ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
http://www.komchadluek.net/detail/20160506/227122.html
เส้นทางพิรุธ‘อุโมงค์ไฟ39ล้าน’ ระเบิดเวลา‘เก้าอี้ผู้ว่าฯสุขุมพันธุ์’ : สำนักข่าวเนชั่น
พลันที่ “พิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส” ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ออกมาแถลงสรุปผลสอบโครงการติดไฟประดับอุโมงค์ไฟแอลอีดี จำนวน 5 ล้านดวง งบประมาณ 39.5 ล้านบาท ของสำนักวัฒนธรรมกีฬาและการท่องเที่ยว กลายเป็นระเบิดลูกใหญ่ที่ส่งตรงถึง “ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร” ผู้ว่าฯ กทม. และอีก 8 ข้าราชการกทม.ที่เกี่ยวข้องทันที
เพราะเส้นทาง “พิรุธ” ตามที่สตง.เปิดเผยนั้น พบว่ามีจุดเริ่มตั้งแต่วันที่ 19 มกราคม 2558 โดยฝ่ายบริหารได้ขออนุมัติงบประมาณจากสภากทม.วงเงิน 30 ล้านบาท แต่วันนั้นสภากทม.ไม่ได้อนุมัติงบไป จากนั้นช่วงกลางปี 2558 ผู้ว่าฯกทม.ได้ออกนโยบายจัดกิจกรรมประดับไฟเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่ บริษัทจิปาถะ ไอเดีย จำกัด ได้มอบอำนาจให้ คุณัณญ จรูญภาพิมล เป็นผู้รับมอบอำนาจ ไปยื่นขอจดทะเบียนที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่อเพิ่มวัตถุประสงค์จำหน่ายไฟประดับ ส่วน บริษัทคิวริโอ ทัวร์ แอนด์ แทรเวิล จำกัด ก็ได้มอบอำนาจให้ คุณัณญ จรูญภาพิมล ยื่นขอจดทะเบียนเพิ่มวัตถุประสงค์จำหน่ายไฟประดับเช่นเดียวกัน
ต่อมา วันที่ 7 ตุลาคม 2558 ธวัชชัย จันทร์งาม ผู้อำนวยการกองการท่องเที่ยว สำนักวัฒนธรรมกีฬาและการท่องเที่ยว ได้จัดทำบันทึกเพื่อเสนอโครงการโดยระบุว่า ผู้ว่าฯ กทม.มีนโยบายจัดกิจกรรมประดับไฟ กองการท่องเที่ยว จึงจัดทำโครงการประดับไฟ 40 ล้านบาท โดยวันที่ 20 ตุลาคม 2558 ปราณี สัตยประกอบ ผู้อำนวยการสำนักวัฒนธรรมกีฬาและการท่องเที่ยว กทม. ได้ขออนุมัติโครงการและมอบหมายให้สำนักงบประมาณกทม.จัดสรรงบประมาณปี 2559 เป็นเงิน 40 ล้านบาท
และเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2558 ยศศักดิ์ คงมาก ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณในขณะนั้น ได้ขออนุมัติงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายทั่วไปกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เป็นเงิน 40 ล้านบาท โดย จุมพล สำเภาพล รองผู้ว่าฯ กทม.ปฏิบัติราชการแทนผู้ว่าฯ กทม. ได้อนุมัติงบประมาณในวันเดียวกัน
จากนั้นวันที่ 10 พฤศจิกายน 2558 ธวัชชัยได้มีหนังสือถึง 3 บริษัท ได้แก่ 1.บริษัทจิปาถะฯ 2.บริษัทสยามเอ็ม อี อี และ 3.บริษัทคิวริโอฯ เพื่อให้ส่งใบเสนอราคาตามรายละเอียดของขอบเขตของงาน “ทีโออาร์”
รุ่งขึ้น 11 พฤศจิกายน 2558 บริษัทจิปาถะฯ ได้เสนอราคาเป็นเงิน 43,572,000 ล้านบาท ขณะที่บริษัทสยามเอ็ม อี อี เสนอราคาเป็นเงิน 44,114,511 ล้านบาท ส่วนบริษัทคิวริโอฯ ไม่ได้เสนอราคา
พอถึงวันที่ 12 พฤศจิกายน 2558 ธวัชชัยได้อนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการทีโออาร์ ซึ่งคณะกรรมการทีโออาร์ก็ได้จัดทำคุณสมบัติต่างๆ ของโครงการในวงเงิน 40 ล้านบาท โดยธวัชชัยก็ได้อนุมัติภายในวันเดียวกัน
วันที่ 19 พฤศจิกายน 2558 คณะกรรมการทีโออาร์ ได้รายงานลงประกาศร่างทีโออาร์ โดยมีคณะกรรมการทีโออาร์ทั้งหมด 5 คน ประกอบด้วย 1.สิโรตม์ แสงเจริญ 2.วันทนา เตชะสุวรรณ 3.พงษ์พันธ์ ธัญญเจริญ 4.มรกต ภูมิพานิช และ 5.สิทธิโชค อภิบาล
