6 โรงเรียนนำร่อง บ้านค่าย ระยอง พัฒนาคุณภาพชีวิต โรงเรียนเป็นศูนย์กลาง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน

http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05091151258&srcday=2015-12-15&search=no

วันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 28 ฉบับที่ 613

เยาวชนเกษตร

สุจิต เมืองสุข

6 โรงเรียนนำร่อง บ้านค่าย ระยอง พัฒนาคุณภาพชีวิต โรงเรียนเป็นศูนย์กลาง

ในอดีต วัดและโรงเรียนเป็นสถานที่สำคัญ เป็นศูนย์กลางของชุมชน หากชุมชนเข้มแข็งก็จะช่วยส่งเสริมให้โครงสร้างเศรษฐกิจของชุมชนมีความเข้มแข็งที่ยั่งยืนไปพร้อมกัน มุมมองการสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน และการส่งเสริมโครงสร้างเศรษฐกิจชุมชนให้มีความเข้มแข็งนั้น บริษัท สยามลวดเหล็กอุตสาหกรรม จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าลวดเหล็กแรงดึงสูงสำหรับงานคอนกรีตอัดแรง และลวดเหล็กตีเกลียว ที่ใช้ในการก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน เล็งเห็นถึงการดำเนินธุรกิจที่ต้องพัฒนาควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โครงการ “การพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยมีโรงเรียนเป็นศูนย์กลาง” จึงเริ่มขึ้น

คุณนิกร อ่อนอ่อง รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส-ทรัพยากรบุคคลและบริหารงานทั่วไป บริษัท สยามลวดเหล็กอุตสาหกรรม จำกัด กล่าวว่า โครงการการพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยมีโรงเรียนเป็นศูนย์กลาง เริ่มขึ้นเมื่อปี 2555 โดยนำร่องพัฒนา 6 โรงเรียน จาก 11 หมู่บ้าน ในพื้นที่ตำบลหนองละลอก อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง โดยได้รับความร่วมมือจากมูลนิธิมีชัย วีระไวทยะ ในการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการเกษตรและการบริหารจัดการ โดยแบ่งการดำเนินกิจกรรมออกเป็น 5 กลุ่มหลัก ได้แก่ การมีส่วนร่วมและสร้างความเข้มแข็งของชุมชน การจัดตั้งหน่วยธุรกิจเพื่อสังคมในโรงเรียนและโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน การฝึกอบรมครูและผู้นำ การพัฒนาด้านสังคม และ กองทุนเงินกู้เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ

6 โรงเรียนนำร่อง ได้แก่ โรงเรียนบ้านหนองละลอก โรงเรียนวัดละหารไร่ โรงเรียนวัดดอนจันทน์ โรงเรียนบ้านมาบตอง โรงเรียนวัดหนองกระบอก และ โรงเรียนวัดเชิงเนิน

เป็นโอกาสที่ดีของโรงเรียนนำร่อง ทั้ง 6 แห่ง ที่มีหน่วยงานที่มีความรู้เฉพาะทางมาช่วยส่งเสริม และสนับสนุนในการดำเนินกิจกรรมการเกษตรภายในโรงเรียน ทั้งยังส่งเสริมกิจกรรมภายในชุมชน เพื่อให้เกิดความเข้มแข็งที่ยั่งยืน ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

โรงเรียนบ้านหนองละลอก 1 ใน 6 โรงเรียนนำร่อง ที่นี่มีแปลงเกษตรให้นักเรียนบริหารจัดการ เพื่อเรียนรู้เทคนิคด้านการเกษตร เช่น การปลูกมะนาวนอกฤดู การปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ การปลูกพืชสมุนไพร การเลี้ยงสัตว์ เป็นต้น ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้นักเรียนได้นำความรู้ที่ได้รับไปต่อยอดในเรื่องของการสร้างอาชีพ และการสร้างรายได้ให้กับตนเองและครอบครัวในอนาคต ซึ่งผลผลิตที่ได้จากการทำการเกษตรภายในโรงเรียน มีการบริหารจัดการโดยนำเข้าสู่ระบบสหกรณ์ของโรงเรียน จากนั้นซื้อในราคาถูก นำมาใช้ประกอบอาหารตามโครงการอาหารกลางวันสำหรับนักเรียน ส่วนผลผลิตที่เหลือจะนำไปจำหน่ายในตลาดชุมชน เป็นรายได้คืนให้กับนักเรียนเมื่อสิ้นสุดการเรียนในแต่ละปีการศึกษา

