เทคนิคการเลี้ยงกุ้งก้ามแดง กุ้งเศรษฐกิจตัวใหม่ ที่ตลาดต้องการ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน

http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05075151258&srcday=2015-12-15&search=no

วันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 28 ฉบับที่ 613

เทคโนโลยีการประมง

การุณย์ มะโนใจ

เทคนิคการเลี้ยงกุ้งก้ามแดง กุ้งเศรษฐกิจตัวใหม่ ที่ตลาดต้องการ

คุณภูลิช ชวาลกานต์ ลูกชายเจ้าของร้านเอเย่นต์ หนังสือเหรียญทอง ในตลาดเมืองพะเยา สนใจทำอาชีพเสริมในช่วงเย็น จึงศึกษาทางอินเตอร์เน็ตและผู้เลี้ยงที่จังหวัดเชียงราย พบว่าการเลี้ยงกุ้งก้ามแดง น่าจะทำได้ เพราะนิสัยของกุ้งก้ามแดงชอบหากินในเวลากลางคืน ซึ่งเป็นเวลาที่ว่างจากงานที่ร้านพอดี

จากการศึกษาข้อมูลทางวิชาการและการปฏิบัติจริงจากเกษตรกรรายอื่นพบว่า กุ้งก้ามแดง หรือกุ้งเครย์ฟิช มีถิ่นกำเนิดที่ ออสเตรเลีย ขนาดโตเต็มที่ 12 นิ้ว อายุเฉลี่ย 4 ปี ในธรรมชาติ ถ้าเลี้ยงใส่ตู้กระจก อยู่ได้ 2-3 ปี อุณหภูมิที่เหมาะสมในการเลี้ยง 25-28 องศา ถือว่าอากาศและอุณหภูมิในบ้านเรากำลังดี

กุ้งก้ามแดง เป็นกุ้งที่มีการเจริญเติบโตค่อนข้างเร็วและมีขนาดใหญ่ ลักษณะเด่นคือ มีขนาดใหญ่และสีของกุ้งมีการเปลี่ยนแปลงตลอด แต่สีที่พบมากที่สุดคือ สีเขียว สีน้ำตาล และสีน้ำเงิน ซึ่งคนไทยจะเรียกว่า บลูล็อปเตอร์ บางที่ก็เลี้ยงไว้เพื่อความสวยงามแล้วนำไปจำหน่ายได้ในราคาสูง

กุ้งชนิดนี้มีจุดเด่นอีกอย่างคือ แถบข้างของก้ามจะมีสีแดงและสีส้ม เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ซึ่งแถบสีเหล่านี้จะพบกับกุ้งเพศผู้เท่านั้น ส่วนเพศเมียจะไม่มีแถบสี กุ้งชนิดนี้เลี้ยงง่าย ปรับตัวได้เร็วและภูมิต้านทานโรคสูง ปัจจุบัน เกษตรกรนำมาเลี้ยงเป็นกุ้งเนื้อ และเป็นที่ต้องการของตลาด การเริ่มต้นเลี้ยงกุ้งก้ามแดง แบบเลี้ยงเพื่อเศรษฐกิจ ทำได้ดังนี้

การเตรียมน้ำ…ต้องเตรียมน้ำ ยกตัวอย่างเลี้ยงในตู้ 24 นิ้ว ใส่น้ำ ประมาณ 50 ลิตร เติมเกลือแกงไป ประมาณ 2-4 ช้อนโต๊ะ เปิดออกซิเจนทิ้งไว้ 1-2 ชั่วโมง ไม่ต้องใส่น้ำยาลดคลอรีน ก่อนนำกุ้งลงตู้ให้เอาถุงใส่กุ้งลอยน้ำทิ้งไว้ 15 นาที เพื่อปรับอุณหภูมิให้กับกุ้ง กรณีเลี้ยงบ่อดิน บ่อผ้าใบพลาสติก ใส่น้ำ ความสูง 30-40 เซนติเมตร เติมเกลือ อัตราน้ำ 1,000 ลิตร ต่อ 1 กิโลกรัม ปั๊มออกซิเจน หรือใบพัดปั่นน้ำ ในบ่อทิ้งไว้ 5-6 ชั่วโมง ค่อยนำกุ้งลง แล้วแต่ขนาดของบ่อ ปรับอุณหภูมิการเลี้ยงไว้ที่ 20-30 องศาเซลเซียส

