ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน
http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05080151258&srcday=2015-12-15&search=no
| วันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 28 ฉบับที่ 613 |
สัตว์เลี้ยงสวยงาม
สุจิต เมืองสุข
บันนี่ ดีไลท์ กาญจนบุรี บ้านกระต่าย ที่แตกต่าง
8 ปีแล้ว สำหรับการก่อตั้ง “บันนี่ ดีไลท์” ฟาร์มกระต่ายสายพันธุ์ฮอลแลนด์ ลอป (Holland Lop) ที่จากการสัมผัสกับเจ้าของฟาร์มและระบบการเลี้ยง ทราบได้ทันทีว่า บันนี่ ดีไลท์ เป็นฟาร์มกระต่ายที่ได้มาตรฐาน มีระบบการดูแลที่รัดกุมและถูกต้องตามหลักการเลี้ยงกระต่ายที่ฟาร์มควรมี แม้จำนวนกระต่ายภายในฟาร์มจะไม่มากมายถึงกับเรียกว่าฟาร์มขนาดใหญ่ได้ แต่ก็เป็นเพราะเจ้าของจำกัดจำนวนไว้ เพื่อให้การดูแลเป็นไปอย่างทั่วถึง
บันนี่ ดีไลท์ มีพื้นที่ที่กว้างขวาง ติดแม่น้ำแม่กลอง แม้จะเข้าเขตอำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี แล้ว แต่การเดินทางอยู่ห่างจากอำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ไปเพียง 20 นาที ของการเดินทางด้วยรถยนต์ จึงถือว่าเป็นการเดินทางที่สะดวก หากต้องการเยี่ยมชมฟาร์มหรือเลือกซื้อกระต่ายฮอลแลนด์ ลอป มาเลี้ยง ทั้งยังแน่ใจได้ว่า สัตว์เลี้ยงน้องใหม่ที่จะรับเข้ามาอยู่ในบ้านด้วยกันนั้นสุขภาพแข็งแรง พร้อมที่จะเป็นสมาชิกใหม่อย่างไม่ต้องกังวลใดๆ
พื้นที่ขนาดเกือบ 6 ไร่ ซึ่งพื้นที่เกือบทั้งหมดปลูกไผ่กิมซุ่ง เพราะเป็นพืชทนแล้ง ทนน้ำท่วมขังได้นาน ลำไผ่ หน่อไผ่ และส่วนต่างๆ ของไผ่ สามารถขายนำมาซึ่งรายได้ของเจ้าของผู้ปลูก แต่สำหรับที่นี่ ผลผลิตจากไผ่กิมซุ่งที่ปลูกไว้นาน ไม่ได้ใช้ประโยชน์ใดๆ นอกจากอาศัยร่มเงาและการกักความเย็นจากต้นไผ่ไว้สูดอากาศบริสุทธิ์ภายในไร่ และร่มเงาพร้อมกับอากาศบริสุทธิ์เหล่านั้นช่วยได้ดีในเรื่องของสุขภาพกระต่าย
คุณปิยะลักษณ์ สาริยา เจ้าของฟาร์มบันนี่ ดีไลท์ ฟาร์มกระต่ายสายพันธุ์ฮอลแลนด์ ลอป บรรยายภาพให้เราเห็นถึงช่วงแรกของการก่อตั้งฟาร์มว่า ต้องการปรับปรุงที่ดินที่มีอยู่ให้เป็นสวน แต่เมื่อในใจรักการเลี้ยงสัตว์ จึงมองหาสัตว์ที่ไม่ก่อให้เกิดเสียงรบกวนเพื่อนบ้าน สิ่งที่นึกถึงคือ กระต่าย เมื่อรู้เป้าหมายของตนเอง จึงเริ่มศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับกระต่าย และสนใจสายพันธุ์ฮอลแลนด์ ลอป เพราะเป็นกระต่ายขนาดกะทัดรัด ไม่ใหญ่ ไม่เล็ก หูตก โดยเริ่มซื้อตัวแรกมาเลี้ยงเป็นกระต่ายโต เพศผู้ และตามด้วยกระต่ายโต เพศเมีย