จากนั้นวันที่ 20 พฤศจิกายน 2558 เจ้าหน้าที่พัสดุได้ขอความเห็นชอบผ่าน ธวัชชัย เพื่อขออนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการประมูลและคณะกรรมการตรวจรับพัสดุ
ต่อมาวันที่ 23 พฤศจิกายน 2558 ปราณี ได้ขอความอนุเคราะห์เข้าใช้สถานที่บริเวณลานคนเมือง เพื่อจัดกิจกรรมระหว่างเดือนธันวาคม 2558มกราคม 2559
จนถึงวันที่ 26 พฤศจิกายน 2558 ธวัชชัย ได้ประกาศประมูลจ้างเหมาโครงการ โดยได้กำหนดวันยื่นเอกสาร 8 ธันวาคม 2558 และวันยื่นเสนอราคา 22 ธันวาคม 2558
กระทั่งวันที่ 26 พฤศจิกายน 2558 มีเอกชนสนใจเข้าซื้อเอกสารการประมูลจำนวน 9 ราย ได้แก่ 1.บริษัท บางกอกแมส จำกัด 2.บริษัท ยูนิควาไนเซอร์ จำกัด 3.บริษัท จิปาถะไอเดีย จำกัด 4.บริษัท คิวริโอ ทัวร์ แอนด์แทรเวิล จำกัด 5.บริษัท เจเอสเพรสทีจ จำกัด 6.ห้างหุ้นส่วนจำกัดไอสไมล์แทรเวิล 7.บริษัท สรรค์สร้าง จำกัด 8.บริษัท มาสเตอร์แอด จำกัด(มหาชน) และ 9.บริษัท พีแอลเอ จำกัด
ในวันที่ 2 ธันวาคม 2558 ผู้อำนวยการสำนักวัฒนธรรมฯ ได้แจ้งให้กำหนดวันเสนอราคา “เร็วขึ้น” ธวัชชัยจึงได้ประกาศ “เปลี่ยนวัน” ยื่นเสนอราคาจากเดิมวันที่ 22 ธันวาคม 2558 เป็นวันที่ 17 ธันวาคม 2558 แต่สตง.ไม่มีหลักฐานการแจ้งให้ผู้รับเอกสารประมูลจ้างรับทราบ ที่สุดแล้วจาก 9 บริษัทที่ขอรับเอกสารการประมูล เมื่อถึงวันที่ 8 ธันวาคม 2558 มีเอกชนยื่นซองเอกสารเพียง 2 ราย ได้แก่ 1.บริษัท คิวริโอ ทัวร์ แอนด์ แทรเวิล จำกัด และ 2.บริษัท สรรค์สร้าง จำกัด ซึ่งผ่านการพิจารณาคุณสมบัติและเทคนิคทั้งคู่
ระหว่างนั้นเอง สตง.ได้พบข้อพิรุธเพิ่มขึ้นว่า บริษัทคิวริโอฯ ได้นำเข้าโคมไฟฟ้าแอลอีดีครบเซ็ตจากประเทศจีนตั้งแต่วันที่ 10 ธันวาคม 2558 เป็นเวลาเกือบ 7 วันก่อนถึงวันที่ 17 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันที่กทม.ได้ “ประกาศผลการเสนอราคา” พบว่าบริษัท คิวริโอ ทัวร์ แอนด์ แทรเวิล จำกัด ที่ได้นำโคมไฟฟ้าเข้ามาแล้วได้เสนอราคาให้กทม.อยู่ที่ 39,619,990 บาท ส่วนบริษัท สรรค์สร้าง จำกัด เสนอราคาที่ 39,749,999.75 บาท ห่างกันแค่ 130,009 บาท ทำให้บริษัทคิวริโอฯ ที่เสนอราคาต่ำกว่าราคากลาง 380,010 บาท เป็นผู้ชนะและได้ต่อรองราคาเพิ่มช่วงทำสัญญาเหลือที่ 39,500,000 บาท
จากนั้น วันที่ 18 ธันวาคม 2558 ธวัชชัยได้ขออนุมัติจ้างเหมาจัดทำโครงการ โดยปราณีได้อนุมัติภายในวันเดียวกัน พร้อมกับที่ธวัชชัยมีหนังสือถึงบริษัทคิวริโอฯ ให้มาประสานกับกองกลาง กทม. เพื่อเข้าดำเนินการใช้พื้นที่ลานคนเมือง โดยในวันที่ 19 ธันวาคม 2558 บริษัทคิวริโอฯ ได้นำอุปกรณ์เข้าพื้นที่ลานคนเมืองเพื่อติดตั้งแผงไฟและโครงสร้างต่างๆ
ต่อมาวันที่ 22 ธันวาคม 2558 ปราณีก็ได้ทำ “สัญญา” จ้างเหมาจัดทำโครงการกับบริษัทคิวริโอฯ ในวงเงิน 39,500,000 บาท กำหนดจัดงานในเดือนธันวาคม 2558-มกราคม 2559 มีหลักประกันสัญญาเป็นเงินสด ซึ่งที่สุดแล้ววันที่ 22 ธันวาคม ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ได้ออกมาให้ข่าวว่าจะมีโครงการประดับตกแต่งไฟเกิดขึ้น แต่จากนั้นเพียงไม่นานสตง.ได้เข้าไปตรวจสอบโครงการซึ่งได้ดำเนินการไปแล้ว 60-70 เปอร์เซ็นต์ แต่จนถึงขณะนี้กทม.ยังไม่ได้เบิกจ่ายเงิน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเซ็นตรวจรับงาน