สังเกตการลอกคราบของกุ้ง ซึ่งช่วงเวลานี้กุ้งจะบอบบางและอ่อนแอมาก จะสังเกตได้ดังนี้ ปริมาณการกินอาหารน้อยลง รอยต่อของลำตัวจะเปิด จับดูที่เปลือกหัวจะนุ่มนิ่ม แสดงว่าใกล้ลอกคราบ แต่ถ้าหัวเปิดแล้วตัวยังแข็งอยู่ แสดงว่ายังไม่ลอกคราบ อาจจะเกิดจากการที่กุ้งกินอาหารมากเกินไป ทำให้เปลือกบริเวณรอยต่อยกขึ้นเหมือนลอกคราบ การถ่ายน้ำในกรณีเลี้ยงตู้ ควรถ่ายทุกๆ 7-10 วัน ส่วนบ่อดิน บ่อผ้าใบพลาสติก สูบน้ำเก่าออกเติมน้ำใหม่เข้า ทุก 2 สัปดาห์ ไม่ควรเปลี่ยนน้ำทิ้งทั้งหมด จะทำให้กุ้งน็อกน้ำได้

อาหาร…สำหรับกุ้งชนิดนี้กินได้ทั้งพืชและสัตว์ และอาหารเม็ด ยกตัวอย่างอาหารของกุ้งก้ามใหญ่ เช่น สาหร่ายหางกระรอก แครอต และพืชน้ำอื่นๆ ประเภทเนื้อสัตว์จะเป็นพวก กุ้งฝอยต้ม เนื้อปลาตัวเล็กๆ หนอนแดง กรณีเลี้ยงในตู้หรือบ่อพลาสติก

การเพาะพันธุ์กุ้งก้ามใหญ่…จะเริ่มผสมพันธุ์ที่ขนาด ประมาณ 3 นิ้ว ขึ้นไป (ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ และสายพันธุ์) หลังจากผสมแล้ว ตัวเมียจะปล่อยไข่ออกมาใต้หาง และใช้เวลา 30 วัน ลูกจะเป็นตัวแล้วจะลงดิน อัตราการผสม ตัวผู้ 1 ตัว ต่อ ตัวเมีย 3 ตัว

แนวทางการเลี้ยงแบบสวยงาม…กุ้งเครย์ฟิช สามารถนำมาเลี้ยงในตู้ปลาได้ แต่หากเลี้ยงรวมกันหลายตัว ควรจะเลี้ยงในตู้ปลาขนาดใหญ่ ที่มีขนาดไม่ต่ำกว่า 24 นิ้ว เพราะกุ้งเครย์ฟิช มีนิสัยค่อนข้างก้าวร้าว และหวงถิ่นที่อยู่ เมื่อมีเนื้อที่กว้างจะทำให้กุ้งแต่ละตัวสามารถสร้างอาณาเขตของตนเองได้ หากนำมาเลี้ยงรวมกันอย่างหนาแน่นจะพบว่า กุ้งเครย์ฟิช ขนาดเล็กมักถูกรังแกและมีโอกาสที่จะถูกกุ้งเครย์ฟิชที่มีขนาดใหญ่กว่ากินเป็นอาหารได้ นอกจากนี้ ควรใส่ขอนไม้ กระถางต้นไม้แตกๆ หรือ ท่อพีวีซี ตัดเป็นท่อนๆ เพื่อให้กุ้งเครย์ฟิชได้หลบอาศัยในเวลากลางวัน เพราะปกติช่วงกลางวันเป็นเวลาที่มันจะอยู่เงียบๆ แต่จะออกมาหาอาหารในเวลากลางคืนมากกว่า