ความสัมพันธ์ระหว่างกระต่ายกับคน คุณปิยะลักษณ์ บอกว่า ไม่เหมือนสุนัข ความแตกต่างคือ สุนัขเปรียบเสมือนผู้ติดตาม แต่สำหรับกระต่ายจะแสดงความเป็นเจ้านายกับคน โดยการแสดงอารมณ์ออกมา และให้เจ้าของปฏิบัติตามอารมณ์ของกระต่าย หากใครคิดจะเลี้ยงกระต่ายแล้วคิดว่าสั่งได้เช่นเดียวกับการออกคำสั่งสุนัขนั้น เป็นความคิดที่ผิด ดังนั้น ก่อนตัดสินใจเลี้ยงควรพิจารณาให้ดี
“เดิมไม่ได้คิดทำฟาร์ม แต่เมื่อซื้อมาเลี้ยงก็ยิ่งหลงรัก ถึงขั้นอยากทำฟาร์ม แต่เป็นฟาร์มที่ผลิตลูกกระต่ายแล้วเลือกคนซื้อ กระต่ายจากฟาร์มเราต้องมีอายุ 2 เดือน ขึ้นไป จึงจะปล่อยขาย เพราะธรรมชาติของลูกกระต่ายจะกินนมแม่นานถึง 2 เดือน ซึ่งลูกกระต่ายจะมีช่วงที่เริ่มปรับเปลี่ยนอาหารจากนมแม่ไปเป็นอาหารเม็ดหรือหญ้า ระหว่างอายุ 45-60 วัน และจะกินอาหารตามที่แม่กระต่ายกินให้เห็น หากลูกค้าซื้อลูกกระต่ายอายุก่อน 2 เดือนไป ระหว่างที่ลูกกระต่ายต้องปรับเปลี่ยนอาหารจากนมไปเป็นอาหารเม็ดหรือหญ้า จะเกิดปัญหาภายในระบบทางเดินอาหาร จึงมีให้เห็นว่า ลูกกระต่ายจำนวนมากตายเพราะท้องเสีย และปัญหารองลงมาที่พบได้ในลูกกระต่ายอายุไม่ถึง 2 เดือน แต่ต้องเปลี่ยนบ้านคือ กระต่ายปรับตัวไม่ทัน ป่วย และเกิดปัญหาสุขภาพจิต”
คุณปิยะลักษณ์ อธิบายระบบการย่อยอาหารในกระต่ายให้ฟังว่า อาหารที่กระต่ายกินเข้าไปจะถูกดูดซึมไปใช้ หากสารอาหารชนิดใดร่างกายไม่สามารถดูดซึมได้ จะถูกส่งไปที่กระเพาะหมัก ซึ่งที่กระเพาะหมักจะมีจุลชีพ ทำหน้าที่ย่อยอาหาร ซึ่งจุลชีพประกอบด้วยสาร 3 ชนิด คือ ยีสต์ โปรโตซัว และแบคทีเรีย สาร 3 ชนิดนี้จะทำงานโดยการหมักอาหารที่กระต่ายกินเข้าไปและย่อย จากนั้นจะถ่ายออกมาเป็นเม็ดเล็กๆ ติดกัน รูปร่างคล้ายพวงองุ่น เรียกว่า อึพวงองุ่น ซึ่งถ้ากระต่ายกินกลับเข้าไปจะเป็นสารอาหารที่มีประโยชน์มาก ในกรณีที่เลี้ยงกระต่ายเด็ก ควรนำอึพวงองุ่นมาผสมกับนมให้กระต่ายเด็กกิน ควรเป็นนมแพะหรือนมสำหรับกระต่ายเล็กเท่านั้น การนำอึพวงองุ่นผสมกับนมให้กระต่ายเด็กกินจะช่วยลดอาการท้องเสียได้เป็นอย่างดี
อาหารสำหรับกระต่ายที่เหมาะสมที่สุดคือ หญ้า ในไทยหญ้าที่พบได้ทั่วไปและดีสำหรับกระต่ายคือ หญ้าขน แต่ควรเลือกแหล่งที่พบ ควรหลีกเลี่ยงแหล่งหญ้าขนที่ใกล้โรงงานอุตสาหกรรม ในเมือง เพราะจะมีสารปนเปื้อนที่ก่อให้เกิดอันตรายกับกระต่ายเมื่อกินเข้าไป ซึ่งหากทำได้ควรเลือกให้กินหญ้าทิมโมธี คือหญ้าที่มีคุณค่าทางอาหารและไฟเบอร์ที่ดีที่สุด ทั้งยังช่วยปรับสมดุลของระบบการย่อยอาหารให้กับกระต่ายด้วย
