ไพโรจน์ รัตนรัตน์ คนปากพนังกับอาชีพใหม่ เลี้ยง “ปูเปี้ยว” ขาย!!

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน

http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05088011258&srcday=2015-12-01&search=no

วันที่ 01 ธันวาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 28 ฉบับที่ 612

ไพโรจน์ รัตนรัตน์ คนปากพนังกับอาชีพใหม่ เลี้ยง “ปูเปี้ยว” ขาย!!

ชมพูเข้ม เรื่อง/ภาพ

กศน.ทั่วไทย

ปูเปี้ยว หรือบางที่เรียกว่า ปูแสม เป็นสัตว์น้ำดั้งเดิมมีชุกชุมอยู่คู่กับชายฝั่งทะเลตะวันออกของอ่าวไทย ลักษณะของปูเปี้ยวที่นี่มีกระดองสีน้ำตาลปนดำ มีขนาดตัว ประมาณ 4-5 เซนติเมตร ก้ามและขามีสีแดงออกม่วงปนกับสีน้ำตาล กินผัก ใบไม้ และซากสัตว์ตามธรรมชาติเป็นอาหาร

ปูเปี้ยว ได้รับความนิยมนำไปดองเค็ม เพื่อเป็นส่วนผสมหลักของส้มตำ รวมถึงทำอาหารต่างๆ เช่น ยำปูเปี้ยว หลนปูเปี้ยว หรือทำน้ำพริกปูเปี้ยวได้

ปัจจุบัน จำนวนปูเปี้ยวลดลงไปมาก เนื่องจากชาวบ้านจับขาย จนปูรุ่นใหม่เกิดมาแทนไม่ทัน ชาวบ้านที่เคยจับปูขายก็ออกจากพื้นที่ย้ายไปจับปูเปี้ยวในจังหวัดอื่นๆ หากไม่มีการอนุรักษ์หรือขยายพันธุ์ให้มีจำนวนมากขึ้น ปูเปี้ยวจะสูญพันธุ์ไม่มีให้คนรุ่นหลังได้บริโภค

“ปากพนังฝั่งตะวันออก” เป็นตำบลหนึ่งในอำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่มีปูเปี้ยวอยู่ตามธรรมชาติ เนื่องจากสภาพพื้นที่โดยทั่วไปมีลักษณะเป็นที่ราบชายฝั่งทะเล มีความสูงจากระดับน้ำทะเล ประมาณ 1-8 เมตร พื้นที่ลาดเทจากทางตะวันตกไปทางตะวันออกจดอ่าวไทย

สภาพพื้นที่ปากพนังฝั่งตะวันออก ส่วนใหญ่ใช้ทำนากุ้ง และทำประมงเพาะเลี้ยงชายฝั่ง พื้นที่ตำบลปากพนังฝั่งตะวันออก มีทั้งหมด 7 หมู่บ้าน มีเนื้อที่ 15,544 ไร่ จำนวนประชากรประมาณ 7,566 คน ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพประมง เพาะเลี้ยงกุ้ง เลี้ยงปลา เป็นหลัก รองลงมาคือรับจ้างทั่วไป ค้าขาย และประกอบอาชีพเสริม

ที่ปากพนังในวันนี้มีอาชีพใหม่ที่น่าสนใจคือ การเลี้ยงปูเปี้ยว โดยเป็นผลงานที่เกิดจากภูมิปัญญาของ คุณไพโรจน์ รัตนรัตน์ เจ้าของพื้นที่เลี้ยงปูเปี้ยว ในหมู่ที่ 6 บ้านเนินน้ำหัก ตำบลปากพนังฝั่งตะวันออก อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช

จุดประกายจาก

บทความที่อ่านเจอ

คุณไพโรจน์ ได้เล่าให้ฟังว่า ตนเองเป็นคนหนึ่งในชุมชนที่ประสบปัญหาขาดทุนจากการทำนากุ้ง คิดมาตลอดว่าจะทำอย่างไร ให้วัสดุ อุปกรณ์ ที่เหลือจากการทำนากุ้งได้นำมาใช้ประโยชน์โดยไม่ต้องลงทุนเพิ่มมากนัก จึงได้ศึกษาค้นคว้าจากหนังสือ วารสารต่างๆ ไปพบบทความที่เขียนเกี่ยวกับการเลี้ยงปูเปี้ยว ก็เกิดความสนใจเรื่องนี้มาก เนื่องจากตนเองเติบโตในพื้นที่อำเภอปากพนังมาตลอด วิ่งเล่นเห็นปูเปี้ยวมาตั้งแต่เด็ก

