ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน
http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05118151258&srcday=2015-12-15&search=no
| วันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 28 ฉบับที่ 613 |
ครัวชาวบ้าน
พิชญาดา เจริญจิต phitchayada7@hotmail.com
พืชตระกูลแตง ผัก และผลไม้พื้นถิ่น เป็นได้ทั้งอาหารและยา
มีผลไม้ที่มีลักษณะกึ่งผลไม้และผักอยู่จำพวกหนึ่ง ที่มีชื่อกลางว่า “แตง” จัดอยู่ในตระกูล คิวเคอปิตาซี่ ซึ่งเป็นตระกูลที่ใหญ่มาก ทั้งนี้ ยังรวมถึง ฟักทอง บวบ มะระ ฟักเขียว รวมอยู่ด้วย
พืชในวงศ์ “แตง” นั้น ประกอบด้วย “แตง” หลายชนิด โดยจะขอเริ่มที่แตงชนิดแรก คือ แตงโม ก่อนค่ะ
แตงโม ผลไม้ตระกูลแตงที่คนไทยรู้จักและบริโภคกันมานานแล้ว จัดเป็นพืชล้มลุก ลำต้นเป็นเถาทอดไปกับพื้นดิน มีใบเป็นจักๆ ดอกมีสีเหลือง
แตงโม นอกจากกินผลสุกเป็นผลไม้ และนำมาทำน้ำแตงโมปั่นแล้ว แตงโมผลอ่อนๆ ยังนำมาทำเป็นอาหารได้หลากหลายเมนู และมีแตงโมบางพันธุ์ที่สามารถนำมาทำ?เมล็ดแตงโมเค็ม เป็นขนมขบเคี้ยวได้
เมนูอาหาร ปรุงจากผลแตงโมอ่อนที่นิยมทำกันคือ แกงส้มแตงโมอ่อน แตงโมอ่อนต้มจิ้มน้ำพริก แตงโมเป็นได้ทั้งอาหารหวาน คาว เมื่อสุกจัดมีเนื้อสีแดง รสหวาน ใช้ทำอาหารได้หลายเมนู เช่น ทำปลาแห้งแตงโม เปลือกแตงโมแกงคั่วส้ม หรือแกงส้ม และเปลือกแตงโมยังสามารถเชื่อมกินได้อร่อยไม่แพ้ฟักเชื่อม ส่วนเมล็ดแตงโม เอามาคั่วกับเกลือกินเม็ดใน เป็นเม็ด ก๋วยจี๊ รสชาติเค็มๆ มันๆ
แตงโม ประวัติมาเนิ่นนาน
แตงโมไม่ใช่พืชที่มีถิ่นฐานอยู่ในเมืองไทย แต่มีถิ่นฐานอยู่ในแถบทะเลทรายทางตอนเหนือของทวีปแอฟริกา พันธุ์แตงโมถูกนำย้ายถิ่นฐานเข้ามาที่ภาคกลางและภาคใต้ของทวีปเอเชีย ในศตวรรษที่ 11 พอศตวรรษที่ 16 ก็ขยายไปอยู่ในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และถึงศตวรรษที่ 17 ก็แพร่หลายเข้าไปอยู่ในสหรัฐอเมริกา
