‘เรือนรับรองทำเนียบ’หลังใหม่‘บิ๊กตู่’เสริมภูมิทัศน์รอบ20ปี

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/detail/20160517/227781.html

การเมือง : ข่าวทั่วไป
วันอังคารที่ 17 พฤษภาคม 2559
‘เรือนรับรองทำเนียบ’หลังใหม่‘บิ๊กตู่’เสริมภูมิทัศน์รอบ20ปี

‘เรือนรับรองทำเนียบ’หลังใหม่‘บิ๊กตู่’เล่นใหญ่-เสริมภูมิทัศน์รอบ20ปี : อนพัทย์ ดีช่วย สำนักข่าวเนชั่น

          “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรี ถือฤกษ์ดีเช้าตรู่ 06.30 น. วันที่ 16 พฤษภาคม ยกเสาเอก “อาคารเรือนรับรองแห่งใหม่” ตั้งอยู่บริเวณหลังตึกไทยคู่ฟ้า ภายในทำเนียบรัฐบาล โดยนายกฯ ได้นำคณะรัฐมนตรีแต่งกายด้วยชุดผ้าไทยสีเหลือง ร่วมทำพิธีเริ่มต้นปลูกสร้างอาคารใหม่ของ “บ้านนรสิงห์” ชื่อเดิมของทำเนียบรัฐบาล ศูนย์กลางอำนาจรัฐ บนถนนพิษณุโลกแห่งนี้

แนวคิดการสร้างอาคารรับรองมาจากการที่ “2 บิ๊ก” เพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหารจากตึกไทยคู่ฟ้า คือ “บิ๊กตู่” และ “บิ๊กอ้อ” พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่มีการตั้งฉายากันว่า “นายกฯ น้อย” โดยแนวคิดนี้มีมาร่วมปี หรือจะว่าไปก็ตั้งแต่การเริ่มปรับภูมิทัศน์ทำเนียบรัฐบาล ตั้งแต่สมัยที่เข้ามาบริหารประเทศเมื่อปี 2557 โดยได้บูรณะ ซ่อมแซม รีโนเวท หลายอาคารสำคัญของทำเนียบรัฐบาล รวมถึงปรับปรุงห้องสื่อมวลชนหรือรังนกกระจอกด้วย

อาคารเรือนรับรองหลังตึกไทยคู่ฟ้าจะใช้พื้นที่บริเวณหลังตึกไทยคู่ฟ้า จากเดิมที่เป็นสนามหญ้าโล่งๆ เขียวขจี โดยเป็นการทำงานร่วมกันของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กรมยุทธโยธาทหารบก และกรมศิลปากร ในสัญญาจ้างเลขที่ 97/2559 เมื่อวันที่ 28 มีนาคม วงเงิน 137 ล้านบาท เริ่มสัญญาจ้าง 29 มีนาคม 2559 และสิ้นสุดสัญญา 21 กุมภาพันธ์ 2560 ดำเนินการก่อสร้างโดย กิจการร่วมค้า วิทย์การช่าง-ไซเลนเทค ควบคุมงานโดยกรมยุทธโยธาทหารบก

ทั้งนี้ “บิ๊กตู่” มีแนวคิดให้เป็นสถานที่รับรองอาคันตุกะจากต่างแดน ซึ่งทุกครั้งจะใช้ตึกสันติไมตรี หรือห้องรับรองที่ตึกไทยคู่ฟ้า ในการต้อนรับและจัดเลี้ยง แต่บางครั้งที่เป็นคณะเล็กทำให้การใช้ตึกสันติไมตรีดูจะไม่ลงตัวและอบอุ่นนัก อาคารนี้จึงเป็นเรือนที่รองรับแขกต่างประเทศ และใช้ประชุมอเนกประสงค์ได้ตามแนวคิดของผู้นำประเทศ

ส่วนแบบการก่อสร้างอาคาร ที่กรมยุทธโยธาทหารบกมอบให้ พล.อ.ประยุทธ์พิจารณานั้น เดิมทีได้จัดมาให้ 3 แบบ คือ 1.สไตล์ที่แบบเข้ากับตึกไทยคู่ฟ้า 2.แบบที่เข้ากับตึกสันติไมตรี และ 3.แบบที่เข้ากับตึกนารีสโมสร โดย “บิ๊กตู่” พิสมัยถูกใจเลือกแบบที่ให้เข้ากับตึกไทยคู่ฟ้า และหลังจากเลือกแบบ ผ่านกระบวนการตกผลึกจากกรมศิลปากรเสร็จสิ้น ก็พร้อมลงหลักปักเสาเอก เริ่มก่อสร้างอาคารแห่งใหม่ประจำทำเนียบรัฐบาล

อย่างไรก็ดี น่าสนใจว่า ไม่เคยมีการก่อสร้างอาคารในทำเนียบรัฐบาลมากว่า 20 ปี ครั้งสุดท้ายที่มีการสร้างตึกที่ทำเนียบรัฐบาลคือสมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย ที่มีการสร้างตึกสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) และตึกสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ซึ่งแต่ละรัฐบาลที่เข้ามานั่งบริหารประเทศที่บ้านนรสิงห์แห่งนี้ จะมีสไตล์การปรับภูมิทัศน์ทำเนียบรัฐบาลที่แตกต่างกันไป เช่น การปลูกต้นไม้ดอกไม้ การย้ายที่ตั้งของศาลพระภูมิ ตามสิ่งที่ผู้นำประเทศแต่ละบุคคลเชื่อถือ เพื่อเป็นฤกษ์ชัยอย่างหนึ่งในการปฏิบัติหน้าที่