คุณไพโรจน์ จึงได้นำกรอบความคิดที่ได้อ่านจากหนังสือมาประยุกต์ให้เข้ากับสภาพทุนที่มีอยู่ ทั้งบ่อกุ้ง และอุปกรณ์โดยปรับพื้นที่ที่มีอยู่เดิม ซึ่งมีสภาพเป็นบ่อกุ้งร้าง ที่มีเลนตมที่เกิดจากการเลี้ยงกุ้ง สภาพพื้นบ่อกุ้งจึงเหมือนกับดินทั่วไป สูงเสมอเกือบขอบบ่อกุ้งร้าง ได้จ้างรถแบ๊คโฮขุดดิน ขุดเป็นคันดินด้านข้างรอบบ่อทั้ง 4 ด้าน เหมือนคันนา หรือการทำไร่นาสวนผสม

หลังจากนั้น ขุดดินรอบบ่อลึกลงไป 20-30 เซนติเมตร ใช้ผ้ายางสีดำ ขนาดกว้าง 60 เซนติเมตร เอาดินถมกลบประมาณ 10 เซนติเมตร ส่วนผ้ายางที่เหลือยกขึ้นสูง ประมาณ 50 เซนติเมตร คลุมคันดินด้านบนตรึงด้วยตะปู คันดินจะช่วยป้องกันไม่ให้ปูเปี้ยวออกจากบ่อเลี้ยง

การเตรียมพื้นที่ คุณไพโรจน์ แนะนำว่าพื้นที่ที่เหมาะสมควรมีน้ำขึ้น-ลง ตลอดปี สำหรับการปรับพื้นที่บ่อกุ้งร้างขึ้นอยู่กับสภาพของบ่อกุ้งแต่ละแห่ง กรณีที่พื้นที่เดิมมีสภาพรกร้างให้เอาต้นไม้บางส่วนที่ไม่ใช้ออก เหลือต้นไม้ตามธรรมชาติที่มีประโยชน์ต่อการเลี้ยงปูเปี้ยว เช่น ผักเป็ด ต้นขลู โกงกาง หนามหมอ ให้ปล่อยไว้ตามธรรมชาติ เป็นร่มเงาและเป็นอาหารปูเปี้ยวได้

การเตรียมบ่อ นำยางรถยนต์ที่เหลือใช้มาวางเรียงกันเป็นระยะ เผื่อน้ำท่วมพื้นบ่อ ปูเปี้ยวจะได้ขึ้นมาตากแดด หรือเป็นที่เจาะรูหลบซ่อนตัวของปูเปี้ยว เปรียบเทียบเหมือนเป็นบ้านของปู หลังจากนั้นนำพันธุ์ปูเปี้ยวมาปล่อย

ขณะนี้ คุณไพโรจน์ ซื้อพันธุ์ปูเปี้ยวจากแหล่งขายในตำบลเกาะเพชร อำเภอหัวไทร และตำบลบางจาก อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช และจากชาวบ้านทั่วไปที่จับลูกปูขาย ในราคากิโลกรัมละ 30-50 บาท หากเป็นลูกปูคละขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ กิโลกรัมละประมาณ 70 บาท ตามราคาขายลูกพันธุ์ปูในท้องตลาด

ครั้งแรกได้ลงทุนซื้อลูกพันธุ์ปูเปี้ยว จำนวนประมาณ 200 กว่ากิโลกรัม

คุณไพโรจน์ เล่าเพิ่มเติมว่า ตนเองมีความตั้งใจเลี้ยงปูเปี้ยวให้ประสบความสำเร็จ เพราะคิดว่าถ้าตนเองทำสำเร็จจะสามารถเป็นตัวอย่างให้กับคนอื่นๆ ในชุมชนที่ประสบปัญหาการขาดทุนจากการเลี้ยงกุ้ง มีบ่อกุ้งร้างไว้ให้นำมาทำประโยชน์ หรือคนที่ว่างงาน ให้มีกำลังใจ อย่าท้อแท้ ทุกอย่างสามารถผ่านพ้นอุปสรรคไปได้ หากตัวเราเองมีความมุ่งมั่นตั้งใจหารายได้เลี้ยงครอบครัว

สำหรับแรงงานภายในฟาร์มแห่งนี้จะเน้นให้สมาชิกในครอบครัวช่วยเหลือกัน เช่น ให้ลูกชายและเพื่อนๆ ช่วยกันจับปู ให้อาหารปู และนำปูดองไปขาย ซึ่งเป็นการปลูกฝังให้ลูกๆ ได้มีส่วนรับผิดชอบ ช่วยเหลือครอบครัวไปด้วยในตัว

