พฤกษาบรรดาพุทธองค์ ทรงประทับ สดับโพธิ์พฤกษ์

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน

http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05031151258&srcday=2015-12-15&search=no

วันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 28 ฉบับที่ 613

พฤกษากับเสียงเพลง

มานพ อำรุง

พฤกษาบรรดาพุทธองค์ ทรงประทับ สดับโพธิ์พฤกษ์

“พระพุทธเจ้าทรงผจญมาร ณ โคนโพธิ์พฤกษ์

ถึงความเป็นผู้เลิศ

ทรงบันเทิงอยู่ในอภิเษกของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย

ให้เกิดความยินดีแก่ชนชาวศากยะ

พระองค์ทรงชนะมาร ณ อปราชิตบัลลังก์

เหนือใบบัว คือ ปฐพี อันเป็นประธาน ฉันใด

ขอท่านจงเป็นผู้ชนะ (มาร) ฉันนั้นเถิด”

จาก…คำแปล บทบาลีคาถา ที่จารึกไว้ใต้ “พระแท่นวัชรอาสน์”

อนุสรณ์ระลึกถึงพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และในอนาคต พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ ทรงมีต้นโพธิ์ หรือต้นไม้เป็นที่ประทับตรัสรู้ เป็นต้นไม้ประจำทุกพระองค์ ดังคำกล่าวที่ว่า “พระพุทธเจ้าตรัสรู้ ณ ควงต้นไม้ใด ต้นไม้นั้นเรียกว่า โพธิ์พฤกษ์ หรือ ต้นโพธิ์”

ปักษ์ที่ผ่านมาได้เขียนถึง ต้นโพธิ์ ศรีมหาโพธิ ซึ่งเป็นที่ประทับตรัสรู้ของพระผู้มีพระภาค พระนามว่า “พระพุทธโคดม” ชาวโลกขนานนามต้นพระศรีมหาโพธิว่า “อัสสัตถพฤกษ์” ประดิษฐานอยู่ใกล้แม่น้ำเนรัญชรา และมีวัดพุทธนานาชาติเรียงรายอยู่โดยรอบ เป็นที่ปฏิบัติธรรมของเหล่าศาสนิกศรัทธา

ต้นโพธิ์ ถือเป็น 1 ใน “สหชาติ” คือเกิดขึ้นในวันเดียวกับพระพุทธเจ้า จาก 7 สิ่ง จึงจัดเป็นความสำคัญที่เกี่ยวข้องและต้องกล่าวถึง เมื่อกล่าวถึงพระพุทธประวัติ หรืออาราธนามุทิตาจิตถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เปรียบเสมือนเจดีย์ที่ควรแก่การเคารพสักการะ ดังนั้น การเรียนรู้ประวัติความเป็นมาของต้นพระศรีมหาโพธิ อันเป็นต้นไม้ประจำพระพุทธองค์ จึงถือเป็นการศึกษาประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาในอีกด้านหนึ่งด้วย

จากที่เคยกล่าวถึงหนังสือ “ต้นไม้ประจำพระพุทธองค์” ซึ่งรวบรวมโดย พระมหา ดร. ประมวล ฐานทัตโต (บุลาลม) และจัดพิมพ์โดย กองทุนบุญนิธิหลวงพ่อองค์ดำ ร่วมกับ สมาคมพุทธไทย และกองทุนปลูกรากแก้วศาสนทายาท วัดพระราม 9 เพื่อแจกเป็นธรรมทาน ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ได้กล่าวถึงเรื่องราวของพระพุทธเจ้า และต้นไม้ที่พระพุทธองค์ทรงประทับไว้ทั้งอดีตและอนาคต ทำให้ได้ทราบว่า พระพุทธเจ้าที่เราได้เรียนรู้จากพุทธประวัตินั้น ตามตำราพระพุทธศาสนามิได้มีเพียงพระพุทธองค์ที่เรารู้จักในบทเรียนเท่านั้น มีคัมภีร์วงศ์กล่าวไว้ว่า มีพระพุทธเจ้า ถึง 28 พระองค์ ดังปรากฏในหนังสือที่ได้กล่าวมานี้

