‘นายกฯ’ไม่กังวล‘นักวิชาการ’ร้อง‘ยูเอ็น’

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/detail/20160506/227139.html

การเมือง : ข่าวทั่วไป
วันศุกร์ที่ 6 พฤษภาคม 2559
‘นายกฯ’ไม่กังวล‘นักวิชาการ’ร้อง‘ยูเอ็น’

‘วีรชน’ เผย ‘นายกฯ’ ไม่กังวลกลุ่มนักวิชาการร้อง ‘ยูเอ็น’ เชื่อไม่ระทบภาพลักษณ์ ย้ำจุดยืนรัฐบาลรักษาความสงบ ยันไม่มีซ้อม ทารุณกลุ่มเห็นต่าง ท้าโชว์หลักฐานพิสูจน์

        6 พ.ค.59 พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีเครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง ที่นำโดยนายอนุสรณ์ อุณโณ คณบดีคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เข้าพบตัวแทนสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งองค์การสหประชาชาติ(ยูเอ็นโอเอชซีเอชอาร์) เพื่อยื่นหนังสือขอให้ตรวจสอบรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ในการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อผู้ที่คิดเห็นต่าง ว่า เรื่องดังกล่าวพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีรับทราบเรื่องแล้ว และเราก็ทราบข้อมูลดีว่าอะไรเป็นความจริง อะไรเป็นประเด็นเท็จ อย่างเช่น ประเด็นที่มีการระบุว่า มีการจับกุมและซ้อม ทรมานประชาชนต่างขั้วการเมือง ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นข้อความที่เขียนโดยนักวิชาการ ตนอ่านแล้วรู้สึกว่าเหลือเชื่อมากที่ออกมาจากนักวิชาการ ต้องบอกว่าที่ผ่านมาเราชัดเจน การเชิญกลุ่มเห็นต่างพุดคุยเป็นการยับยั้งไม่ให้เกิดการสร้างบรรยากาศที่ไม่ปรองดองในช่วงการทำประชามติ
        “การพูดว่ารัฐบาลละเมิดสิทธิอย่างรุนแรง เป็นการจินตนาการมากกว่าข้อเท็จจริง แต่ผมไม่ได้ว่านักวิชาการเหมารวมทั้งหมด แต่เป็นนักวิชาการกลุ่มหนึ่งเท่านั้น” พล.ต.วีรชน กล่าว
        ส่วนการกระทำดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของรัฐบาลในส่ายตาต่างชาติหรือไม่นั้น พล.ต.วีรชน กล่าวว่า คนที่ออกมาพูดเขาพูดเอง เรื่องนี้กระทรวงต่างประเทศและรัฐบาลมีคำอธิบายที่ชัดเจนถึงข้อกล่าวหาที่ไม่เป็นความจริง เรื่องนี้เราคงต้องมีการตรวจสอบข้อกล่าวอ้างดังกล่าว ถึงวัตถุประสงค์ของคนที่พูด ยืนยันรัฐบาลไม่ห่วงอยู่แล้ว และไม่กังวล เพราะสิ่งที่พูดไม่เป็นความจริง ฉะนั้นจะไม่กระทบอะไร
‘สรรเสริญ’ ย้ำจุดยืนรัฐบาลรักษาความสงบ ยันไร้ทารุณกลุ่มเห็นต่าง แนะนักวิชาการพิสูจน์ด้วยหลักฐาน หยุดกล่าวเลื่อนลอย
        6 พ.ค. พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมืองยื่นเรื่องต่อ สนง.ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เพื่อให้ตรวจสอบและยุติการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อผู้ที่เห็นต่างจากรัฐบาล และ คสช. ว่า เป้าหมายของรัฐบาลและ คสช.คือ การรักษาความสงบเรียบร้อยในช่วงเปลี่ยนผ่านประเทศ โดยยืนยันว่า นับตั้งแต่เข้ามาบริหารบ้านเมือง ไม่เคยมีเหตุการณ์จับกุม ซ้อม ทรมานประชาชนหรือกลุ่มผู้เห็นต่าง ตามที่เครือข่ายอาจารย์นำมากล่าวอ้าง
        “ผู้กระทำผิดกฎหมายทุกคน จะถูกควบคุมตัวและปฏิบัติตามระเบียบกฎหมาย แม้แต่คนที่กระทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก็ไม่เคยถูกกระทำรุนแรงใด ๆ ทั้งสิ้น อยากให้เครือข่ายอาจารย์พิสูจน์ให้เห็นด้วยหลักฐาน ไม่ควรเชื่อข้อมูลจากการฟังตามกันมา หรืออ่านเพียงข้อมูลจากโซเชียลมีเดีย โดยขาดการตรวจทาน ผิดวิสัยนักวิชาการหรือปัญญาชนที่มีคุณภาพ”