เลี้ยงอย่างไร…ปูเปี้ยว

การให้อาหารปูเปี้ยวหลังจากปล่อยลูกปูแล้ว เลี้ยงปูเปี้ยวด้วยปลาสดสับชิ้นเล็กๆ คลุกกับรำ หรือปลาป่น หากเป็นช่วงฤดูมรสุมไม่มีปลาสด ใช้ปลาหมักน้ำ EM แช่ในช่องแช่แข็ง เพื่อนำไปเป็นอาหารให้ปูเปี้ยว

โดยธรรมชาติของปูเปี้ยวจะอยู่ในรูช่วงกลางวัน อาจจะออกมาเมื่อหิว หรือเมื่อปลอดคน

การให้อาหารปูเปี้ยว ให้ในช่วงเย็น ประมาณ 6 โมงเย็น หากให้อาหารเร็วกว่านี้ มดจะไปกินอาหารทำให้ปูเปี้ยวไม่กิน เนื่องจากถูกมดกัด

อาหารสามารถให้ทุกวัน หรือ 2-3 วัน ก็ได้ เนื่องจากปูสามารถหาอาหารซึ่งเป็นผักหรือซากสัตว์จากธรรมชาติได้อีกทางหนึ่ง

ในช่วงปูเริ่มโตขึ้น ให้อาหารเม็ด (อาหารปลาดุก) เสริมได้ การเลี้ยงมีการปล่อยน้ำให้ไหลเวียนภายในบ่อเลี้ยง โดยเฉพาะในช่วงฤดูวางไข่

การขยายพันธุ์ มี 2 ช่วง คือประมาณเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน และเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม ปูเปี้ยวจะลอกคราบและวางไข่ ให้ตีน้ำกระเพื่อมเป็นระลอก จะทำให้ปูเปี้ยวขยายพันธุ์ได้มากกว่าเดิม

ระยะเวลาในการเลี้ยงปูเปี้ยว ใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือน โดยเฉพาะในช่วงฝนตกชุกปูเปี้ยวจะเจริญเติบโตได้ดี

การจับปูเปี้ยวขาย ให้เลือกเฉพาะปูที่มีขนาดใหญ่ ที่มีน้ำหนักมาก ปูเปี้ยวตัวเมียจะไม่จับไปขาย ปล่อยไว้ขยายพันธุ์

ช่วงที่เลี้ยงแรกๆ คุณไพโรจน์ บอกว่าจะได้ปูที่มีขนาดเล็ก ได้พยายามสังเกตการกินอาหารของปู และปรับปรุงสูตรอาหารมาตลอด ปัจจุบันปูมีขนาดน้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้น 18-20 ตัว ต่อกิโลกรัม

การจำหน่าย การจับปูเปี้ยวจับในช่วงกลางคืน ทำได้ 3 วิธี คือใช้ไฟฉายคาดศีรษะพร้อมแบตเตอรี่ส่องเดินจับทีละตัว ใช้กับดักด้วยกระป๋อง และการใช้ภูมิปัญญาที่คิดขึ้นเอง โดยใช้ปี๊บ/แกลลอน ขนาด 18 ลิตร ทำหลุมพรางล่อเหยื่อ มีเหยื่ออยู่ในแกลลอน เมื่อปูเปี้ยวตกลงไปจะขึ้นมาไม่ได้ นำแกลลอนขึ้นมาเลือกจับปูเปี้ยวเฉพาะที่มีขนาดใหญ่ ไปใช้ทำปูเปี้ยวดองน้ำปลา

พื้นที่การเลี้ยงปูเปี้ยวของคุณไพโรจน์ ได้แบ่งส่วนหนึ่งเป็นแปลงสาธิต ทดลองหาความรู้และเป็นศูนย์เรียนรู้ให้ความรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงปูเปี้ยว เป็นตัวอย่างของการใช้นากุ้งร้างที่มีอยู่เดิมมาปรับสภาพ แก้ปัญหาหนี้สินที่ขาดทุนจากการเลี้ยงกุ้ง

“ในอนาคต จะขยายพื้นที่ ใช้รถขุดดิน ขุดคันดินเพิ่มพื้นที่ว่าง ซึ่งเป็นลานกว้าง ยกร่องให้เป็นคันดินเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มปริมาณปูเปี้ยวให้มากขึ้น ขยายพันธุ์ปูเปี้ยวเอง และเป็นศูนย์การเรียนรู้ปูเปี้ยวอย่างครบวงจรกับผู้สนใจ” คุณไพโรจน์ กล่าว

