‘ไอโอ’ลุย-ล่าเว็บโจมตีรัฐ-คสช.

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/detail/20160505/227050.html

การเมือง : ข่าวทั่วไป
วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤษภาคม 2559
‘ไอโอ’ลุย-ล่าเว็บโจมตีรัฐ-คสช.

‘ไอโอ’ลุย-ล่าเว็บโจมตีรัฐ-คสช. : ตะลุยกองทัพ โดยจิตตราภรณ์ เสนวงศ์

            ปฏิบัติการของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในการบุกควบคุมตัวผู้ต้องหา 8 คน ฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ฐานยั่วยุปลุกปั่น และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ภายหลังร่วมกันทำเพจ “เรารัก พล.อ.ประยุทธ์” ภายใต้นโยบายของ พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก และเลขาธิการ คสช. ในการรักษาสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการบริหารงานของรัฐบาลและคสช.

ซึ่งเป็นไปตามข้อมูลด้านการข่าวของหน่วยงานความมั่นคงของ คสช. ที่ติดตามความเคลื่อนไหวของเพจดังกล่าวมาระยะหนึ่งแล้ว ประกอบด้วย

1.การปฏิบัติการข่าวสาร หรือ ไอโอ (Information Oparation) ตั้งอยู่ที่กองบัญชาการกองทัพบก ขึ้นตรงต่อ สำนักงานเลขาธิการ คสช. มีหน้าที่ในการตรวจสอบข้อมูลการเผยแพร่ทางออนไลน์ เว็บไซต์ เฟซบุ๊ก หรือการทำเว็บเพจต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกประเทศ รวมถึงการนำเสนอข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม หรือแม้แต่การชี้แจงข้อมูลที่บิดเบือนตามสื่อออนไลน์ทุกชนิด

2.หน่วยข่าวกรองทางทหาร (ขกท.) ของกองพันทหารราบ มณฑลทหารบกที่ 11 (พัน.ร.มทบ.11) แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร มีหน้าที่รับผิดชอบการปฏิบัติการข่าวสนับสนุนหน่วยปฏิบัติการทางยุทธวิธี ในภารกิจรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร

หน่วยงานนี้จะมีเจ้าหน้าที่ทั้งในส่วนติดตามข้อมูลทางออนไลน์ และเจ้าหน้าที่ติดตามพฤติกรรม เพื่อดูความสอดคล้องเชื่อมโยง กำหนดเป้าหมาย และพร้อมเคลื่อนที่ด้วยยานยนต์ได้ 100%

หน่วยงานที่ว่านี้จะรับคำสั่งจากเลขาธิการ คสช.โดยตรง ในการปฏิบัติภารกิจ

“เลขาธิการ คสช.ได้เน้นย้ำให้ทั้งสองหน่วยงาน ตรวจสอบข้อมูลทางออนไลน์ ทุกประเภทที่เข้าข่ายการปลุกระดม บิดเบือนข้อมูล ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดความแตกแยกและส่งผลกระทบต่อการทำงานของรัฐบาลและคสช. เนื่องจากสื่อออนไลน์เป็นช่องทางที่เข้าถึงประชาชนได้ง่าย พร้อมทั้งให้บูรณาการข้อมูลระหว่างกัน เก็บหลักฐานทุกขั้นตอน เพื่อสะดวกในการดำเนินการตามกