชั้นปี 4-5 ที่จะสอนหลักสำคัญๆ ของวัคซีน ผลกระทบหากสัตว์ไม่ได้รับวัคซีน การปฏิบัติตรวจสุขภาพสัตว์เบื้องต้น การพูดคุยกับชาวบ้านเพื่อทำแบบสอบถาม วิธีการฉีดยา เจาะเลือด เก็บอุจจาระ และบังคับสัตว์ ที่คณะสัตวแพทยศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน

โครงการค่ายสัตวแพทย์อาสาพัฒนาชนบท นิสิตสัตวแพทย์เกษตร จะได้รับประสบการณ์ที่ดี ทั้งการทำงานร่วมกัน การพัฒนาทักษะทางการพูด กระบวนการคิด การวางแผน ฝึกความรับผิดชอบ ตรงต่อเวลา บริหารเวลาให้เหมาะสม และคิดสร้างสรรค์กิจกรรม ได้ทบทวนความรู้ ทบทวนฝึกการทำหัตถการ ได้เรียนรู้ทางวิชาการใหม่ๆ จากข้อมูลปัญหาสุขภาพสัตว์ภายในพื้นที่ที่ออกค่าย และเรียนรู้ขนบธรรมเนียม วิถีชีวิต ภาษาของชาวบ้าน และยังเป็นการช่วยเหลือสังคมให้มีคุณภาพที่ดีขึ้นอีกด้วย

คุณธนพล สันติวัฒนธรรม นิสิตชั้นปีที่ 3 ผู้ซึมซับเรื่องสัตวแพทย์จากครอบครัวมาตั้งแต่เล็กๆ และนับว่าโชคดีที่เป็นนักเรียนผู้มีความสามารถด้านกีฬา ง่ายต่อการตัดสินใจเรียนต่อคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เล่าถึงหน้าที่ในการออกค่าย มีทั้งไปฉีดวัคซีน ถ่ายพยาธิ เจาะเลือด เก็บตัวอย่าง ฯลฯ ให้กับปศุสัตว์และสัตว์เลี้ยงแล้ว และยังพบปัญหา ด้านคอก ด้านโภชนาการ การคุมกำเนิดสุนัข ปัญหาด้านสุขภาพของสัตว์ เป็นต้น ในฐานะสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะแก้ปัญหาสุขภาพสัตว์ให้กับเกษตรกรในชนบทอย่างหวังผล และที่สำคัญต้องบูรณาการองค์ความรู้จากห้องเรียนไปแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกรชนบทที่ห่างไกลความเจริญ เพราะการปศุสัตว์ของประเทศไทย ยังขาดความรู้ ความเข้าใจ ยังต้องการความช่วยเหลือของสัตวแพทย์อีกมาก

“การที่จะเป็นอัศวินที่ดีได้นั้น ต้องเป็นคนเลี้ยงม้ามาก่อน รุ่นพี่สัตวแพทย์เกษตรคนหนึ่งเคยสอนผม การจะเป็นสัตวแพทย์ที่ดีต้องเรียนรู้และฝึกปฏิบัติงานจริงตั้งแต่ในชั้นปีต้นๆ การเรียนทำให้เรามีงานทำ แต่กิจกรรมจะทำให้เราทำงานเป็น”

คุณนุสบา เถระกุล นิสิตชั้นปีที่ 1 เล่าว่า การมาออกค่ายครั้งนี้ก็อยากหาประสบการณ์ใหม่ๆ และได้ร่วมทำงานในด้านต่างๆ ไม่ว่างานทะเบียนเก็บข้อมูล งานเวชภัณฑ์และแล็บ ตั้งแต่ปกป้องกระติกเก็บวัคซีน ฉีดวัคซีน เจาะเลือดเก็บตัวอย่าง ทำแล็บส่องกล้อง งานบังคับจับสัตว์ จากการไปออกค่ายได้เรียนรู้ทั้งการลงพื้นที่ทำงานในฐานะสัตวแพทย์ การปรับตัวการใช้ชีวิตร่วมกันกับคนในบ้านและชาวบ้าน และยังได้พบปัญหาจากโรค Newcastle (โรคคอบิดในไก่ ตายเฉียบพลัน) โรคระบาด ความแห้งแล้งที่ส่งผลกระทบต่อการปลูกพืชอาหารสัตว์ และอัตราการโตของสัตว์ปศุสัตว์ ในฐานะที่จะเป็นสัตวแพทย์ เราต้องรับผิดชอบชีวิตสัตว์ทุกตัว รวมทั้งให้ความรู้กับเจ้าของสัตว์ด้วย

คุณสิริฉัตร ปู่ชู รองประธานค่าย บอกว่า การออกค่าย เราจึงต้องรู้จักนำทฤษฎีเหล่านั้นมาประยุกต์เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์จริง เกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่ที่ห่างไกล ได้เข้าถึงการบริการทางด้านสัตวแพทย์มากยิ่งขึ้น รวมถึงมีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการเลี้ยงและดูแลรักษาสัตว์ที่ถูกต้อง เพื่อจะนำไปต่อยอดและอยู่อย่างพึ่งตนเองได้ในระดับหนึ่ง การออกค่ายมีคุณค่ามากกว่าความลำบากตอนลงพื้นที่ ถือเป็นความท้าทายหนึ่งที่จะทำให้เราโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่ดี และสัตวแพทย์ที่ดีในอนาคต

คุณณัฐวุฒิ กล่าวทิ้งท้ายว่า ค่ายสัตวแพทย์อาสาพัฒนาชนบท ของนิสิตคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นโครงการที่ฝึกให้นิสิตทุกชั้นปี ได้นำความรู้จากในห้องเรียนสู่การปฏิบัติลงพื้นที่จริง โดยเฉพาะพื้นที่ห่างไกลความเจริญที่ยังต้องการความช่วยเหลืออีกมาก นิสิตสัตวแพทย์เกษตร มีจิตอาสาที่จะออกไปรับใช้และช่วยเหลือสังคมชนบทอย่างต่อเนื่อง ดั่งปณิธานของคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่ว่า “สัตวแพทย์เกษตร สัตวแพทย์ของประชาชน”

Leave a comment