มีคำถามที่สงสัยในเรื่องความชอบในการให้ผักและผลไม้ของกระต่าย คุณปิยะลักษณ์ ตอบได้ทันทีว่า ชอบมาก เพราะผักและผลไม้มีวิตามินสูง และเป็นวิตามินที่ไม่มีในหญ้าแห้งและอาหารเม็ด แต่ระบบย่อยของกระต่ายจะมีภาวะไวต่อน้ำตาล หากได้รับน้ำตาลที่มากเกินไปจะทำให้ยีสต์โตเร็ว โอกาสกระต่ายจะป่วยด้วยโรคระบบทางเดินอาหารจะมีสูง หากให้กินต้องให้ในปริมาณที่ไม่มาก หรือเลี่ยงไม่ให้เลยจะดีที่สุดสำหรับผลไม้ แต่ผักให้ได้ในบางชนิด และควรเลือกผักที่ปลอดสาร เนื่องจากผักบางชนิดมีปริมาณน้ำที่สูงเกินความต้องการของกระต่าย ตัวอย่างผักที่ไม่ควรให้กระต่ายกิน เช่น ถั่วฝักยาว แตงกวา แตงร้าน กะหล่ำปลี เป็นต้น ผักที่ให้กินได้ควรเป็นพืชใบเขียวแต่กลิ่นไม่ฉุนจนเกินไป เช่น กวางตุ้ง ผักกาดหอม ผักกาดเขียว ผักกาดขาว และผักที่กินแล้วช่วยเสริมธาตุเหล็กให้กับกระต่าย เช่น คะน้า กะเพรา โหระพา เป็นต้น แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ควรให้ในปริมาณมาก แม้ว่าจะมีแร่ธาตุหรือวิตามินที่เป็นประโยชน์ต่อกระต่ายก็ตาม
“กระต่ายเกือบทุกสายพันธุ์ชอบอากาศเย็น อุณหภูมิประมาณ 18 องศาเซลเซียส แต่ถ้าในประเทศที่สภาพอากาศร้อน ควรเลี้ยงในห้องที่ควบคุมอุณหภูมิระหว่าง 24-27 องศาเซลเซียส เพราะกระต่ายเป็นสัตว์ที่มีพื้นที่ระบายความร้อนออกจากร่างกายเฉพาะบริเวณใบหูเท่านั้น หากอากาศร้อนจะสะบัดขนทิ้ง เพื่อเปิดให้ร่างกายมีพื้นที่ระบายความร้อน สำหรับบันนี่ ดีไลท์ จะเปิดพัดลมให้ภายในโรงเรือนกระต่ายเวลากลางคืน และเปิดแอร์ควบคุมอุณหภูมิให้ในเวลากลางวัน”
การดูแลกระต่ายของคุณปิยะลักษณ์ มองไปถึงความสุขที่กระต่ายควรได้รับ สุขภาพจิตที่ดี ดังนั้น การปล่อยให้กระต่ายมีอิสระในการวิ่งเล่นจึงเป็นสิ่งจำเป็น ดังนั้น ในทุกวัน กระต่ายเพศเมียจะได้รับการปล่อยที่พื้นดินเป็นฝูง ครั้งละ 10-15 นาที ส่วนกระต่ายเพศผู้ จำเป็นต้องปล่อยครั้งละ 1 ตัว ต่อ 10-15 นาที เพราะกระต่ายเพศผู้จะกัดกัน อาจทำให้กระต่ายได้รับอันตรายได้
การผสมพันธุ์ในกระต่าย คุณปิยะลักษณ์ แนะนำว่า ควรรอให้กระต่ายมีความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจในการผสม โดยควรรอให้อายุกระต่ายอย่างน้อย 10-12 เดือน หากผสมเร็ว ฮอร์โมนในแม่กระต่ายยังไม่เต็มที่ โอกาสไม่เลี้ยงลูก กัดลูกตายมีสูง หรือแม่กระต่ายบางตัวเครียด ทำให้เกิดภาวะดร็อปแคลเซียม ส่งผลต่อเนื่องไปถึงน้ำนมเป็นพิษ เมื่อลูกกระต่ายกินก็จะตาย
การผสมพันธุ์สำหรับบันนี่ ดีไลท์ จะดูสีที่ตลาดกระต่ายต้องการ ในไทยสีที่ต้องการจะเป็นสีอ่อน หรือสีส้ม ที่ถูกมองว่าเป็นสีทอง สีมงคล เพราะหากผสมได้สีเข้มหรือทึบ ซึ่งคนไทยไม่ชอบ จะทำให้ลูกกระต่ายขายยาก เมื่อทราบสีที่ต้องการก็ให้เลือกแม่พันธุ์ โดยเลือกกระต่ายเพศเมียที่เป็นฮีส (ภาวะเป็นสัด) ซึ่งสังเกตจากอวัยวะเพศมีสีเข้ม จากนั้นเลือกวันผสม เพื่อกำหนดวันคลอดให้ตรงกับวันว่างในการทำคลอดแม่กระต่าย
“กระต่ายที่คนไทยชอบและขายออกง่ายที่สุดคือ ขนฟู ตัวเล็ก สีอ่อนหรือสีขาว ตาแดง”
