‘วิษณุ’ชี้ปรองดองไม่จำเป็นจบที่‘นิรโทษฯ’

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/detail/20160514/227641.html

การเมือง : ข่าวทั่วไป
วันเสาร์ที่ 14 พฤษภาคม 2559
‘วิษณุ’ชี้ปรองดองไม่จำเป็นจบที่‘นิรโทษฯ’

‘วิษณุ’ ย้ำ ‘ปรองดอง’ ไม่จำเป็นต้องจบที่ ‘นิรโทษกรรม’ เปรียบเวลาหิว ไม่จำเป็นต้องกินข้าว กินแซนด์วิซก็ได้ แจงแนวทางมีหลายวิธี ย้ำรัฐบาลรับฟังข้อเสนอจากทุกฝ่าย

        14 พ.ค.59 นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงแนวทางการสร้างความปรองดองของรัฐบาล ภายหลังอดีตคณะกรรมการศึกษาแนวทางสร้างความปรองดอง สภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) ที่มีนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ เป็นประธาน เตรียมเสนอแนวทางปรองดองว่า สำหรับการสร้างความปรองดองรัฐบาลมีแนวทางของตัวเองอยู่แล้ว โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) พูดถึงแนวทางดังกล่าวมานาน แต่อาจยังไม่ลงรายละเอียดในวิธีการ ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ พูดมาโดยตลาดว่า รัฐบาลสนับสนุนให้ผู้กระทำความผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามปกติ จากนั้นจึงค่อยว่ากันต่อ ว่าจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งวิธีการนี้มีความเป็นธรรม ไม่เหลื่อมล้ำ นอกจากนี้รัฐบาลไม่ได้ปิดกั้นหากหลายฝ่ายจะเสนอแนวทางการสร้างความปรองดองเข้ามา และ พล.อ.ประยุทธ์ ก็หวังว่าสภาปฏิรูปประเทศ(สปท.) จะคิดวิธีการที่ดีเพื่อเสนอมายังรัฐบาล
        นายวิษณุ กล่าวว่า กรณีนายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.) ปฏิรูปด้านการเมืองสปท.เสนอทางปรองดองโดยมีแนวคิดออกกฏหมายรอการลงโทษนั้น ไม่ผิด ถือเป็นการสนองนโยบายรัฐบาล แต่อาจจะมีความไม่เหมาะสมตรงที่ยังไม่ตกผลึกแล้วออกมาพูด จึงถูกวิจารณ์ จากนั้นก็ขยับต่อไปยากลำบาก แม้จะไม่ได้ตั้งใจทำอย่างที่พูดทั้งหมด แต่ก็เสียไปหมดทั้งรูปแล้ว แนวของนายเสรี ที่บอกว่าถ้าให้ผู้มีคดีการเมืองรับสารภาพผิด ตรงนี้ถ้าอีกฝ่ายเห็นว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด เขาก็ต้องปฏิเสธการไปศาลเพื่อสารภาพ ถามว่าเสื้อแดงเขาต้องการการปรองดองหรือไม่ เขาก็ต้องการ แต่ถ้าบอกว่าให้เขามาสารภาพแล้วรอการลงโทษ เขาก็จะบอกว่าแล้วมันเรื่องอะไร เพราะเขายืนยันตลอดว่าไม่ผิด
        ผู้สื่อข่าวถามว่า การปรองดองต้องออกกฎหมายนิรโทษกรรมหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า รัฐบาลย้ำเสมอว่าการปรองดองเป็นสิ่งที่ต้องทำ ซึ่งรัฐบาลต้องทำ 3 อย่าง 1.บริหารราชการแผ่นดิน 2.ปฏิรูปประเทศ 3.ปรองดอง แต่การปรองดองไม่จำเป็นที่จบด้วยการนิรโทษกรรม หรืออภัยโทษ การปรองดองมีหลายวิธีและจำเป็นต้องใช้หลายวิธีการรวมกัน ซึ่งการสร้างความเข้าใจต่อประชาชน การให้อภัย หรือการเสนอกฎหมายต่าง ๆ เป็นส่วนหนึ่งเท่านั้น