สำหรับการตกแต่งตู้เลี้ยงกุ้งเครย์ฟิชนั้น หากชอบให้ตู้โล่งก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน แต่ควรใส่ ท่อพีวีซี ลงไปด้วย เพื่อให้กุ้งได้ใช้ในการหลบซ่อนตัว แต่หากต้องการให้ตู้เลี้ยงมีความสวยงามก็สามารถใช้กรวดปูพื้นตู้ได้ แต่มักพบว่า กุ้งเครย์ฟิชมีนิสัยชอบขุดคุ้ยกรวดเพื่อสร้างเป็นที่กำบังในเวลากลางวัน จึงทำให้ไม่เป็นเหมือนครั้งแรกที่แต่งไว้ ทั้งนี้ จึงควรจะปูกรวดให้หนา ไม่ต่ำกว่า 5 เซนติเมตร เพื่อให้กุ้งเครย์ฟิชขุดกลบลำตัวได้ แต่ไม่ควรปูพื้นตู้ด้วยทราย เพราะมีความหนาแน่นสูง หากกุ้งเครย์ฟิชมุดลงไปแล้วอาจทำให้ขาดอากาศหายใจได้

ผู้เลี้ยงไม่จำเป็นที่จะต้องติดตั้งปั๊มออกซิเจนในตู้เลี้ยงก็สามารถทำได้หากเลี้ยงจำนวนน้อย แต่หากต้องการจะติดตั้งเครื่องปั๊มออกซิเจนก็ปล่อยอากาศให้น้ำกระเพื่อมเบาๆ ก็พอ ส่วนระบบกรองน้ำ ควรใช้ชนิดกรองบน กรองแขวน หรืออาจจะใช้กรองฟองน้ำที่เป็นตุ้มก็เพียงพอ แต่ไม่ควรใช้ชนิดกรองใต้ตู้ เพราะกุ้งเครย์ฟิชมักจะขุดกรวดขึ้นมา

อุณหภูมิของน้ำที่เหมาะสมในการเลี้ยงกุ้งเครย์ฟิชคือ ประมาณ 23-28 องศาเซลเซียส ค่าพีเอช ที่เหมาะสมคือ ประมาณ 7.5-10.5 แต่หากน้ำมีความกระด้างสูง ก็สามารถใส่เกลือลงไปในตู้ได้ เพื่อเป็นการปรับสภาพน้ำ นอกจากนี้ เกลือยังช่วยเสริมแร่ธาตุที่มีความจำเป็นต่อการลอกคราบและสร้างเปลือกใหม่ด้วย สำหรับการเปลี่ยนถ่ายน้ำ ควรจะเปลี่ยนถ่ายน้ำบ่อยๆ แต่ทีละน้อย เพื่อป้องกันอุณหภูมิเปลี่ยนฉับพลัน และน้ำที่ใช้ควรเป็นน้ำสะอาด

กุ้งเครย์ฟิช สามารถกินอาหารได้เกือบทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นพืชผัก เศษเนื้อสัตว์ หรือให้อาหารเม็ดสำเร็จรูปชนิดจมก็ได้ เพื่อความสะดวก แต่ไม่ควรให้อาหารบ่อย 2-3 วัน ให้ครั้งหนึ่งก็พอ และควรให้น้อยๆ แต่พอดี เพื่อป้องกันการตกค้างของอาหาร ซึ่งจะทำให้น้ำเน่าเสีย ส่งผลต่อการเกิดโรคได้ และควรให้อาหารในเวลากลางคืน เพราะตามธรรมชาติ กุ้งเครย์ฟิช เป็นสัตว์ที่หาอาหารกินในเวลากลางคืน

สำหรับการเพาะพันธุ์กุ้งเครย์ฟิชนั้นไม่ยาก เพราะสามารถผสมพันธุ์ได้ตลอดทั้งปี และสามารถขยายพันธุ์ได้ง่าย เพียงนำกุ้งเครย์ฟิชตัวผู้กับตัวเมียมาปล่อยรวมกัน แต่ต้องมั่นใจว่าเป็นตัวผู้กับตัวเมีย โดยสังเกตที่อวัยวะสืบพันธุ์ตรงช่วงขาเดิน กุ้งตัวผู้มีอวัยวะคล้ายตะขอบริเวณขาเดินคู่ที่สองและสาม ซึ่งตะขอนี้เอาไว้เกาะตัวเมียตอนผสมพันธุ์ ส่วนตัวเมียจะมีอวัยวะสืบพันธุ์เป็นแผ่นทรงวงรี บริเวณขาเดินคู่ที่ 3