        พล.ต.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า การเรียกร้องให้ ยูเอ็นเข้ามาก้าวก่ายกิจการภายในประเทศไทยของเครือข่ายอาจารย์นั้น เปรียบเหมือนการชักศึกเข้าบ้าน โดยนำประเด็นต่างกรรมต่างวาระมาผสมปนเปกัน เช่น การนำคำสั่ง คสช.ที่ 13/2559 มาเขียนรวมกับ พ.ร.บ.การลงประชามติ ว่า เป็นการใช้กฎหมายควบคุมผู้เห็นต่าง ซึ่งเป็นคนละเรื่องกัน
        คำสั่ง 13/2559 เป็นกฎหมายเพื่อกวาดล้างมาเฟีย เพื่อปกป้องสุจริตชน ขณะที่ พ.ร.บ.ประชามติ มีขึ้นเพื่อป้องกันการชี้นำ การบิดเบือนเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ประชาชนได้ตัดสินใจบนพื้นฐานข้อเท็จจริง มิใช่ข้อมูลที่แต่งแต้มสีสัน การออกมาเรียกร้อง ด้วยข้อมูลที่ปราศจากความจริง และอ้างอิงอย่างมีนัยยะ ผูกรวมเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกัน และละเลยการอธิบายที่มาที่ไป เพื่อให้เกิดความเข้าใจผิด ถือเป็นพฤติกรรมที่น่าละอาย
        “รัฐบาลและ คสช. ไม่กังวลในการทำความเข้าใจกับองค์กรระหว่างประเทศ เนื่องจากนายก ฯและ กระทรวงการต่างประเทศ(กต.)ได้สื่อสารอธิบายความก้าวหน้าของแนวทางการปฏิรูปประเทศมาโดยตลอด และหากองค์กรใดต้องการข้อมูลเกี่ยวกับประเทศไทย เชื่อว่าสามารถติดต่อได้ทุกหน่วยงาน โดยเฉพาะ กต. ซึ่งมีความเหมาะสมมากกว่า การรับฟังข้อมูลจากกลุ่มคนหรือหน่วยงานอื่นที่อาจมีข้อมูลไม่ถูกต้องหรือบิดเบือน” พล.ต.สรรเสริญ กล่าว
‘นายกฯ’ ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ดับไฟป่าพรุโต๊ะแดง ชี้เป็นบทเรียน
        6 พ.ค. พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ติดตามสถานการณ์ไฟไหม้ป่าพรุโต๊ะแดง จ.นราธิวาส อย่างใกล้ชิด และฝากให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ร่วมปฏิบัติการดับไฟให้ทุกคนปลอดภัย และ ผนึกกำลังร่วมใจกันเพื่อคลี่คลายปัญหาให้สำเร็จลงได้โดยเร็ว โดยนายกฯ ขอให้ประชาชนทั่วประเทศนำเหตุการณ์ไฟไหม้ป่าครั้งนี้เป็นบทเรียนสำคัญ โดยจะต้องไม่จุดหรือก่อกองไฟในพื้นที่ป่า ทั้งที่เกิดจากความตั้งใจ เช่น เข้าป่าเพื่อล่าสัตว์หรือหาของป่า หรือจากความประมาทสะเพร่า สูบบุหรี่และจุดไฟเล่น เพราะเพียงสะเก็ดไฟเล็ก ๆ อาจเป็นชนวนให้เกิดไฟไหม้ สร้างความเสียหายอย่างกว้างขวางได้
        พล.ต.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า รัฐบาลได้รับรายงานว่า ขณะนี้ไฟไหม้ป่าครอบคลุมพื้นที่ 300 ไร่ โดยมีจุดเริ่มต้นอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนพรุเสม็ด อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ห่างจากป่าพรุโต๊ะแดง 2 กม.ตั้งแต่วันที่ 2 พ.ค. และเกิดเพิ่มอีกในพื้นที่ อ.สุไหงโกลก ซึ่งขณะนี้ ผวจ.นราธิวาส ร่วมกับกองทัพภาคที่ 4 ได้เร่งระดมสรรพกำลังควบคุมและดับไฟทุกจุดอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งติดตามตรวจสอบสภาพความชื้นในอากาศ หากมีความเหมาะสมจะปฏิบัติการทำฝนเทียมทันที
        “นายกฯ ยังเป็นห่วงเรื่องสุขภาพอนามัยของประชาชนที่อาศัยอยู่ใน อ.สุไหงปาดี และ อ.สุไหงโกลก และบริเวณใกล้เคียงเป็นพิเศษ เนื่องจากเริ่มได้รับผลกระทบจากควันไฟป่าแล้ว จึงได้กำชับให้ จนท.สาธารณสุขลงพื้นที่ให้คำแนะนำและช่วยเหลือประชาชน เช่น ขอความร่วมมือ ไม่ให้ออกนอกบ้านหากไม่จำเป็น หรือแจกจ่ายหน้ากากอนามัย และยารักษาโรคอย่างเพียงพอ เป็นต้น” พลตรีสรรเสริญ กล่าว

Leave a comment