จากอดีตจนถึงปัจจุบัน แตงโมนั้นมีอยู่เกือบทั่วโลก และมีการพัฒนาพันธุ์ขึ้นมากมาย เช่น พันธุ์บางเบิด (ในปี 2463 หม่อมเจ้าสิทธิพร กฤดากร อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตราธิการ?บิดาแห่งการเกษตรผสมผสาน เสด็จไปทำไร่นาสวนผสมที่ฟาร์มบางเบิด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จนเป็นที่มาของแตงโมลูกผสมพันธุ์บางเบิดขึ้นมา…) พันธุ์ชาลสตันเกรย์ ที่มีผิวสีเขียว พันธุ์น้ำผึ้ง ซึ่งมีเนื้อสีเหลือง ในประเทศไทยมีพันธุ์บุรีรัมย์ ที่มีลูกยาวคล้ายลูกฟัก เนื้อสีแดงเข้ม พันธุ์จินตหรา ลูกกลม สีเขียวเข้ม แตงโมตอร์ปิโด ลูกรีกว่าพันธุ์จินตหรา แตงโมกินรี ผลกลม เนื้อแดง และในปัจจุบัน ประเทศญี่ปุ่นได้พัฒนาพันธุ์ได้แตงโมผลเป็นรูปสี่เหลี่ยม เพื่อความสะดวกในการขนส่ง
เนื่องจากแตงโมเป็นผลไม้ที่มีน้ำประกอบอยู่เป็นจำนวนมาก มีคุณสมบัติในทางให้พลังความเย็น จึงสามารถรักษาอาการร้อนใน แผลในปาก ช่วยขับปัสสาวะ ช่วยหล่อลื่นลำไส้ ช่วยเจริญอาหาร และช่วยย่อยอาหาร
ส่วนสรรพคุณในทางยานั้น แตงโม บรรเทาอาการหน้ามืด ตาลาย เนื่องจากการเป็นลมแดด แก้ลมหายใจมีกลิ่น ปวดแสบในท่อปัสสาวะ อาการเมาค้าง รักษาโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน และโรคไตอักเสบ
มีวิธีใช้ แตงโม ในการรักษาโรคต่างๆ
– บรรเทาอาการหน้ามืด ตาลาย เนื่องจากเป็นลมแดด ดื่มน้ำแตงโมสด 1 แก้ว
– แก้ลมหายใจมีกลิ่น ปวดแสบในท่อปัสสาวะ อาการเมาค้าง รับประทานแตงโมสดๆ 500-1,000 กรัม วันละ 2 ครั้ง
– รักษาโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคไตอักเสบ ใช้เปลือกแตงโมแห้ง 50 กรัม มาต้มกับน้ำ 2 ถ้วย ใช้ดื่มแบบน้ำชา (วิธีทำเปลือกแตงโมแห้ง ทำง่ายๆ ด้วยการปอกเปลือกแตงโม หนาประมาณ 1.5 เซนติเมตร นำไปตากแดดจนแห้ง สามารถเก็บไว้ใช้ได้นาน)
แตงตระกูล คิวเคอปิตาซี่
อีกชนิดหนึ่งคือ…แตงกวา
แตงกวา มีถิ่นกำเนิดในประเทศอินเดีย แถบเทือกเขาหิมาลัย เมื่อ 3,000 กว่าปีมาแล้ว เชื่อกันว่าชาวทิเบตเป็นผู้นำแตงกวาเผยแพร่ไปสู่ทุกภูมิภาคทั่วโลก และได้รับความนิยมมากที่สุดในตระกูลแตงด้วยกัน
แตงกวาที่ปลูกอยู่ทั่วประเทศไทยเป็นแตงกวาผลเล็ก ความยาว ประมาณ 4-10 เซนติเมตร ไส้ใหญ่ เนื้อบาง ผลสีขาวและเขียวอ่อน ลำต้นเป็นเถาทอดยาว ดอกสีเหลือง
แตงที่มีลักษณะผลเช่นเดียวกันอีกชนิดหนึ่งมีชื่อว่า “แตงร้าน” มีความยาวผล ประมาณ 12-25 เซนติเมตร ไส้เล็ก เนื้อหนา ผลเป็นสีเขียวเข้ม ชาวไร่ที่ปลูกแตงจะทำร้านรับให้ผลแตงห้อยลง ไม่ได้ปล่อยให้เถาเลื้อยไปตามพื้นดิน แตงร้านจะปลูกกันมากแถวๆ ภาคอีสานของไทย
แตงอีกชนิดหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายแตงร้าน แต่ผลเล็กกว่า เรียกกันว่า “แตงญี่ปุ่น” นิยมปลูกกันมากในประเทศญี่ปุ่น
แตงกวา มีประโยชน์ในการทำอาหารรับประทานหลายอย่าง เช่น ผัดกับหมู ไข่ และอื่นๆ ได้หลายอย่าง ทำเป็นผักสดแกล้มน้ำพริกต่างๆ แกล้มลาบ แตงกวายำ ส้มตำแตง และที่ขาดจากกันไม่ได้จริงๆ คือ กินเป็นผักแกล้มกับข้าวผัด
แตงกวา นอกจากใช้เป็นอาหาร ยังนำไปทำเป็นเครื่องสำอางได้อีกอย่างหนึ่ง เนื่องจากมีเอนไซม์ที่มีชื่อว่า อีเรพซิน ซึ่งช่วยย่อยโปรตีนได้ เอนไซม์ชนิดนี้จะช่วยย่อยผิวหนังที่หยาบกร้านให้หลุดออกไป เพื่อให้ผิวหนังที่อ่อนนุ่มเกิดขึ้นมาแทนที่ นอกจากนี้ แตงกวายังมีกรดอะมิโนในปริมาณสูง ซึ่งช่วยให้ผิวไม่หยาบกร้านและช่วยสมานผิว จึงนิยมใช้น้ำแตงกวาผสมในเครื่องสำอางประเภทครีมล้างหน้า ครีมบำรุงผิวต่างๆ หรือใช้ผลแตงกวาสดฝานเป็นแว่นๆ วางบนหน้า ที่ล้างสะอาดแล้วแทนก็ได้ นอกจากนี้ แตงกวายังมีสารที่มีกลิ่นหอมละลายได้ในแอลกอฮอล์ ซึ่งใช้ผสมในน้ำหอม รวมทั้งใช้ในการแต่งกลิ่นเครื่องสำอางต่างๆ ด้วย
สรรพคุณในทางยา ของ แตงกวา
– ใช้แตงกวาคว้านไส้ออก ใส่ผงสารส้มให้เต็ม เผาไฟพอสุก บีบคั้นน้ำ ดื่มแก้ขัดเบา
– จีนใช้แตงกวาในการรักษาโรคเช่นกัน อาทิ น้ำจากผลใช้รักษาโรคผิวหนัง รักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก
– น้ำคั้นจากใบสด ดื่มทำให้อาเจียน ในเด็กที่อาหารไม่ย่อย
– ราก ตำใช้พอกลดอาการอักเสบที่เกิดจากขนเม่นตำ เนื้อในเมล็ดแก่ กินเป็นยาขับพยาธิ
แตงตระกูลที่ 3 ในเมืองไทย รู้จักกันในชื่อ
“แตงไทย” ซึ่งเป็นสายพันธุ์เดียวกันกับแตงต่างประเทศ ที่ชื่อ “แคนตาลูป” ซึ่งเมื่อก่อนเราคนไทย เรียก แตงเทศบ้าง แตงฝรั่งบ้าง ด้วยรูปร่างลักษณะคล้ายกับแตงไทย จึงมีบางคนก็เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า แตงไทยฝรั่ง
ต้นกำเนิด แตงไทย อยู่ในประเทศอินเดีย ต่อมาแพร่พันธุ์ไปสู่ยุโรป นำมาปลูกครั้งแรกที่เมืองแคนตาลูโป ซึ่งอยู่ใกล้กับกรุงโรม ประเทศอิตาลี จึงมีชื่อสายพันธุ์ตามชื่อเมืองไปเป็น…แคนตาลูป นั่นเอง?