คัมภีร์พุทธวงศ์ ว่าด้วยประวัติพระพุทธเจ้าทั้งหมด 28 พระองค์ เริ่มจากพระพุทธเจ้า พระนามว่า ทีปังกร จนถึงพระพุทธเจ้าพระองค์ปัจจุบัน ความจริงยังปรากฏพระนามของพระพุทธเจ้า อีก 3 พระองค์ ในพุทธปกิณณกกัณฑ์ คือ พระตัณหังกรพุทธเจ้า พระเมธังกรพุทธเจ้า และพระสรณังกรพุทธเจ้า ซึ่งพระพุทธเจ้า ทั้ง 3 พระองค์นี้ เสด็จอุบัติขึ้นในกัปเดียวกันกับพระทีปังกรพุทธเจ้า แต่เพราะมิได้เป็นบุญเขตของพระพุทธเจ้าพระองค์ปัจจุบันนี้ พระองค์จึงไม่ทรงเล่าพระประวัติพระพุทธเจ้า ทั้ง 3 พระองค์ ไว้ในพุทธวงศ์

พระพุทธเจ้าทั้ง 28 พระองค์ ทรงมีต้นไม้เป็นที่ตรัสรู้ หรือ โพธิ์พฤกษ์ ที่แตกต่างกัน เป็นต้นไม้ประจำพระองค์ ดังมีรายชื่อต่อไปนี้

