วันที่ 12 พฤษภาคม ที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ต.ลำไทร อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา พระพรหมบัณฑิต (ประยูร ธมฺมจิตฺโต) เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาส กรรมการมหาเถรสมาคม ในฐานะอธิการบดี มจร กล่าวในการสัมนาผู้จะเข้ารับประสาทปริญญาพุทธศาสตรบัณฑิต ปริญญามหาบัณฑิต ปริญญาพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต  ปริญญามหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์  และเข็มเกียรติคุณแก่ผู้ทรงคุณวุฒิ  ประจำปี 2559 ระหว่างวันที่ 14 -15 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 เรื่อง “ธรรมาภิบาลกับการปฏิรูป” ว่า คนที่ฉลาดจะเรียนรู้ข้อผิดพลาดของตนเอง แต่คนที่ฉลาดกว่าจะเรียนรู้ข้อผิดพลาดของคนอื่น “รู้ว่าไม่ดีก็อย่าทำ รู้ว่าประเทศอื่นตีกันทะเลาะกัน ประเทศพังมาเยอะ เรียนรู้แบบนี้ ยังจะโง่ทะเลาะกันอีก ควรรักกันให้มากๆ จึงนำไปสู่การปฏิรูป

“ปัญหาหลักในประเทศที่กำลังพัฒนา คือ ทุจริตคอร์รัปชั่นและการบริหารผิดพลาด  ซึ่งทุจริตคอร์รัปชั่นนั้นต้องแก้ด้วยหลักธรรมาภิบาลนำมาเป็นฐานในการปรับระบบและโครงสร้าง ดังนั้นประเทศไทยต้องปฏิรูป 2 จุดนี้ก็เพียงพอแล้วเพราะส่วนอื่นๆนั้นดีหมดแล้ว” อธิการบดี มจร กล่าว
‘พล.ร.อ.ชุมนุม’ชี้ปฏิรูปประเทศต้องแก้ที่ระบบราชการ

ขณะเดียวกันที่อาคารมหาจุฬาลงกรณ์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้จัดงานเสวนา “นานาทัศะเกี่ยวกับการบริหารกิจการบ้านเมืองของประเทศไทย” โดยพล.ร.อ.ชุมนุม อาจวงษ์ สมาชิกสภานิติบัญญัจิแห่งชาติ (สนช.) กล่าวตอนหนึ่งว่าระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ตรัสถึงเรื่องปฏิรูป อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งท่านได้ชี้ว่าการปฏิรูปจะเกิดผลได้ ต้องปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งคณะทำงานของเรา ก็ได้ศึกษาเรื่องการปฏิรูปและเห็นด้วยกับท่าน และเห็นว่าเรื่องนี้ถือเป็นจุดคานงัดของการปฏิรูปเลยก็ว่าได้อย่างที่ทราบกันว่าการดำเนินงานของท่าน มีการวางเป้าหมาย มีแผนยุทธศาสตร์ ซึ่งก็ตรงกับร่างรัฐธรรมนูญของ ของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ที่ได้ระบุถึงแผนยุทธศาสตร์ ซึ่งเราก็ต้องพูดกันว่าทำอย่างไรจะให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เพราะเราจะอยู่อย่างนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว เนื่องจากมีแรงกดดันจากภายนอกประเทศ ซึ่งสมัยรัชกาลที่ 5 ก็มีแรงกดดันดังกล่าว แต่อยู่ในรูปแบบของการล่าอาณานิคม การดำเนินงานของท่านเน้นการเปลี่ยนแปลง มีเป้าหมายอย่างชัดเจน และเป็นการพลิกแผ่นดิน ซึ่งท่านก็ทำได้สำเร็จ

“ปัญหาที่เราประสบอยู่ขณะนี้มี 2 ประการคือ 1.เรื่องประสิทธิภาพของระบบข้าราชการ 2.เรื่องการทุจริต ถือเป็นเรื่องใหญ่ และเป็นเป้าหมาย โดยในสัมยรัชกาลที่ 5 ท่านก็ประสบปัญหาเรื่องปัญหาการกำกับ ดูแลถือว่าเป็นปัญหาใหญ่จริงๆ ตรวจสอบได้เพียงการตรวจประทับเวลาเบิกจ่าย ซึ่งปัญหาทุจริตขณะนั้นก็คือการจัดซื้อจัดจ้างเหมือนปัจจุบัน โดยคณะทำงานของเราก็ได้ศึกษาในการแก้ปัญหาคอร์รัปชั่น และพบว่าเราต้องแก้เรื่องการกำกับดูแล ซึ่งบ้านเราก็มีกลไกดังกล่าว แต่มีเป็นแค่ตัวอักษร ไม่ได้มีประสิทธิภาพอย่าชัดเจน ในขณะที่เรามีองค์กรตรวจสอบมากมาย ถ้ามีประสิทธิภาพ ก็คงไม่เกิดเรื่องต่างๆอย่างทุกวันนี้ โดยเราก็ต้องเน้นเรื่องการกำกับดูแล ซึ่งน่าจะเป็นจุดที่ดี ทั้งนี้ต้องก้าวข้ามระบบวัฒนธรรมองค์กรราชการ ระบบอุปถัมภ์ และต้องเปลี่ยนแปลง เพื่อสร้างความไว้วางใจของประชาชนต่อระบบราชการมากขึ้น ถ้าประชาชนมากำกับดูแลก็จะทำให้นักการเมือง และข้าราชการ ต้องปรับตัวตามด้วย” พล.ร.อ.ชุมนุม กล่าวและว่า