นอกเหนือจากการทำการเกษตรในรูปของการปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ เพื่อให้ได้มาซึ่งผลผลิต สร้างรายได้ ลดรายจ่ายแล้ว ยังมีการจัดตั้งธนาคารพัฒนาชุมชนและโรงเรียน ซึ่งเริ่มดำเนินการมาแล้วกว่า 1 ปี โดยจัดตั้งในโรงเรียนนำร่อง 6 แห่ง เช่นเดียวกัน

โดย บริษัท สยามลวดเหล็กฯ จัดเจ้าหน้าที่ฝึกอบรมการบริหารจัดการในระบบธนาคารให้กับนักเรียนและชุมชน เพื่อให้นักเรียนได้รับความรู้ในการบริหารจัดการระบบธนาคาร ต่อยอดไปถึงการบริหารจัดการรายได้มีความสมดุลในอนาคต ส่วนชุมชนก็สามารถเริ่มธุรกิจขนาดเล็ก และสร้างรายได้ภายในชุมชนได้ ซึ่งปัจจุบันมีชาวบ้านเป็นสมาชิกของธนาคาร จำนวน 306 คน และจำนวนหนึ่งเริ่มธุรกิจขนาดเล็กในชุมชนแล้ว เช่น การทำสวนมะนาว การทำขนมขาย เปิดร้านขายของชำ การเพ้นท์แก้ว การเลี้ยงปลา การเพาะเห็ด เป็นต้น ซึ่งกิจกรรมทั้งหมดสามารถเพิ่มรายได้ภายในครัวเรือนมากขึ้น 30-40 เปอร์เซ็นต์

อาจารย์ภัสราภรณ์ ธีร์ธนพงศ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหนองละลอก กล่าวว่า ปัจจุบัน โรงเรียนบรรจุวิชาการเกษตรไว้ในหลักสูตรการเรียนการสอน โดยจะเน้น 2 สาระสำคัญ คือ 1. การงานอาชีพ ซึ่งจะรวมวิชาการเกษตรเข้าไปด้วย โดยคุณครูประจำชั้นจะพานักเรียนมาเรียนที่แหล่งเรียนรู้การเกษตร และ 2. สังคม ศาสนา และวัฒนธรรม โดยจะสอดแทรกแนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อปลูกฝังให้เด็กนักเรียนรู้จักการใช้ชีวิตอย่างพอเพียง เห็นคุณค่าของทรัพยากรต่างๆ มีจิตสำนึกรักสิ่งแวดล้อม ผ่านการทำกิจกรรมร่วมกันจากแหล่งเรียนรู้การเกษตร โดยจะแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบตามระดับชั้น เด็กเล็ก ก็จะมีหน้าที่รดน้ำ ถอนหญ้า ส่วนเด็กโต ก็จะมีหน้าที่พรวนดิน ให้ปุ๋ย เก็บผลผลิต เป็นต้น