1. พระตัณหังกรพุทธเจ้า มีต้นสัตบรรณ เป็นต้นไม้ประทับตรัสรู้

2. พระเมธังกรพุทธเจ้า มีต้นทองกวาว เป็นต้นไม้ประทับตรัสรู้

3. พระสรณังกรพุทธเจ้า มีต้นแคฝอย เป็นต้นไม้ประทับตรัสรู้

4. พระทีปังกรพุทธเจ้า มีต้นไม้เลียบ เป็นต้นไม้ประทับตรัสรู้

5. พระโกณฑัญญพุทธเจ้า มีต้นขานาง เป็นต้นไม้ประทับตรัสรู้

6. พระมังคลพุทธเจ้า มีต้นกากะทิง เป็นต้นไม้ประทับตรัสรู้

7. พระสุมนพุทธเจ้า มีต้นกากะทิง เป็นต้นไม้ประทับตรัสรู้

8. พระเรวัติพุทธเจ้า มีต้นกากะทิง เป็นต้นไม้ประทับตรัสรู้

9. พระโสภิตพุทธเจ้า มีต้นกากะทิง เป็นต้นไม้ประทับตรัสรู้

10. พระอโนมทัสสีพุทธเจ้า มีต้นรกฟ้า เป็นต้นไม้ประทับตรัสรู้

11. พระปทุมพุทธเจ้า มีต้นอ้อยช้างใหญ่ เป็นต้นไม้ประทับตรัสรู้

12. พระนารทพุทธเจ้า มีต้นอ้อยช้างใหญ่ เป็นต้นไม้ประทับตรัสรู้

13. พระปทุมุตตรพุทธเจ้า มีต้นสน เป็นต้นไม้ประทับตรัสรู้

14. พระสุเมธพุทธเจ้า มีต้นสะเดา เป็นต้นไม้ประทับตรัสรู้

15. พระสุชาตพุทธเจ้า มีต้นไผ่ใหญ่ เป็นต้นไม้ประทับตรัสรู้

16. พระปียทัสสีพุทธเจ้า มีต้นกุ่ม เป็นต้นไม้ประทับตรัสรู้

17. พระอัตถทัสสีพุทธเจ้า มีต้นจำปา เป็นต้นไม้ประทับตรัสรู้

18. พระธัมมทัสสีพุทธเจ้า มีต้นมะกล่ำหลวง เป็นต้นไม้ประทับตรัสรู้

19. พระสิทธัตถพุทธเจ้า มีต้นกรรณิการ์ เป็นต้นไม้ประทับตรัสรู้

20. พระติสสพุทธเจ้า มีต้นประดู่ เป็นต้นไม้ประทับตรัสรู้

21. พระปุสสพุทธเจ้า มีต้นมะขามป้อม เป็นต้นไม้ประทับตรัสรู้

22. พระวิปัสสีพุทธเจ้า มีต้นแคฝอย เป็นต้นไม้ประทับตรัสรู้

23. พระสิขีพุทธเจ้า มีต้นกุ่มบก เป็นต้นไม้ประทับตรัสรู้

24. พระเวสสภูพุทธเจ้า มีต้นสาละใหญ่ เป็นต้นไม้ประทับตรัสรู้

25. พระกกุสันธพุทธเจ้า มีต้นซึก เป็นต้นไม้ประทับตรัสรู้

26. พระโกนาคมนพุทธเจ้า มีต้นมะเดื่อ เป็นต้นไม้ประทับตรัสรู้

27. พระกัสสปพุทธเจ้า มีต้นไทร เป็นต้นไม้ประทับตรัสรู้

28. พระโคดมพุทธเจ้า มีต้นโพธิ์ เป็นต้นไม้ประทับตรัสรู้

ดังนั้น โพธิ์พฤกษ์ ทุกต้น จึงมีคุณค่าและพึงสักการะด้วยประการทั้งปวง

ต้นไม้ หรือพืชชนิดต่างๆ มีความสัมพันธ์ และสำคัญกับมนุษย์และสัตว์ หรือสิ่งมีชีวิตทุกชนิดอย่างมากมายหลายประการ สุดจะพรรณนาได้หมดสิ้น โดยเฉพาะความสำคัญเบื้องต้นที่อาศัยเป็น ปัจจัย 4 กับทุกชีวิตที่มิอาจจะหลีกเลี่ยงได้ สำหรับในด้านพุทธศาสนา มีคำบอกอนุศาสน์ (นิสัย 4) ของภิกษุบวชใหม่ จะมีข้อที่ว่าด้วยการอยู่โคนต้นไม้ กับคำบาลี ที่ว่า รุกขเสนาสนัง นิสังสายปัพพัชชา หมายความว่า การบวช ต้องอยู่อาศัยเสนาสนะป่า คือ โคนต้นไม้ เป็นที่ปฏิบัติบำเพ็ญเพียร (ยกเว้นในฤดูฝน ซึ่งมีวินัยบัญญัติห้ามไว้ และจัดเป็น 1 ใน 13 ข้อ ของธุดงค์)

ในหนังสือ วิสุทธิมรรค ปฐมภาคตอนว่าด้วยธุดงคนิทเทส ท่านพระพุทธโฆษาจารย์ ได้กล่าวพรรณนาอานิสงส์ของเสนาสนะป่า หรือ รุกขมูลเสนาสนะ ความว่า

“พระภิกษุผู้ถือรุกขมูลิธุดงค์เป็นปกตินั้น สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงสรรเสริญว่า ปฏิบัติสมควรแก่นิสัย ไม่มีภิกษุที่ยินดีในที่สงัดยิ่งไปกว่าภิกษุที่ถือธุดงค์ไปได้ เพราะเธอจะกำจัดความตระหนี่ที่อยู่ เป็นภิกษุที่มีวัตรงาม อยู่ในที่สงัดคือ รุกขมูล มีเทพยดารักษา เมื่อเห็นต้นไม้มีใบเขียวสดและแดง ที่หล่นจากขั้ว ก็จะละนิจจะสัญญา คือความสำคัญว่าเที่ยงได้ ฉะนั้น ภิกษุผู้ประกอบด้วยวิจารณปัญญา ยินดีในวิปัสสนา ไม่พึงดูหมิ่นรุกขมูลเสนาสนะอันสงัด ซึ่งเป็นทรัพย์มรดกของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า”

จะเห็นได้ว่า ในพระพุทธศาสนา ท่านเน้นเรื่องการอยู่ใกล้ชิดกับป่า หรือธรรมชาติมากเป็นพิเศษ ถึงกับมีพระวินัยบัญญัติ ห้ามมิให้ภิกษุตัดไม้หรือทำลายป่า และแม้แต่การเหยียบย่ำติณชาติที่เขียวสด แต่ท่านเน้นให้ทำลายป่าคือ อุปมาเป็นกิเลส ที่เกิดขึ้นภายในจิตสันดานของตนเอง ซึ่งปรากฏในพระสูตร หรือธรรมเทศนาหลายเรื่อง

จากความเชื่อและธรรมอุปมัยในพุทธศาสนา เมื่อกล่าวถึงโลกนรก สวรรค์ หรือชั้นภพต่างๆ มักจะกล่าวถึง จุติภพของโลกมนุษย์ ปฏิสนธิแห่งมนุษยโลก ในมนุษยโลกตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์เป็นต้นมา ก็ปรากฏว่ามีต้นไม้ประจำโลก หรือพญาไม้ประจำทวีป ทั้ง 4 ได้แก่

