สันทัด วัฒนกูล ชาวนามืออาชีพ รู้จักดิน รู้จักน้ำ ทำนาประสบความสำเร็จ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน

http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05042151258&srcday=2015-12-15&search=no

วันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 28 ฉบับที่ 613

จัดการดินและน้ำ-ฝ่าภัยแล้ง

กุลดิลก แก้วประพาฬ

สันทัด วัฒนกูล ชาวนามืออาชีพ รู้จักดิน รู้จักน้ำ ทำนาประสบความสำเร็จ

อาชีพชาวนา มีบ้างที่ต้องพบกับความเสี่ยงที่มีปัญหาจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศและธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม ฝนแล้ง หรือการระบาดของโรคแมลงศัตรูพืช

เหล่านี้ล้วนแต่ส่งผลกระทบต่อผลผลิตและรายได้ของชาวนา แต่สำหรับชาวนาอย่าง คุณสันทัด วัฒนกูล อายุ 54 ปี บ้านเลขที่ 234 หมู่ที่ 1 ตำบลทัพทัน อำเภอทัพทัน จังหวัดอุทัยธานี ซึ่งประกอบอาชีพทำนาสืบต่อจากบรรพบุรุษ บนพื้นที่ประมาณ 190 ไร่ ถือได้ว่าเป็นชาวนามืออาชีพที่สามารถลดความเสี่ยงจากอาชีพทำนาได้

คุณสันทัด ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 1 ของตำบลทัพทัน ด้วย ได้ทำการเกษตรตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือ เกษตรทฤษฎีใหม่ (New Theory Agriculture) มีการบริหารจัดการทรัพยากร โดยเฉพาะดินและน้ำที่มีอยู่จำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด แบ่งพื้นที่ทำการเกษตรออกเป็น 4 ส่วน คือจัดให้มี แหล่งน้ำ ร้อยละ 30 ทำนา ร้อยละ 30 พืชไร่พืชสวน ร้อยละ 30 และพืชผักสวนครัว ร้อยละ 10

ในเรื่องน้ำ ผู้ใหญ่สันทัดได้จัดหาแหล่งน้ำ โดยการขุดสระใหญ่เพื่อเก็บน้ำไว้ใช้ และค่อยๆ ขุดสระเพิ่มขึ้น ปัจจุบันขุดสระไว้ จำนวน 9 สระ รวมพื้นที่ ประมาณ 20 ไร่ โดยสระใหญ่สุด มีขนาดกว้าง 79 เมตร ยาว 121 เมตร และมีความลึกถึง 24 เมตร สามารถจุน้ำได้กว่า 200,000 ลูกบาศก์เมตร และอยู่บนพื้นที่ดอน ทำให้ง่ายต่อการระบายน้ำลงมายังสระอื่นๆ

ผู้ใหญ่สันทัดได้เรียนรู้การทำการเกษตรทฤษฎีใหม่ แบ่งพื้นที่ออกเป็นส่วนๆ มีการทำนาเป็นหลัก โดยปีหนึ่งทำนา พื้นที่ประมาณ 70 ไร่ ปลูกข้าวหลากหลายพันธุ์ตามความต้องการของตลาด ได้แก่ พันธุ์ กข ต่างๆ เช่น กข 31 กข 41 กข 49 ข้าวหอมชลสิทธิ์ ข้าวหอมปทุม ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ซึ่งผู้ใหญ่สันทัดได้รับคัดเลือกเป็นประธานศูนย์ข้าวชุมชนของตำบลทัพทัน อำเภอทัพทัน ด้วย แบ่งพื้นที่ใช้ทำเป็นแปลงกล้าพันธุ์ข้าว พื้นที่ประมาณ 15 ไร่ โดยเพาะกล้าข้าวลงในถาดเพาะ แล้วจัดวางลงในแปลงเป็นผืนตามชนิดของพันธุ์ข้าว สะดวกต่อการปฏิบัติดูแลรักษา อายุกล้าตั้งแต่หว่านถึงนำไปปลูกปักดำ ใช้เวลา 12-15 วัน