แต่ครั้งนี้ “บิ๊กตู่” มาแบบ “เล่นใหญ่” ด้วยการสร้างอาคารแห่งใหม่ขึ้นมา หลังดำเนินการปรับภูมิทัศน์จนเสร็จสิ้นตั้งแต่ขวบปีแรกที่นั่งเก้าอี้นายกฯแล้ว

ด้านรายละเอียดของอาคารแห่งนี้ คือเป็นอาคาร 2 ชั้น สูง 16.61 กว้าง 24.50 เมตร ยาว 54.25 เมตร แบ่งพื้นที่ใช้สอย 1,385 ตารางเมตร ชั้นล่างมีพื้นที่ 1,181 ตารางเมตร จะมีห้องประชุมรองรับได้ 150 คน ห้องรับรอง 2 ห้อง ห้องครัว ห้องแต่งตัว ห้องน้ำชาย-หญิง ส่วนชั้นบนมีพื้นที่ 204 ตารางเมตร จะเป็นส่วนของห้องควบคุมและห้องเก็บของ สำหรับโสตทัศนูปกรณ์ ในอาคารก็จะมีจอทีวีแอลอีดี ทีวีมอนิเตอร์ ชุดไมโครโฟน เรียกได้ว่าทุกอย่างครบครัน สามารถใช้ได้ทั้งรับรองแขก การประชุมหารือ ทั้งในรูปแบบทางการหรือแบบนั่งทอล์กสบายๆ คู่กับมื้ออาหารด้วยก็ได้ ตามแต่จะสะดวก

อาคารเรือนรับรองหลังนี้ “บิ๊กตู่” หมายมั่นให้เป็นหน้าเป็นตาของประเทศ โดยจะสร้างสะพานเชื่อมจากตึกไทยคู่ฟ้าในลักษณะที่เป็น “สะพานแก้ว” เป็นกระจกโปร่งใสให้เห็นวิวสายน้ำของคลองหลังตึกไทยคู่ฟ้า ซึ่งเมื่อเสร็จสิ้นพิธีการต้อนรับเข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรีบนตึกไทยคู่ฟ้าแล้ว สามารถเดินลงสู่ทางเชื่อมไปยังอาคารเรือนรับรองใหม่ เมื่อมองด้านซ้ายเห็นตึกนารีสโมสร ที่เป็นอาคารเก่าแก่ใช้เป็นสถานที่แถลงข่าว หันมองด้านขวา ก็จะเห็นตึกสันติไมตรี ที่เป็นอาคารหลังใหญ่ที่ใช้ทั้งการประชุมและจัดกิจกรรมสำคัญของรัฐบาล ขณะที่โดยรอบก็จะเป็นสายน้ำใสไหลเย็น โดยจะมีการขุดลอกใหม่ให้สวยงามเข้ากัน

ในพิธีลงเสาเอกมี พระพรหมมังคลาจารย์ (ธงชัย ธมฺมธโช) หรือเจ้าคุณธงชัย ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร หนึ่งในเกจิอาจารย์ที่ “บิ๊กตู่” และบิ๊กทหารรุ่นพี่ ให้ความเคารพ เลื่อมใสศรัทธา เข้าร่วมพิธีทางสงฆ์ด้วย ภายหลังเสร็จสิ้นพิธี นายกฯ และครม.ได้เข้าพูดคุยด้วย โดยเจ้าคุณธงชัยมอบถุงใส่วัตถุมงคลสีทองให้ด้วย

เมื่อแง้มดูวัตถุมงคลของขลังภายในถุงสีทองที่ พล.อ.ประยุทธ์ได้รับนั้น ประกอบด้วย “ผ้ายันต์เลสเตอร์” สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทีม “เลสเตอร์ ซิตี้” ที่เขย่าวงการลูกหนังโลก ด้วยการผงาดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ โดยความหมายก็เพื่อเป็นสัญลักษณ์ให้ได้รับ “ชัยชนะ” นอกจากนี้มีเหรียญพระศิวะนาฏราช เพื่อเพิ่ม “บารมีอำนาจ” เหรียญแปดเหลี่ยม ด้านหน้าเป็นพระพุทธรูปหลวงพ่อทองคำ ด้านหลังเป็นลิงขี่ม้า เพื่อ “คุ้มกันอันตราย” เรียกว่าเสริมทัพกันทุกด้าน

ส่วนชื่อเป็นทางการของอาคารรับรองหลังนี้ แต่เดิมเลขาธิการนายกรัฐมนตรีจะให้ประชาชนร่วมส่งชื่อเข้าประกวดคัดเลือก แต่ “บิ๊กตู่” เห็นว่าควรจะให้กรมศิลปากรเป็นฝ่ายตั้งชื่อให้เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จมากกว่า

ดังนั้น นอกจากยุทธศาสตร์หรือแผนปฏิรูปประเทศ ที่ได้ขีดเขียนไว้ให้รัฐบาลอนาคตเดินตามแล้ว อาคารเรือนรับรองหลังตึกไทยคู่ฟ้าแห่งใหม่ของทำเนียบรัฐบาล จึงเหมือนเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ที่ “ครม.บิ๊กตู่” เตรียมส่งมอบไว้ให้รัฐบาลหน้าใช้งานด้วย

Leave a comment