กุ้งเครย์ฟิช ใช้เวลาผสมพันธุ์นานกว่า 10 นาที หลังจากนั้น สามารถย้ายกุ้งตัวเมียไปยังตู้อนุบาลได้ เพื่อเป็นการเตรียมที่อยู่สำหรับลูกกุ้ง หลังจากนั้น ตัวเมียจะทยอยผลิตไข่ขึ้นมาไว้บริเวณขาว่ายน้ำเป็นกระจุก มองคล้ายพวงองุ่น หลังจากที่ไข่ได้รับการปฏิสนธิแล้ว ตัวเมียจะหาที่หลบซ่อนนอนนิ่งไม่ยอมกินอะไร ระยะเวลาที่ตัวอ่อนใช้ในการพัฒนารูปร่างนั้นจะขึ้นอยู่กับอุณหภูมิ ปริมาณอาหาร และคุณภาพน้ำด้วย โดยเฉลี่ยไข่จะพัฒนาจนเป็นตัวอ่อนเหมือนโตเต็มวัย ภายใน 3-4 สัปดาห์ หลังจากนั้น ลูกกุ้งจะถูกปล่อยให้ว่ายน้ำเป็นอิสระ ในการผสมพันธุ์แต่ละครั้งแม่กุ้งสามารถให้ลูกกุ้งได้มากถึง 300 ตัว ซึ่งพ่อแม่กุ้งไม่มีพฤติกรรมกินลูกกุ้งเป็นอาหาร และลูกกุ้งก็จะอยู่ไม่ห่างพ่อแม่นัก เพื่อคอยเก็บเศษอาหารที่เหลือจากพ่อแม่กินเป็นอาหารนั่นเอง

ตัวอ่อนของกุ้งเครย์ฟิช มีขนาดประมาณ 2-3 มิลลิเมตร โดยจะกินเศษอาหารก้นตู้เป็นหลัก สามารถให้ไส้เดือนฝอย ไรทะเล เป็นอาหารเสริมได้ แต่ควรระวังเรื่องคุณภาพน้ำด้วย อย่าปล่อยเศษอาหารเหลือทิ้งจนเน่าเสีย ซึ่งควรให้อาหารอย่างเพียงพอ เพราะตัวอ่อนจะมีพฤติกรรมกินกันเอง

ตู้อนุบาลตัวอ่อนควรมีพื้นที่ และวัสดุหลบซ่อน โดยเฉพาะกระถางต้นไม้ เพราะในช่วงเดือนแรก ลูกกุ้งจะลอกคราบบ่อย ทำให้ลำตัวอ่อนนิ่ม และมีเปอร์เซ็นต์ถูกกินเป็นอาหารมากขึ้น เมื่อลูกกุ้งมีอายุประมาณ 1 เดือน จะเริ่มมีสีสันเหมือนตัวโตเต็มวัย

การลอกคราบเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการเจริญเติบโตของกุ้งเครย์ฟิช เพราะแสดงถึงขนาดลำตัวที่โตมากขึ้น ซึ่งลูกกุ้งจะลอกคราบเดือนละครั้ง โดยมีระยะห่างในการลอกคราบแต่ละครั้งจะยาวนานขึ้นเมื่อกุ้งเจริญเติบโตขึ้น และเมื่อกุ้งเครย์ฟิชโตเต็มที่จะลอกคราบเพียงปีละครั้งเท่านั้น ในการลอกคราบแต่ละครั้ง กุ้งเครย์ฟิชจะมีลำตัวนิ่มและอ่อนแอมาก จึงต้องหาที่ปลอดภัยสำหรับหลบซ่อนและค่อนข้างอยู่นิ่งๆ ประมาณ 2-3 วัน จนกว่าเปลือกจะแข็งเป็นปกติ