การจัดทำแปลงกล้าข้าวแปลงใหญ่ ซึ่งผู้ใหญ่สันทัด ให้ชื่อเรียกว่า “แปลงกล้าหนึ่งเดียว” มีแนวคิดว่า การผลิตข้าวพันธุ์ดีให้ได้ราคาไม่ต้องซื้อเมล็ดพันธุ์ ซึ่งเมล็ดพันธุ์มักมีราคาแพงกว่าราคาข้าว ที่ชาวนาขายให้กับโรงสี จึงมองหาวิธีดีที่สุด ซึ่งก็พบว่า การทำนาดำจะช่วยให้ได้ผลผลิตสูงและสามารถเก็บเป็นเมล็ดพันธุ์ไว้ทำพันธุ์ได้ด้วย ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของผู้ใหญ่สันทัด ที่ได้ทำกล้าพันธุ์ข้าวจำหน่ายด้วย เป็นผลให้มีการจ้างงานในชุมชนให้คนมีงานทำ และชาวนาในพื้นที่ต่างๆ ได้มาเรียนรู้ตลอดปี

การทำนา ผู้ใหญ่สันทัดได้ทำนาแบบลดต้นทุน โดยใช้ประโยชน์จากปัจจัยที่มีให้เกิดประสิทธิภาพที่สุด เริ่มตั้งแต่เรื่องดิน ผู้ใหญ่สันทัดให้ความสำคัญกับการปรับปรุงดิน ด้วยการปลูกพืชปุ๋ยสด เช่น ปอเทือง ถั่วพร้า พอโตขึ้นมาในระยะเหมาะสม ทำการไถกลบเพื่อปรับปรุงสภาพดิน และใช้ปุ๋ยอินทรีย์ เช่น ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ที่จัดทำดีแล้วนำไปใส่ในแปลงนา ซึ่งวัสดุที่ทำปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ก็ได้จากส่วนของผลิตผลในพื้นที่ โดยเฉพาะมูลสัตว์ ผู้ใหญ่สันทัดเลี้ยงกระบือที่ตกทอดจากพื้นที่เดิมเคยเป็นตลาดนัดโค-กระบือ ปัจจุบันมีกระบืออยู่ 50 ตัว ทำให้ได้มูลกระบือจำนวนมาก เป็นโรงงานผลิตปุ๋ยธรรมชาติที่เหมาะสมที่เดียว

นอกจากนี้ พื้นที่นาแปลงปลูกข้าว ผู้ใหญ่สันทัดได้เก็บตัวอย่างดินไปตรวจ วิเคราะห์ ซึ่งผลจากการวิเคราะห์ดิน ทำให้ประหยัดต้นทุนการใช้ปุ๋ยเคมีลง และต้นข้าวยังมีการเจริญเติบโตดี เพราะได้รับอาหารที่ตรงกับความต้องการในอัตราที่ถูกต้อง และตรงกับเวลาที่ต้นข้าวต้องการ

ในเรื่องดินอีกเช่นกันคือ การเตรียมพื้นที่ก่อนทำนา มีการเตรียมดินอย่างพิถีพิถัน ไม่เผาทำลายต้นฟางข้าว แต่ใช้วิธีไถพลิกหน้าดินเพื่อกลบฟางข้าว การไถดะควรทิ้งไว้ 7-10 วัน จากนั้นจึงไถแปร แล้วจึงหว่าน (นาน้ำตม) แต่หากเป็นนาดำให้ทำเทือกปรับระดับพื้นที่ให้เสมอ ทิ้งไว้ 1 คืน รักษาระดับน้ำในแปลง สูงประมาณ 5 เซนติเมตร จากผิวดิน และในการทำนาดำ ปัจจุบันได้นำเครื่องจักรมาใช้ดำนา ทำให้ประหยัดแรงงาน เวลา สะดวกในการปฏิบัติดูแลรักษาแปลงนา การใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวก็ประหยัดลง ให้เมล็ดพันธุ์เพียง 8-10 กิโลกรัม ต่อไร่ เท่านั้น

