ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
http://www.komchadluek.net/detail/20160509/227272.html
ว่าด้วยการลงพื้นที่ของ‘บิ๊กตู่’และแนวร่วม : ขยายปมร้อน โดยอนพัทย์ ดีช่วย สำนักข่าวเนชั่น
ไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนไหน จะเข้ามานั่งเก้าอี้ด้วยรูปแบบ สถานการณ์ใด เมื่อเข้ามาบริหารประเทศ ภารกิจที่สำคัญที่ต้องทำโดยไม่ต้องเขียนไว้ไปเป็นบทข้อบังคับใดๆ คือการลงพื้นที่ไปเยี่ยมพบปะหน้ากับประชาชน เพื่อเป็นการตรวจการบ้านที่สั่งการไปด้วยตาตังเอง เพื่อการรับฟังปัญหาในพื้นที่ หรือแม้แต่ลงไปช่วยเหลือให้กำลังใจยามเกิดภัยพิบัติ
ผู้นำประเทศแต่ละคนล้วนมีสไตล์การลงพื้นที่แตกต่างกันไป และสมัยรัฐบาล “บิ๊กตู่” เองการลงพื้นที่นั้นส่วนใหญ่จะเป็นในลักษณะ “วันเดย์ทริป” ไม่มีค้างคืน อาจเนื่องด้วยการรักษาความปลอดภัยที่ไม่ต้องการให้กระทบกับความเป็นอยู่ประชาชน หรือภารกิจที่รัดตัวก็ตามแต่ โดยในช่วงเกือบ 2 ขวบ ที่เข้ามาบริหารประเทศ “นายกฯ ตู่” ลุกจากโต๊ะทำงานทำเนียบรัฐบาล นำคณะสู่ต่างจังหวัดมาแล้วหลายครั้งเหนือจรดใต้ เรียกได้ว่าไปมาครอบคลุมทุกภาคแล้ว
ล่าสุด เมื่อปลายเดือนเมษายนอันร้อนระอุ “พล.อ.ประยุทธ์” ได้บินวันเดย์ทริปลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ แม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ลงเยี่ยมจังหวัดใหญ่ทางภาคเหนือที่ถือว่ามีความเข้มข้นทางการเมืองระดับท็อป แต่ก็เป็นการจับตาในช่วงที่สถานการณ์ทางการเมืองกำลังเดินหน้าสู่จุดสำคัญว่าเป็นเรื่องของเชิงสัญลักษณ์หรือไม่อย่างไร อีกทั้งก่อนหน้านี้ก็มีการจับยึด “ขันแดง” ซึ่งแจกกันเป็นที่ระลึกจากอดีตนายกรัฐมนตรีในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือ จนเป็นคดีที่มองกันว่าดูพิลึกแบบนี้ก็มีด้วยมาแล้ว
อย่างไรก็ดีการลงพื้นที่ครั้งที่ผ่านมาเป็นไปอย่างราบเรียบโดยที่นายกฯ ได้ใช้เวลาทั้งหมดอยู่ที่ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ ในการประชุมคณะกรรมการประสานงานและสนับสนุนงานโครงการหลวง (กปส.) โดยในช่วงบ่ายสักขีพยานในการมอบหนังสืออนุญาตให้อยู่อาศัยหรือทำประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ชมนิทรรศกาลการแก้ปัญหาหมอกควัน และได้มีการขึ้นเวทีกล่าวและพบปะประชาชนเป็นเวลากว่าหนึ่งชั่วโมงด้วย
แต่ดูเหมือน “เชียงใหม่วันเดย์ทริป” เมื่อเดือนเมษายน ที่ผ่านมา ยังไม่ถูกใจ “บิ๊กตู่” โดยการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อครั้งล่าสุดนี้ ได้มีการสั่งให้ “บิ๊กอ้อ” พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี สหายเตรียมทหารร่วมรุ่น จัดโปรแกรมใหม่อีกหน เพราะ นายกฯ มองว่าครั้งก่อนยังไม่สามารถติดตามโครงการของรัฐบาลได้ทั่วถึง และไม่ได้พบปะประชนถึงที่อย่างแท้จริง ซึ่งจังหวัดที่ลงพื้นที่ก่อนๆ นั้น จะมีการลงพื้นที่ไปตรวจการบ้าน ถึงพื้นที่ชุนชนหมู่บ้านบ้าง
ทั้งนี้ทริปแอ่วเชียงใหม่รอบหน้า “พล.อ.ประยุทธ์” จะขอไปอย่างเงียบๆ เรียบง่าย ไม่ต้องมีการขึ้นป้ายตั้งแถวรอรับ เสียเวลามาเตรียมการจนกระทบงานที่รับผิดชอบ ซึ่งนายกฯ เองเคยบอกไว้ตั้งแต่รับตำแหน่งใหม่ๆ แล้วว่าไม่ค่อยพิสมัยกับความเอิกเกริกยามออกย่ำภูธร
นอกจากนี้สัปดาห์ที่ผ่านมายังมีเรื่องของการลงพื้นที่ของอีกฝ่ายฟากสายแม่น้ำ คือการออกจากเมืองกรุงสู่ภูธรของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ซึ่ง “มีชัย ฤชุพันธุ์” ได้บอกไว้ว่าไม่ขอเสี่ยงลงพื้นที่อ่อนไหวทางการเมือง ให้เป็นหน้าที่ของอาสาสมัครพื้นที่ ขอไปแบบเซฟๆ ทั้งที่ คสช.เองประกาศพร้อมใช้ยาแรงแล้ว ก็ยังไม่อาจอุ่นใจ
ขณะที่อีกซีกฝ่ายสายน้ำคือ สนช. ก็มีแผนการลงพื้นที่ต่างจังหวัดชี้แจงคำถามพ่วงประชามติ ให้ทั่วถึงครอบคลุมทั่วประเทศเช่นกันกับจุดที่ช่วงเวลาของการเมืองเดินเข้าช่วงสำคัญ การลงพื้นที่ของผู้กุมอำนาจในทุกภาคส่วนย่อมควรค่าแก่การติดตาม จับตาประเมินผล
เสียงตอบรับที่ได้มาย่อมบอกอะไรได้ถึงเส้นทางที่เหลือ