        “คำว่าปรองดองลองคิดว่าถ้าคนเรามันไม่มีคดี ก็ไม่มีอะไรที่จะต้องไปนิรโทษกรรม ลองคิดถึงคนที่ไม่มีคดีแล้วจะไปปรองดองด้วยยังไง ดังนั้น จะเอาเรื่องนิรโทษ อภัยโทษมาบวกกับปรองดองไม่ได้ การปรองดองกับนิรโทษกรรมอาจต้องคู่กันแต่ไม่จำเป็นต้องคู่กัน เหมือนคนเราเวลาหิวก็ต้องกิน แต่ไม่จำเป็นต้องกินข้าว เพราะสามารถกินแซนด์วิช ขนมจีน ก๋วยเตี๋ยว กินน้ำได้” นายวิษณุ กล่าว
‘วิษณุ’ ย้อนถาม รบ.มาจากการยึดอำนาจ แต่เข้ามาแล้วทำนอกกฎหมายหรือไม่
        14 พ.ค.59 นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายเกลน ที เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ได้หารือกับนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประทศ โดยระบุว่าสหรัฐฯกังวลกับการจำกัดเสรีภาพขั้นพื้นฐาน การจำกัดสิทธิการแสดงความคิดเห็น การชุมนุม และการนำพลเรือนขึ้นศาลทหาร พร้อมเรียกร้องให้ไทย ยอมให้มีการแสดงออกในเรื่องการเมือง อย่างเปิดเผย ว่า ตนไม่ได้ฟังแต่ได้อ่าน ได้อ่านแล้วไม่รู้ว่าถูกหรือผิด ไม่มีความเห็น ถ้าจะมีความเห็น คือ สิ่งที่นายดอน ได้ชี้แจงไปนั้น คือท่าทีของรัฐบาล
        เมื่อถามว่า มองว่าที่ผ่านมาการบังคับใช้กฎหมายของไทย ถือว่าค่อนข้างหนักอย่างที่มีการท้วงติงมาหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ถ้าจะอธิบายเรื่องนี้ต้องตั้งต้นกันก่อน ว่าสิ่งที่เราไม่ปฏิเสธและปฏิเสธไม่ได้ คือ มีการยึดอำนาจ ถ้าจะผิดหรือถูกก็ต้องไปตั้งต้นตั้งแต่วันที่มีการยึดอำนาจ พอยึดอำนาจแล้วผู้ที่ยึดอำนาจก็ต้องพยายามทำอะไรก็ตาม ให้สมกับเหตุผลว่าเหตุใด จึงต้องเข้ายึดอำนาจเข้ามาคลี่คลายอะไร ลบล้างอะไร แก้ปัญหาอะไร และต้องดำเนินการต่อไป ซึ่งจนถึงวันนี้การดำเนินการยังไม่เสร็จสิ้น แม้ว่าความเป็นรัฏฐาธิปัตย์หรือหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)จะหมดไป และจะลดอำนาจลงแล้ว เมื่อมีรัฐบาลใหม่เกิดขึ้นมา แต่ภายใต้กฎหมายที่มีอยู่คือคำสั่งคสช. ก็ได้ปฏิบัติไปตามนั้น ไม่ได้ทำอะไรที่นอกกฎหมาย สิ่งที่พยายามจะพูดคือบ้านเมืองไทยไม่ได้อยู่ในภาวะปกติ จะเอามาตรฐานของประชาธิปไตย และสิทธิมนุษยชนปกติขึ้นมาเรียกร้องกับรัฐบาล รัฐบาลก็ไม่มีสิทธิไปเถียง เพราะยึดอำนาจมา ทุกอย่างจะให้เหมือน 5 ถึง 10 ปีที่มีสภาฯ ได้อย่างไร จึงต้องมีอะไรที่หนักนิดเบาหน่อย แต่สิ่งที่เราพยายามทำ คือ มีกฎหมายอยู่หรือไม่ แล้วทำนอกกฎหมายหรือไม่ แล้วสิ่งที่ทำผิดปกติไปจากประเทศที่มีประชาธิปไตยมากน้อยแค่ไหน และเป็นไปอย่างสมเหตุสมผลตามความจำเป็นหรือไม่ ถ้าตั้งหลักได้อย่างที่บอกมานี้ ทุกสิ่งก็จะบอกในตัวเองว่าถูกหรือผิดอย่างไร