แตงสายพันธุ์เดียวกับ แคนตาลูป มีหลายชนิด อาทิ
แคนตาลูป ปลูกกันมากในทวีปยุโรป ผลค่อนข้างใหญ่ ผลหนึ่งหนักมากกว่า 1 กิโลกรัม ขึ้นไป เปลือกหนา แข็ง ผิวขรุขระ และมีร่องรอยเป็นทางยาวโดยรอบจากขั้วไปส่วนก้นคล้ายกับผลฟักทอง เนื้อของแคนตาลูปจะมีสีส้ม
มัสค์เมล่อน ปลูกกันมากในสหรัฐอเมริกา ผลเล็กกว่าแคนตาลูป เปลือกของผลส่วนใหญ่เป็นตาข่ายสานกันค่อนข้างถี่ ต่างกับแคนตาลูปตรงที่ไม่มีร่องรอยยาวตามผล เนื้อสีส้ม
ฮันนี่ดิว ขนาดผลใกล้เคียงกับ มัสค์เมล่อน แต่เปลือกเรียบ ไม่มีตาข่ายสานเป็นลายเหมือนอย่าง 2 ชนิดแรก ก็คือ เนื้อแตงเป็นสีขาวงาช้าง หรือสีเขียว และมีกลิ่นแรงกว่า
แตงไทย นิยมปลูกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งในประเทศไทยด้วย ผลมีลักษณะยาว ใหญ่ ผิวเรียบ เนื้อแตงเป็นสีเขียว เนื้อเละกว่าแตงชนิดแรก
ในสหรัฐอเมริกา เรียก แคนตาลูป และ มัสค์เมล่อน เป็นแคนตาลูปอย่างเดียว ในออสเตรเลีย เรียก แคนตาลูป และ มัสค์เมล่อน รวมกันว่า ร็อคเมล่อน ส่วนคนยุโรป เรียกว่า เมล่อน เฉยๆ สำหรับในประเทศไทยไม่ว่าจะเป็น แคนตาลูป มัสค์เมล่อน ฮันนี่ดิว ก็เรียกรวมกันหมดว่า…แคนตาลูป
แคนตาลูป มีการนำเข้ามาปลูกในเมืองไทยตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2478 โดยเริ่มทดลองปลูกที่จังหวัดเชียงใหม่ แต่ไม่ได้ผล เพราะเป็นโรค ตายเสียส่วนใหญ่ และต่อมาก็มีการทดลองกันมาเรื่อยๆ จนสามารถปลูกได้เป็นผลสำเร็จ
สำหรับ แตงไทย ของเรานั้น ใช้ประโยชน์ในการทำอาหารคาว ก็ด้วยการนำผลดิบๆ (ที่ยังลูกเล็กๆ) นำไปจิ้มน้ำพริก หรือน้ำปลาร้า ทำส้มตำ (คนอีสาน) ส่วนผลสุกนำไปทำน้ำกะทิแตงไทย หรือรวมกับลอดช่องไทยๆ (ใส่น้ำแข็งใสให้เย็นๆ ก็อร่อยได้)
แตงไทย มีสรรพคุณในการรักษาโรคหลายชนิด อาทิ
– รักษาอาการปัสสาวะอักเสบและท้องผูก รับประทานผลแตงไทย 250-500 กรัม ต่อครั้ง วันละ 2 เวลา เช้า-เย็น
– รักษาอาการไอ เนื่องจากวัณโรค รับประทานแตงไทย ประมาณ 250 กรัม กับน้ำตาลกรวดเล็กน้อย วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น
– ขั้วแตงไทยแห้ง เป็นสมุนไพรจีนที่สำคัญ ปัจจุบัน มีการทำหัวเชื้อน้ำคั้นจากผลแตงไทยเป็นเม็ด สำหรับรักษาตับอักเสบ
เรื่องของ “แตง (ร่มใบ)” ทั้ง 3 ชนิด ก็ขอยุติกันตรงนี้นะค่ะ ขอให้ทุกท่านรับประทานแตงโม แตงกวา และแตงไทย เพื่อสุขภาพกันต่อไปนะคะ…แต่ก็ขอให้ระมัดระวังเรื่องสารเคมีตกค้างที่ปนเปื้อนมาด้วยก็แล้วกัน…เพราะไม่เช่นนั้น?แทนที่จะได้สุขภาพที่ดี ท่านอาจจะได้โรคร้ายกลับมาแทนก็ได้ค่ะ…