อย่างไรก็ตาม หากเห็นว่า กุ้งเครย์ฟิชกำลังลอกคราบ ไม่ควรรบกวน เพราะอาจทำลายความต่อเนื่องของกระบวนการลอกคราบได้ หากกุ้งเครย์ฟิชตกใจอาจทำให้การลอกคราบไม่สมบูรณ์เต็มที่ โดยชิ้นส่วนของเปลือกชุดเก่ายังติดอยู่บริเวณก้าม ในขณะที่เปลือกชุดใหม่เริ่มแข็งตัว อาจทำให้เกิดความผิดปกติได้ อาทิ มีเปลือก 2 ชั้น ทับกัน หรือก้ามบิดเบี้ยวผิดรูปได้

จากประสบการณ์การเลี้ยงของคุณภูลิช ซึ่งเลี้ยงเครย์ฟิชหลายพันธุ์ ประกอบด้วย พันธุ์ก้ามแดง พันธุ์ยัมปี้ และพันธุ์สายพี ใช้เวลาเลี้ยงประมาณ 8-12 เดือน สามารถขายได้ ขนาดจะอยู่ที่ 20 ตัว ต่อกิโลกรัม ราคาหน้าฟาร์ม จะอยู่ที่ 500-800 บาท ต่อกิโลกรัม แต่ยัมปี้จะแพงกว่าไปกิโลกรัมละ 100 บาท และยัมปี้เป็นกุ้งน้ำเย็น จะเจริญเติบโตได้ในหน้าหนาว แต่ก้ามแดง หน้าหนาวจะจำศีล ไม่ค่อยโต ส่วนสายพี จะโตเร็ว 3 เดือน สามารถจับขายได้ หากเลี้ยงในบ่อดินจะโตเร็วกว่าเลี้ยงในบ่อพลาสติก แต่ข้อเสียคือ สีไม่สวย แก้ด้วยการนำมาเลี้ยงในบ่อน้ำไหล ประมาณสัก 1 สัปดาห์ จะทำให้สีสวยขึ้น ขนาดบ่อที่ทำอยู่ ขนาดกว้าง 2 เมตร ยาว 3 เมตร สูง 40 เซนติเมตร ใส่น้ำสูงประมาณ 20-30 เซนติเมตร ลงทุนบ่อหนึ่ง ประมาณ 1,200 บาท อาหารที่ใช้เลี้ยง ใช้อาหารไก่เล็ก ไส้เดือน ผักสด สาหร่าย ปล่อยลูกกุ้ง 200 ตัว ต่อบ่อ หรือประมาณ 40 ตัว ต่อตารางเมตร แต่ต้องระวังศัตรูของลูกกุ้งคือ กบ เขียด และระมัดระวังอย่าใช้สารเคมีใกล้บ่อเลี้ยง เนื่องจากกุ้งจะไวต่อสารเคมีมาก ในบ่อให้ปล่อยปลาหางนกยูงเพื่อช่วยกินลูกน้ำป้องกันการแพร่ขยายของยุง และปล่อยหอยขมลงไป เพื่อกินขี้กุ้ง กินปรสิตที่จะมาเกาะอาศัยกุ้ง จะทำให้กุ้งโตช้า หากไม่เลี้ยงเพื่อขายเนื้ออาจเลี้ยงเป็นลูกกุ้งพันธุ์ จำหน่ายให้กับผู้ต้องการเลี้ยง เพราะปัจจุบันลูกกุ้งพันธุ์ ขึ้นราคาจาก ตัวละ 4-5 บาท เป็นตัวละ 15-20 บาท

จะเห็นได้ว่าการเลี้ยงกุ้งก้ามแดง เป็นอาชีพที่ผู้สูงวัยสามารถทำได้ เพราะถือเป็นงานเบา การดูแลและให้อาหารก็เป็นช่วงค่ำ ตามนิสัยของกุ้งที่ออกหากินในเวลากลางคืน

สนใจรายละเอียด หรือจะดูงานการเลี้ยง ติดต่อ คุณภูลิช ชวาลกานต์ ร้านเหรียญทอง ในตลาดเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา ยินดีแลกเปลี่ยนประสบการณ์

Leave a comment