“ตอนแรกโรงเรียนก็ไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหน แต่ได้รับการสนับสนุนเงินทุนจาก บริษัท สยามลวดเหล็กฯ และมูลนิธิมีชัย วีระไวทยะ และจัดส่งเจ้าหน้าที่มาให้ความรู้ สอนเทคนิคการดำเนินกิจกรรมเกษตร การบริหารการเงินในรูปแบบของธนาคาร เพื่อให้มีการออมและสร้างรายได้เพิ่มจากอาชีพที่ทำอยู่ ทำให้นักเรียนและชุมชนมีแหล่งเรียนรู้การเกษตรที่เป็นรูปธรรม รู้เทคนิคการทำเกษตรตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงการเก็บเกี่ยวผลผลิต อีกทั้งยังได้ฝึกทักษะการทำงาน และความรับผิดชอบให้กับนักเรียน ส่วนการเก็บเกี่ยวผลผลิตในแต่ละวัน นักเรียนก็จะนำไปจำหน่ายให้กับผู้ปกครองที่มารอรับนักเรียนในตอนเย็น ซึ่งสามารถสร้างรายได้ประมาณ 2,000-3,000 บาท ต่อเดือน โรงเรียนจะนำเงินส่วนนี้ไปซื้อดิน หรือเมล็ดพันธุ์ เพื่อนำมาปลูกใหม่หมุนเวียนต่อไป”

เพราะกิจกรรมนี้ ทำให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) มีโครงการเยี่ยมบ้านนักเรียน ปีละ 2 ครั้ง เพื่อติดตามดูการนำความรู้ของนักเรียนที่ได้ไปใช้ประโยชน์ ซึ่งที่ผ่านมาพบว่า ความรู้จากนักเรียนถ่ายทอดสู่ผู้ปกครองไปด้วย ซึ่งถือเป็นความร่วมมือระหว่างโรงเรียนกับชุมชนอีกทางหนึ่ง

เด็กหญิงธารารัตน์ เดชกุลรัมย์ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านหนองละลอก เล่าว่า ปัจจุบัน ที่บ้านประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป และปลูกพืชสวนครัวไว้รับประทานกันเอง เช่น มะเขือ ผักชี พริก ต้นหอม เป็นต้น โดยนำเมล็ดพันธุ์จากที่โรงเรียนมาปลูก ส่วนใหญ่ใช้เวลาหลังเลิกเรียนหรือวันหยุด ช่วยรดน้ำ ถอนหญ้า หรือบางทีก็ไปช่วยพ่อกับแม่เก็บผลผลิต แต่ถ้าช่วงไหนที่เก็บได้เยอะก็จะแบ่งไปขาย และแบ่งปันให้เพื่อนบ้านใกล้เคียง

ด้าน เด็กหญิงวัชราภรณ์ โจมเสนาะ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 กล่าวว่า อาศัยอยู่กับลุงและป้า โดยที่บ้านประกอบอาชีพกรีดยาง และขายของชำ ทั้งยังปลูกถั่วฝักยาว ผักกวางตุ้ง ฟักทอง ไว้กินในครัวเรือน เพราะมีพื้นที่ปลูกไม่มาก นำความรู้ที่ได้จากการทำกิจกรรมสวนเกษตรในโรงเรียนมาช่วยผู้ปกครองปลูก ทำให้รู้ว่า ผักแต่ละประเภทปลูกอย่างไร ดูแลอย่างไร ซึ่งหากมีปัญหาเรื่องเกษตรก็สามารถไปปรึกษาคุณครูที่ดูแลสวนเกษตรได้ รู้สึกสนุกและมีความสุขที่ได้ช่วยลุงกับป้าทำงาน

ส่วน คุณโชติชัย บัวดิษ ผู้จัดการธนาคารชุมชนบ้านมาบตอง ตำบลหนองละลอก อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง 1 ในพื้นที่ดำเนินการนำร่อง เล่าว่า ความสำคัญของการจัดตั้งโครงการธนาคารชุมชน คือ การมุ่งเน้นการส่งเสริมอาชีพและสร้างวินัยการออมให้กับชุมชน ด้วยการสนับสนุนเงินทุนธนาคาร จาก บริษัท สยามลวดเหล็กฯ ปัจจุบัน มีสมาชิก 112 คน วงเงินกู้รวมกว่า 500,000 บาท โดยมีการบริหารจัดการธนาคารตามระบบธนาคารจริง ซึ่งภาพรวมพื้นฐาน คนในชุมชนส่วนใหญ่จะเป็นคนต่างถิ่นและหลากหลายอาชีพ เช่น ทำการเกษตร ปลูกมัน ขายก๋วยเตี๋ยว ขายข้าวแกง ซื้อขายผลไม้ เป็นต้น