        เมื่อถามว่า ท่าทีของต่างชาติที่มีต่อไทยถือว่าเป็นท่าทีที่ปกติหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ถือว่าปกติ ส่วนกรณีที่เราต้องชี้แจงสมาชิกองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 11 พ.ค.ที่ผ่านมา ก็เป็นการชี้แจงตามวงรอบ 4 ปีครั้ง จึงมีคำถามที่เยอะ เพราะ 4 ปีที่ผ่านมานั้น เราอยู่มาแล้ว 2 ปี มีรัฐบาลอื่นมาแล้ว 2 ปี จึงมีอะไรที่หนักหน่อย ซึ่งมีการยึดอำนาจมา จะใช้มาตรฐานประชาธิปไตยมาวัดไม่ได้ แต่เราจะไปเถียงว่าเป็นประชาธิปไตยแล้วก็ไม่ได้ เพราะไม่เป็น วงรอบต่อไปที่ต้องชี้แจงคือในปี 2563 ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้นแล้วเราจะเป็นอย่างที่เป็นเหมือนทุกวันนี้ไม่ได้ ก็จะต้องอธิบายไปอีกแบบ ถ้าจะแก้ตัวอย่างไรก็ต้องไปแก้กันอีกแบบ แต่วันนี้เมื่อยึดอำนาจมาก็ต้องทำแบบนี้ ถ้าจะผิดก็ต้องกลับไปบอกผิดตั้งแต่วันที่ 22พ.ค.57 หรือผิดตั้งแต่ก่อน 22 พ.ค.ว่าทำไมต้องเข้ามายึดอำนาจ
‘วิษณุ’ เตือนผู้เกี่ยวข้องลงพื้นที่แจงเนื้อหา ‘ร่างรธน.’ ถ้าชี้นำมีความผิด 
        14 พ.ค.59 นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระบวนการเผยแพร่ร่างรัฐธรรมนูญที่หน่วยงานต่างๆ ทั้งสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)จะลงพื้นที่ชี้แจงเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญ จะทำให้ประชาชนได้เนื้อหาครบถ้วนหรือไม่ ว่า ตนไม่ทราบว่าจะไปชี้แจงกันที่ไหนอย่างไร ไม่ทราบว่าจะพูดเรื่องอะไรกันบ้าง ในส่วนของรัฐบาล โดยกระทรวงมหาดไทยก็ช่วยอยู่แล้วในขณะนี้ เนื่องจากได้มีการขอความร่วมมือมากที่สุด ที่จะลงไปได้ถึงระดับอำเภอ ตำบล และหมู่บ้าน โดยคนที่ลงไปชี้แจงเพื่อสื่อให้เห็นว่ารัฐธรรมนูญเขียนไว้ว่าอย่างไร มากกว่าที่จะไปชักชวนอะไรและหากคนที่ไปชี้แจง ไปชี้นำก็จะมีความผิดด้วย ฉะนั้นทุกคนก็จะต้องระวัง บางทีอาจจะมีปัญหาหรือไม่มีก็ได้ ตอนนี้ยังนึกไม่ออกเพราะไม่เหมือนกับการเลือกตั้งที่เมื่อทำผิดแล้วสามารถมีการเพิกถอนการเลือกตั้ง เพราะรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบเขียนเอาไว้ แต่การลงประชามติไม่มี และตอบไม่ถูก เพราะถ้ามีกรณีการฟ้องร้องเกิดขึ้นต้องไปใช้ศาลใด ซึ่งตนคงไม่ไปชี้ช่องให้อย่างนั้น
        เมื่อถามว่า นับระยะเวลาจากนี้จะถึงการทำประชามติ เหลืออีก 2 เดือนถือว่าเพียงพอต่อการชี้แจงหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ก็อาจจะช้าไป เพราะก่อนหน้านี้มัวแต่เตรียมเอกสาร เตรียมการพูดทำให้เสียเวลาไปบ้าง แต่เชื่อว่าถ้าจะทำจริงก็น่าจะทัน เพราะเป็นเรื่องการชี้แจงที่ไม่จำเป็นต้องอาศัยระยะเวลา เมื่อชี้แจงแล้วเข้าใจก็รู้แล้วว่าจะเอาหรือไม่เอา

Leave a comment