สำหรับผู้สนใจอยากทดลองเลี้ยงปูเปี้ยว คุณไพโรจน์ แนะนำว่า ควรเลือกพื้นที่ที่มีน้ำขึ้น น้ำลง คือบางช่วงน้ำท่วมและบางช่วงน้ำลด ปูเปี้ยวจะเจริญเติบโตและขยายพันธุ์ได้ดี การลงทุนสำหรับเกษตรกรรายใหม่ที่ต้องการเลี้ยงปูเปี้ยว กรณีที่มีที่ดินเดิมอยู่แล้ว มีค่าใช้จ่ายเพิ่มในส่วนของค่าจ้างรถแบ๊คโฮขุดทำคันดิน ค่าลูกพันธุ์ปูเปี้ยว ค่าผ้ายางปูขอบคันดิน สำหรับยางรถยนต์ หรืออุปกรณ์อื่นๆ สามารถประยุกต์ใช้วัสดุที่มีอยู่เดิมได้

ไม่ขายสด

แต่ทำปูเปี้ยวดองน้ำปลา

สูตรเด็ดที่ต้องลิ้มลอง

ส่วนผลผลิตปูเปี้ยวที่ได้จากการเลี้ยงในขณะนี้ไม่มีการจำหน่ายเป็นปูเปี้ยวสด แต่คุณไพโรจน์นำปูเปี้ยวทั้งหมดมาดองน้ำปลา

ปูเปี้ยวดองน้ำปลา คุณไพโรจน์ ให้ข้อมูลว่า จะแตกต่างจากทั่วไปที่เป็นการดองด้วยเกลือ โดยขั้นตอนการดอง ให้ล้างปูเปี้ยวสดด้วยน้ำสะอาด 3 ครั้ง แช่น้ำปูนแดงใส แล้วแช่น้ำปลา ใช้เวลาดอง 2 วัน อุปกรณ์ที่ใช้ดองเป็นโอ่งมังกร ปิดฝาให้สนิท

ปูเปี้ยวดองน้ำปลา ส่งขายปลีก กิโลกรัมละ 200 บาท โดยบรรจุเป็นขวดขนาดต่างๆ หากขายปลีกหน้าบ่อเลี้ยง จะขายราคาขวดละ 99 บาท สามารถซื้อได้หน้าบ่อเลี้ยง หรือสั่งซื้อทางไลน์ ลูกค้าจะเป็นลูกค้าขาประจำที่รู้จัก และลูกค้าขาจรเป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเที่ยวแหลมตะลุมพุก ขับรถผ่านไปมา สามารถแวะอุดหนุนปูเปี้ยวดองน้ำปลาได้ นอกจากนั้นขายตามบู๊ธจัดงานต่างๆ

วิธีเก็บปูเปี้ยวดองน้ำปลาไว้จำหน่ายให้ลูกค้าได้ตลอดคือ เมื่อดองครบ 2 วันแล้ว นำปูเปี้ยวมาใส่ช่องแช่แข็ง จึงมีปูเปี้ยวไว้จำหน่ายได้ทุกวัน หากลูกค้าซื้อไปทำยำปูเปี้ยว ส้มตำ หรือหลนปูเปี้ยว ก็เก็บในลักษณะเดียวกัน

ปูเปี้ยวของที่นี่ เป็นที่ชื่นชอบของลูกค้า เพราะเนื้อแน่น อร่อย ความเค็มพอดี เปลือกกรอบ ทำให้ปอกเปลือกง่าย เนื้อไม่ติดเปลือก ที่สำคัญขั้นตอนการทำสะอาดปลอดภัยต่อสุขภาพ กินแล้วไม่ต้องกลัวท้องเสีย

ตอนนี้ครอบครัวคุณไพโรจน์มีรายได้เสริม โดยจับปูเปี้ยวสด ประมาณวันละ 5-10 กิโลกรัม นำมาดองขายตามจำนวนที่ลูกค้าสั่ง รายได้มากบ้าง น้อยบ้าง ขายได้เฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 3 กิโลกรัม ต่อวัน มีรายได้อย่างน้อย วันละ 600 บาท ต่อวัน