พื้นที่มีการจัดการน้ำอย่างเหมาะสม การทำนาดำต้องปล่อยน้ำให้ขังในแปลงนา จะช่วยลดปัญหาวัชพืชใบแคบ สกุลหญ้าที่อ่อนแอต่อสภาพน้ำขังได้ รอบพื้นที่ยังขุดลอกคลองซอย เพื่อระบายน้ำเข้า-ออกนา ทำให้สามารถเลี้ยงปลาในนาข้าว และยังจัดทำระบบน้ำหยด นำน้ำไปใช้ในแปลงทำการเกษตรชนิดอื่น บริเวณขอบสระและคันนา นอกจากใช้พื้นที่บางส่วนในการปลูกพืชผักสวนครัว ไม้ผล ไม้ยืนต้น ยังมีการปลูกหญ้าแฝกเพื่ออนุรักษ์ดินและน้ำ ป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน

ในการประกอบอาชีพการเกษตรของผู้ใหญ่สันทัด ปีหนึ่งผู้ใหญ่สันทัดใช้พื้นที่ทำนา ประมาณ 50 ไร่ หรือสูงสุดไม่เกิน 70 ไร่ แม้จะมีแหล่งกักเก็บน้ำ ซึ่งเป็นสระถึง 9 สระ ปริมาณความจุของน้ำกว่า 200,000 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งคำนวณสามารถใช้ทำนาได้ถึงกว่าร้อยไร่ (คิดปริมาณน้ำทำนาดำ 1,500 ลูกบาศก์เมตร ต่อพื้นที่ 1 ไร่) แต่ผู้ใหญ่สันทัดได้พิจารณาหลีกเลี่ยงความเสี่ยง หากปีใดมีภาวะฝนแล้งที่ยาวนาน เกรงว่าน้ำที่กักเก็บไว้จะไม่เพียงพอ จึงวางแผนทำกิจกรรมการเกษตรชนิดอื่นไปด้วย มีการปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อย เช่น ข้าวโพด ทานตะวัน ซึ่งต้นจะออกดอกให้ความสวยงามแก่พื้นที่ (พื้นที่เกษตรแห่งนี้จัดทำเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางการเกษตรด้วย) หลังจากออกดอกและเก็บเมล็ดพันธุ์ ยังนำเมล็ดทานตะวันมาเพาะเป็นทานตะวันงอกจำหน่ายด้วย และกิจกรรมอื่นๆ ก็มี การเพาะเห็ดฟางกองเตี้ย เห็ดถุง ปลูกพืชผักสวนครัว ไม้ประดับต่างๆ มีหลากหลายกิจกรรม หลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นให้น้อยที่สุด โดยผู้ใหญ่สันทัด มีแนวความคิดว่า หากทำนาเพียงอย่างเดียวหรือทำนามากเกินไป ยิ่งทำนาแบบลดต้นทุน ซึ่งผู้ใหญ่สันทัด ทำได้ผลผลิตสูงสุดถึง 1,132 กิโลกรัม ต่อไร่ ผลผลิตก็มาก ต้องจำหน่ายข้าวเปลือกให้กับโรงสี หรือพ่อค้าคนกลาง ก็จะจำหน่ายได้ราคาต่ำ ผู้ใหญ่สันทัด รวมกลุ่มชาวนา นอกจากเป็นศูนย์ข้าวชุมชนแล้ว ยังจดทะเบียนเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ซึ่งผู้ใหญ่สันทัด ได้รับแต่งตั้งเป็นประธานกลุ่ม ทำนา นอกจากจำหน่ายผลผลิต ยังเก็บพันธุ์ข้าวเปลือกไว้ทำพันธุ์ ผลผลิตส่วนหนึ่งแปรรูป จำหน่ายเป็นข้าวสารและข้าวกล้อง ทำให้มีกิจกรรมทางเกษตรทำตลอดปี และเกิดรายได้สำหรับครอบครัวและชุมชน

สิ่งสำคัญอีกเรื่องหนึ่งในพื้นที่ทำการเกษตรของผู้ใหญ่สันทัด ได้หลีกเลี่ยงหรือไม่มีการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช ทำการเกษตรแบบปลอดภัยและลดต้นทุน โดยการเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีการเกษตร ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การกำจัดวัชพืชในแปลงนา ความชื้นในดินทำให้เกิดวัชพืชในนาได้มาก การใช้วิธีการปลูกข้าวแบบนาดำที่ผู้ใหญ่สันทัดทำ ช่วยลดปริมาณวัชพืชได้มากกว่าวิธีอื่น ในการปักดำจะใช้ต้นกล้าที่เจริญเติบโตแล้ว ขณะปักดำ วัชพืชกำลังจะเริ่มโต ซึ่งไม่ทันกับการเจริญเติบโตของข้าว