“เราต้องมีการตรวจสอบข้อมูลของผู้กู้แต่ละรายก่อนว่าประกอบอาชีพอะไร รวมถึงการติดตามผลว่า เมื่อรับเงินไปแล้ว นำไปใช้ตามวัตถุประสงค์หรือไม่ หรือประกอบอาชีพแล้วเป็นอย่างไรบ้าง เราก็จะให้คำปรึกษาในด้านต่างๆ ตลอดจนช่วยเหลือในการหาตลาดให้กับชุมชนด้วย นอกจากนี้ ยังมีเงื่อนไขว่า สมาชิกที่มาสมัครจะต้องซื้อหุ้นกู้ ตั้งแต่ 20 บาท แต่ไม่เกิน 2,000 บาท และจะได้รับเงินปันผลทุกสิ้นปี โดยมีข้อกำหนดว่า สมาชิกแต่ละคนจะต้องฝากสัจจะออมทรัพย์ ซึ่งต้องฝากทุกเดือน ไม่เกิน 500 บาท ดังนั้น ถ้าเรามีสมาชิกมากเราก็จะมีเงินหมุนเวียนในระบบธนาคารที่ดีขึ้น ที่สำคัญสมาชิกแต่ละรายก็จะมีเงินออมทุกเดือนไปโดยปริยาย ซึ่งจากการดำเนินโครงการ นอกจากจะช่วยกระตุ้นให้ชุมชนมีกำลังใจในการประกอบอาชีพมากขึ้นแล้ว ยังคาดว่าชุมชนจะมีรายได้เพิ่มขึ้น 30-40 เปอร์เซ็นต์ ต่อครัวเรือน”

สำหรับ คุณนงเยาว์ ปลดปลิด ชาวบ้านจากชุมชนบ้านมาบตอง กล่าวว่า เดิมทีเปิดร้านขายของกับหลาน มีรายได้ประมาณ 9,000 บาท ต่อเดือน และคิดอยากมีอาชีพและรายได้เป็นของตนเอง แต่ติดที่ไม่มีทุน ซึ่งหลังจากที่ บริษัท สยามลวดเหล็กฯ และมูลนิธิมีชัย วีระไวทยะ เข้ามาสนับสนุนและให้ความรู้ แนะแนวทางให้การประกอบอาชีพ ทำให้มีความหวังมากขึ้น จึงตัดสินใจกู้เงินจากธนาคารชุมชนมาส่วนหนึ่ง เพื่อมาทำร้านซักรีดเป็นของตัวเอง ถึงแม้ว่าตอนนี้ยังรับงานได้ไม่เต็มที่ เพราะมีเครื่องซักผ้าเพียงเครื่องเดียว แต่ก็ช่วยให้มีรายได้เพิ่มขึ้นจากการขายของอีก ราว 4,500 บาท ต่อเดือน รู้สึกดีใจที่มีโครงการดีๆ เข้ามาช่วยสนับสนุนตรงนี้ ทำให้เราและคนในชุมชนมีชีวิตและความเป็นอยู่ดีขึ้น และยังมีเงินออมเก็บไว้ใช้ในอนาคตอีกด้วย

นับเป็นการคืนกำไรสู่สังคมที่ดี เล็งเห็นแนวทางการพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยเริ่มจากโรงเรียน ซึ่งมีรากฐานที่สำคัญของประเทศ คือ เด็กนักเรียน และต่อเนื่องไปถึงชุมชนที่มุ่งมั่นสร้างความเข้มแข็งสู่ชุมชน ให้ได้รับการพัฒนาอย่างยั่งยืน

Leave a comment