1. ชมพูทวีป มีต้นหว้า เป็นต้นไม้ประจำทวีป

2. อมรโคยานทวีป มีต้นกระทุ่ม เป็นต้นไม้ประจำทวีป

3. อุตตรกุรุทวีป มีต้นกัลปพฤกษ์ เป็นต้นไม้ประจำทวีป

4. ปุพพวิเทหทวีป มีต้นซึก เป็นต้นไม้ประจำทวีป

สำหรับในภพต่างๆ ของเหล่าอสูร ก็มีต้นแคฝอย เป็นต้นไม้ประจำภพ

ในภพพญาครุฑ มีต้นงิ้ว เป็นต้นไม้ประจำภพ ซึ่งเป็นที่ทราบกันว่า วิมานฉิมพลี นั่นเอง

มีความเชื่อและกล่าวกันว่า ต้นไม้ประจำทวีป ทั้ง 4 และต้นไม้ประจำภพเหล่านี้ จะมีอายุยืนยาวไปจนกว่าจะสิ้นภัทรกัปนี้

ในหนังสือ ต้นไม้ประจำพระพุทธองค์ ได้กล่าวถึง พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ที่ทรงประทับใต้ต้นโพธิ์พฤกษ์ และยังได้กล่าวถึง พระศรีมหาโพธิพระพุทธเจ้า 10 พระองค์ ในอนาคตกาล ด้วยกล่าวอ้างคัมภีร์ในอนาคตวงค์ ว่าด้วยวงค์ของพระพุทธเจ้าที่จะมาตรัสรู้ในอนาคตกาล 10 พระองค์ ดังต่อไปนี้

1. พระเมตไตรยโพธิสัตว์ จัดเป็นพระพุทธเจ้า พระนามว่า เมตตไตรย มีต้นกากะทิง เป็นต้นไม้ประทับตรัสรู้

2. พระรามโพธิสัตว์ จัดเป็นพระพุทธเจ้า พระนามว่า รามะ มีต้นจันทน์ เป็นต้นไม้ประทับตรัสรู้

3.พระปเสนทิโกศลโพธิสัตว์ จัดเป็นพระพุทธเจ้า พระนามว่า ธรรมราชา มีต้นกากะทิง เป็นต้นไม้ประทับตรัสรู้

4. พระอภิภูโพธิสัตว์ จัดเป็นพระพุทธเจ้า พระนามว่า ธรรมสามี มีต้นสาละ เป็นต้นไม้ประทับตรัสรู้

5. พระทีฆชังฆีโพธิสัตว์ จัดเป็นพระพุทธเจ้า พระนามว่า นารทะ มีต้นกากะทิง เป็นต้นไม้ประทับตรัสรู้

6. พระโสณโพธิสัตว์ จัดเป็นพระพุทธเจ้า พระนามว่า รังสีมุนี มีต้นไม้เลียบ เป็นต้นไม้ประทับตรัสรู้

7. พระสุภโพธิสัตว์ จัดเป็นพระพุทธเจ้า พระนามว่า เทวเทพ มีต้นจำปา เป็นต้นไม้ประทับตรัสรู้

8. พระโตเทยยโพธิสัตว์ จัดเป็นพระพุทธเจ้า พระนามว่า นรสีห์ มีต้นแคฝอย เป็นต้นไม้ประทับตรัสรู้

9. พระธนบาลโพธิสัตว์ จัดเป็นพระพุทธเจ้า พระนามว่า ติสสะ มีต้นไทร เป็นต้นไม้ประทับตรัสรู้

10. พระปาลิไลยกโพธิสัตว์ จัดเป็นพระพุทธเจ้า พระนามว่า สุมังคละ มีต้นกากะทิง เป็นต้นไม้ประทับตรัสรู้

ต้นไม้ ทั้ง 10 ชนิดนี้ จัดเป็นพฤกษามงคล หรือต้นไม้ตรัสรู้ หรือต้นพระศรีมหาโพธิของพระพุทธเจ้า ทั้ง 10 พระองค์ ในอนาคตกาล