นอกจากข้อพิรุธข้างต้น สตง.ยังได้ชี้ไปที่ประเด็นการอนุมัติงบกลาง ประเภทเงินสำรองจ่ายทั่วไป กรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นที่นำมาเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดจ้างเหมาโครงการ เป็นการอนุมัติงบประมาณที่ “ไม่ถูกต้อง” ผิดวัตถุประสงค์ เนื่องจากการใช้จ่ายเงินงบประมาณในลักษณะนี้ต้องเป็นเรื่องเร่งด่วนและฉุกเฉิน อาทิ แก้ปัญหาน้ำท่วม อีกทั้งการจัดจ้างโครงการไม่เป็นไปตามกฎหมายระเบียบ และเข้าข่ายกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิด เกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ พ.ศ. 2542 หรือ “พ.ร.บ.ฮั้วประมูล”
ที่สำคัญ สตง.เชื่อว่าผู้บริหารระดับสูงและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมีพฤติการณ์เอื้อประโยชน์ให้แก่บริษัทผู้รับงาน ให้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานรัฐ โดยมีการเสนอราคาโดย “หลีกเลี่ยง” การเสนอราคาอย่างเป็นธรรม และเป็นการเอาเปรียบกทม. โดยไม่ใช่เป็นการประกอบธุรกิจปกติ รวมถึงบริษัทที่ชนะการประมูล “ไม่เคย” ประกอบกิจการในลักษณะนี้มาก่อนด้วย ที่สำคัญได้จดทะเบียนเพื่อ “เพิ่มวัตถุประสงค์” ให้ตรงตามเงื่อนไขการประมูลเพื่อเข้าเสนอราคากับกทม.
คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินจึงได้พิจารณาเห็นว่า การดำเนินโครงการนี้ไม่ปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนทางราชการ และ “น่าเชื่อว่า” เป็นการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่เงินและทรัพย์สินของแผ่นดิน ตามนัยมาตรา 44 และมาตรา 46 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ. 2542 และเข้าข่ายเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ พ.ศ. 2542 จึงมีมติเห็นชอบที่จะดำเนินการเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องรวม 9 คน เพื่อส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)สอบสวนเพื่อเอาผิดต่อไป
จึงเป็นที่มาของการแถลงตอบโต้ของ “ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์” ในวันต่อมา โดยเฉพาะการพุ่งเป้าวิจารณ์การสอบสวนของสตง. ตั้งแต่โครงการไฟประดับยังไม่เสร็จสิ้น การที่สรุปก่อนหน้านี้ว่ากทม.มีความผิด เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ จึงไม่ทราบว่าเป็นวิธีปฏิบัติที่สตง.ใช้กับกทม.อย่างเดียวหรือไม่
ขณะเดียวกัน “ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์” ยืนยันว่านโยบายสร้างมหานครแห่งความสุขและโอกาส ตามโครางการนี้เป็นนโยบายที่ “ถูกต้อง” เนื่องจากในช่วงเวลาก่อนปีใหม่ 2559 เกิดเหตุการณ์ที่กระทบต่อการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจในกรุงเทพฯ จึงเป็นเรื่องจำเป็นต้องส่งเสริมการท่องเที่ยวและสร้างรายได้จากโครงการนี้ และมีความคุ้มค่ากับกิจกรรมที่เกิดขึ้น
“ผมไม่ต้องการอะไรมาก แค่ขอให้หน่วยงานที่ตรวจสอบอ่านเอกสารให้ครบเท่านั้น หากตรงไหนติดขัดอะไรก็ขอให้แจ้งมาเพราะตลอด 7 ปีที่ผ่านมา ผมได้ย้ำมาเสมอว่า กทม.ต้องทำงานโปร่งใสและถูกกฎหมายทุกอย่าง เพราะผมไม่เคยสั่งให้ใครทำผิดกฎหมายแม้แต่ครั้งเดียว สิ่งที่ได้ทำก็เป็นไปตามหลักการที่ผมได้มอบนโยบายตลอด 7 ปี” ผู้ว่าฯ กทม. กล่าว
จากนี้สำนวนโครงการไฟประดับ 39 ล้าน จะถูกส่งไปที่ป.ป.ช.เพื่อรับไม้ดำเนินการสอบสวนต่อไป ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ “วิลาศ จันทร์พิทักษ์” อดีตส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ เสนอนายกฯ ให้ใช้อำนาจตามมาตรา 44 เพื่อปลด “ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์” ออกจากตำแหน่ง
ทั้งหมดจึงระเบิดเวลาลูกใหญ่ที่มัดเก้าอี้ “ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์” ก่อนหมดวาระในเดือนมีนาคม ปีหน้า…!!!!