ในการผสมพันธุ์จะปล่อยให้กระต่ายเพศผู้และเมียอยู่ด้วยกัน คอยสังเกตกระต่ายเพศผู้ขึ้นคร่อมทับกระต่ายเพศเมีย ใช้เวลาไม่นาน แสดงว่าผสมได้แล้ว จากนั้นควรปล่อยให้อยู่ด้วยกันอีกสักพัก เพื่อให้กระต่ายเพศผู้ขึ้นคร่อมทับเพศเมียเพื่อผสมอีกครั้ง ให้มั่นใจว่าได้รับการผสมแล้ว
ในกระต่ายเพศเมีย หากได้รับการกระตุ้นโดยกระต่ายเพศผู้หลายครั้ง จะทำให้ได้ไข่หลายใบและได้รับการผสมเป็นลูกกระต่ายหลายตัว โดยเฉลี่ยกระต่ายให้ลูก 2-4 ตัว และควรเลิกผสมสำหรับแม่พันธุ์อายุเกิน 3 ปี เพราะมดลูกของกระต่ายจะทำงานหนัก และลูกกระต่ายที่ได้ไม่แข็งแรง
ระหว่างกระต่ายตั้งท้อง คุณปิยะลักษณ์ บอกว่า ควรให้อาหารตามปกติ ยกเว้นก่อนคลอด 2 วัน ควรให้อาหารเสริมเป็นแคลเซียม โปรตีน และหญ้าอัลฟาฟ่า ซึ่งเป็นหญ้าที่มีโปรตีนและแคลเซียมสูง ก่อนคลอดกระต่ายจะเริ่มกัดขน จะกัดขนออกไปวางสำหรับทำรังคลอด มากหรือน้อยขึ้นกับกระต่ายสามารถหาหญ้าแห้งไปทำรังสำหรับคลอดได้มากแค่ไหน ดังนั้น เมื่อใกล้คลอดให้นำหญ้าแห้งไปวางไว้ แม่กระต่ายจะคาบไปทำรังเตรียมคลอด เมื่อเริ่มคลอดให้คอยสังเกตห่างๆ ปล่อยให้แม่กระต่ายคลอดเองจนเสร็จ จึงเข้าไปสำรวจจำนวนลูกกระต่าย และช่วยเอารกออก กรณีที่แม่กระต่ายกินรกไม่หมด เพราะจะทำให้มดขึ้น เป็นอันตรายต่อตัวกระต่าย
ปัจจุบัน บันนี่ ดีไลท์ มีกระต่ายในความดูแล ประมาณ 50 ตัว เป็นพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์ทั้งหมด
คุณปิยะลักษณ์ ให้ข้อมูลด้วยว่า ตลาดกระต่ายสวยงามในประเทศไทย ปัจจุบันยังคงไปได้ดี โดยเฉพาะกระต่ายเพศเมียความต้องการในตลาดมากกว่าเพศผู้ เนื่องจากผู้เลี้ยงส่วนใหญ่ต้องการให้กระต่ายที่เลี้ยงไว้ตั้งท้องและคลอดลูก ให้ความรู้สึกมีลูกกระต่ายเป็นของตนเอง อย่างไรก็ตาม แม้ว่าความต้องการกระต่ายในตลาดกระต่ายสวยงามมีสูง แต่ราคาซื้อขายกระต่ายไม่ได้สูงตามไปด้วย เนื่องจากกระต่ายเป็นสัตว์ขยายพันธุ์ได้รวดเร็ว การรับประกันสายพันธุ์สามารถทำได้ง่าย จึงทำให้ผู้ขายจำนวนมากทำใบรับประกันสายพันธุ์ขึ้นเอง และจำหน่ายในราคาถูกลง เพื่อตัดราคาแหล่งขายอื่น
บันนี่ ดีไลท์ แม้จะไม่ใช่ฟาร์มขนาดใหญ่ มีพ่อพันธุ์แม่พันธุ์เพียง 50 ตัว ซึ่งเหตุผลจากการที่คุณปิยะลักษณ์ต้องการจำกัดจำนวนเลี้ยงไว้เพียงเท่านี้ เพื่อการดูแลที่สะดวกและทั่วถึง และหากลูกค้าสนใจกระต่ายของบันนี่ ดีไลท์ คุณปิยะลักษณ์ขอให้ศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด และหากมีเวลาพอ ขอให้เดินทางมาดูที่ฟาร์มด้วยตนเอง หรือหากอยู่ไกล ไม่สะดวกจริงๆ ก็สามารถพิจารณารายละเอียดของฟาร์มได้ที่เว็บไซต์ http://www.BunnyDelight.com หรือเฟซบุ๊ก BunnyDelight ถ้าต้องการสอบถามก่อน สามารถโทรศัพท์พูดคุยกับคุณปิยะลักษณ์ สาริยา ได้ที่ โทร. (081) 563-5098