จากอดีต ถึงปัจจุบัน สู่อนาคตกาล มีคำนิยามและอุปมา โดยนำธรรมชาติเป็นองค์แสดง แต่ส่วนที่เด่นชัดที่สุดที่นำต้นไม้มาเกี่ยวข้องชัดเจน ดังที่พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงธรรม หรือที่องค์พหูสูตทั้งอดีตและปัจจุบัน มักจะเอ่ยถึง “ธรรมะจากต้นไม้” ในธรรมชาติและชีวิตจริง แม้แต่ตามหมู่บ้านน้อยใหญ่ในชนบท หรือในแหล่งเมือง ก็ยังมีต้นไม้ประจำหมู่บ้าน หรือต้นไม้ประจำป่า ที่เรียกกันว่า “รุกขเจดีย์” หรือต้นไม้เจ้าป่านั่นเอง รวมทั้งเมื่อมีการรณรงค์ที่จะยับยั้งการตัดต้นไม้ทำลายป่า ก็มักจะเดินตามพระพุทธศาสนา ดังเช่น “การบวชต้นไม้” หรือบวชป่าต้นไม้ ดังเช่น ที่จังหวัดลำปาง ซึ่งได้บวชต้นจำปีหลวง หรือ “ต้นจำปีรัชนี” ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

เพลง พระพุทธเจ้า

คำร้อง ประภาส ชลศรานนท์

ขับร้อง อมรภัทร เสริมทรัพย์

ดนตรี จักรพัฒน์ เอี่ยมหนุน

วันที่ฟ้าเริ่มส่องแสง สำแดงให้เห็นเป็นคำถาม เกิดแก่เจ็บตาย (ซ้ำ) วนเวียนจนเห็นความเป็นไป ทุกสิ่งกำเนิดนั้น สถิตสถานตั้งอยู่ไว้ ถึงวันแตกสลาย ดับสิ้นไปไม่มั่นคง

จากเจ้าชายสุขล้นฟ้า ทิ้งทุกสิ่งมาเข้าป่าดง ทิ้งอบายแห่งใหลหลง บำเพ็ญทุกรกิริยา เข็ญกายาจนหิวโหย ทรุดโทรมร่วงโรยเวทนา แล้วจึงได้รู้ว่า ไม่ใช่หนทางสว่างเลย

พระองค์ทรงค้นพบ การเวียนจบของจักรวาล หนทางที่จะว่ายผ่าน วัฏสงสารอันปลดปลง สายพิณที่ดีดนั้น ถ้าปล่อยให้มันเริ่มหย่อนลง ละเลยและลืมหลง จะคงสำเนียงเป็นพิณไหม และสายพิณที่ตั้งขึง ถ้าบิดให้ตึงจนมากไป ถึงคราวดีดเล่นสาย คงขาดผึงไปไม่นาน

พระองค์ทรงค้นพบ การเวียนจบของจักรวาล หนทางที่จะว่ายผ่าน วัฏสงสารอันปลดปลง หนทางแห่งพุทธะ คือหลีก ลด ละ ในโลภหลง และมิใช่อย่างฝุ่นผง ที่ปล่อยล่องลอยไปวันวัน หนทางแห่งพุทธะ คือทางสายกลางอันเบิกบาน ให้อยู่กับคืนวัน คือปัจจุบันอันตื่นรู้

บทเพลงครองสติสู่การรู้แจ้ง ด้วยธรรมะพุทธประวัติ ซึ่งท่านผู้ประพันธ์คำร้อง ได้สรุปเนื้อหาสอดรับประสานทำนอง เสริมเสียงดนตรี หากท่านผู้ใดได้สดับฟังแล้วเชื่อว่า ให้ความรู้สึกประหนึ่งได้ร่วมทำวัตรภาวนาสวดมนต์ ในเสนาสนะแห่งอาราม เพราะท่วงทำนองแห่งเสียงที่ล่องลอยเหมือนควันธูป เทียน แต่สามารถหยุดสมาธิแห่งจิตภาวนาให้อยู่กับที่ได้ในภวังค์

“จากเจ้าชายสุขล้นฟ้า ทิ้งทุกสิ่งมาเข้าป่าดง” คงไม่มีคำอธิบายอะไรได้ชัดเจนกว่านี้อีก ว่า ระหว่าง “ป่า” กับ “วัง” แล้วพบทางเลือกแห่งทางสายกลางนั้น จะมีสุขยิ่งกว่านี้อีกไหม หนทางแห่งพุทธะ คือ ไม่ต้อง ลด ละปฏิบัติธรรม แล้วจะหมดกรรมด้วยธรรมปฏิบัติในป่าพฤกษ์ไพร สาธุ…เจริญพร!

Leave a comment