“การเลี้ยงปูเปี้ยวเพื่อเป็นอาชีพเสริมยังมีลู่ทางสดใส เป็นช่องทางใหม่ของคนลุ่มน้ำปากพนัง เพราะมีผู้ซื้อมาสอบถามความต้องการอีกมาก ทั้งปูเปี้ยวสดและปูเปี้ยวดองเค็ม ดังนั้น ควรอนุรักษ์ให้มีปูเปี้ยวอยู่คู่กับชายฝั่งทะเลตะวันออก และคนในพื้นที่ได้ซื้อปูเปี้ยวดองน้ำปลาจากการผลิตของคนในชุมชน ลดการสั่งซื้อปูเปี้ยวจากภายนอกชุมชน จะทำให้เศรษฐกิจในระดับชุมชนได้หมุนเวียนใช้จ่ายในชุมชนมากขึ้น” คุณไพโรจน์ กล่าว

กศน. สนับสนุนเต็มที่

นับตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงวันนี้ อาชีพการเลี้ยงปูเปี้ยวของคุณไพโรจน์ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดี จาก สำนักงาน กศน. อำเภอปากพนัง โดย คุณสุรศักดิ์ อนันต์ ผู้อำนวยการ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอปากพนัง ได้พิจารณาว่าอาชีพการเลี้ยงปูเปี้ยวเป็นอาชีพที่มีความสอดคล้องกับวิถีชีวิตของชาวบ้าน หมู่ที่ 6 บ้านเนินน้ำหัก ช่วยแก้ปัญหาการประกอบอาชีพของชุมชนได้

ผอ. สุรศักดิ์ จึงมอบหมายให้ คุณณภัทร อินนุพัฒน์ ครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียน และ คุณชุติกาญจน์ ชูเผือก ครู กศน. ตำบล เป็นผู้ประสานงานในการสนับสนุนงบประมาณ จำนวน 12,000 บาท มาสมทบเป็นลูกพันธุ์ปู ในการปล่อยพันธุ์ลูกปู จะปล่อยครั้งละ 500 กิโลกรัม

อีกทั้งเมื่อเร็วๆ นี้ คุณบุษบา ณะแก้ว รองผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้นำคณะนิเทศและติดตามผลการดำเนินงาน มาเยี่ยมชมและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคุณไพโรจน์และสมาชิกกลุ่มปูเปี้ยว

คุณบุษบา กล่าวว่า การเลี้ยงปูเปี้ยวเป็นอาชีพที่น่าสนใจมาก เป็นการสร้างอาชีพที่ใช้ต้นทุนทรัพยากรเดิมที่มีอยู่มาใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่า คุณไพโรจน์เป็นผู้ที่ใฝ่หาความรู้และประยุกต์ใช้อุปกรณ์ที่มีอยู่มาสร้างอาชีพที่สอดคล้องกับวิถีชีวิต ประสบการณ์ในชีวิตสามารถถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้อื่นได้ มุ่งมั่นในการแก้ปัญหาปากท้องของสมาชิกในชุมชน

“หากคนในชุมชนตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์สัตว์ทะเลของท้องถิ่น ช่วยกันรักษาระบบนิเวศของธรรมชาติจะช่วยให้ปูเปี้ยวอยู่คู่กับพื้นที่ต่อไป และที่สำคัญกลุ่มเลี้ยงปูเปี้ยวสามารถพัฒนาเป็นแหล่งเรียนรู้ของชุมชน โดยมีชมรม หน่วยงาน ภาคส่วนต่างๆ มาช่วยสนับสนุนอีกทางหนึ่ง” คุณบุษบา กล่าวทิ้งท้าย

หากท่านใดสนใจสั่งซื้อปูเปี้ยวดองเค็มไปทำส้มตำ หลนปูเปี้ยว ยำปูเปี้ยว น้ำพริกปูเปี้ยว หรืออยากลองประกอบอาชีพเลี้ยงปูเปี้ยวเป็นอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ ติดต่อสอบถามข้อมูลได้จาก คุณไพโรจน์ รัตนรัตน์ โทรศัพท์ (083) 642-1709

หรือหากเดินทางไปท่องเที่ยวแหลมตะลุมพุก ผ่านบ้านเนินน้ำหัก อย่าลืมแวะเยี่ยมชม ให้กำลังใจการเลี้ยงปูเปี้ยว ช่วยอนุรักษ์ปูพื้นบ้านให้อยู่คู่กับทะเลชายฝั่งตะวันออก และช่วยฟื้นฟูสภาพนากุ้งให้กลับมาใช้ประโยชน์อีกครั้ง

อย่าลืมนะคะ…

Leave a comment