การป้องกันโรคแมลงศัตรูข้าว มีการเฝ้าระวัง ตรวจนับ ตรวจแปลงนา อย่างใกล้ชิด สม่ำเสมอ ตามแนวทางโรงเรียนเกษตรกร เรียนรู้วิธีการจัดการกับโรคแมลงศัตรูโดยใช้ศัตรูธรรมชาติ หากสำรวจพบสิ่งผิดปกติ การป้องกันกำจัดจะใช้สารชีวินทรีย์ที่ผลิตขึ้น มีการนำมาใช้ในกลุ่มสมาชิกศูนย์ข้าวชุมชนด้วยกัน

การทำนาของผู้ใหญ่สันทัด จึงเป็นการทำนาที่ไม่เสี่ยง ทำนาด้วยความพอดีและมีเหตุผล สามารถพึ่งตนเอง ลดการพึ่งพาตลาดและกระจายความเสี่ยงโดยการปลูกพืช หรือทำกิจกรรมทางการเกษตรหลายชนิด ทำให้แก้ปัญหาของครอบครัวและชุมชนได้ไปพร้อมกัน ซึ่งในพื้นที่บริเวณนาได้จัดทำเป็นศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง โดยการสนับสนุนจากองค์กรและส่วนราชการต่างๆ และผู้ใหญ่สันทัด ยังได้รับรางวัลเป็นเครื่องหมายประกาศเกียรติคุณจำนวนมาก สามารถเป็นต้นแบบนำไปเป็นแบบอย่างได้ เช่น

1. เกษตรกรสาขาอาชีพทำนาดีเด่น ระดับเขต ปี 2558 ของสำนักส่งเสริมและพัฒนาการเกษตร เขตที่ 9 จังหวัดพิษณุโลก

2. เกษตรกรสาขาอาชีพการทำนาดีเด่น ติดต่อกันหลายปีของจังหวัดอุทัยธานี

3. เกษตรกรมืออาชีพดีเด่น แปลงเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริ โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุทัยธานี

4. รางวัลชนะเลิศเกษตรกรปราดเปรื่องต้นแบบด้านข้าว (Smart Farmer) จังหวัดอุทัยธานี จากกรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

5. เกษตรกรสัมมาอาชีพดีเด่น จากสภาเกษตรกรแห่งชาติ

6. รางวัลดีเด่น ระดับจังหวัด ระดับเขต ศูนย์เรียนรู้โครงการอันเนื่องจากพระราชดำริ จากกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ปี 2558

ทั้งนี้ การประกอบอาชีพทำนาของ คุณสันทัด วัฒนกูล ได้ยึดหลักของพระราชดำริปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือ “ความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึงความจำเป็นที่จะต้องมีระบบภูมิคุ้มกันในตัวที่ดีพอสมควรต่อการมีผลกระทบใดๆ อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทั้งภายนอกและภายใน”

นอกจากนี้ ผู้ใหญ่สันทัด ยังมีบทบาทในฐานะผู้นำชุมชนในด้านอื่นๆ อีกหลายด้าน แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้ใหญ่สันทัด มีความปลาบปลื้มและภาคภูมิใจที่สุดในชีวิตชาวนาคือ ได้ร่วมจัดแสดงผลงาน และเฝ้าฯ รับเสด็จสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งเสด็จฯ ไปทรงเป็นประธานในพิธีเปิดศูนย์โอท็อป เมืองพระชนกจักรี อุทัยธานี เมื่อ วันที่ 14 พฤษภาคม 2558 ที่ผ่านมา

แลกเปลี่ยนข้อมูลกับผู้ใหญ่สันทัด ได้ตามที่อยู่ หรือโทร. (081) 888-3579

Leave a comment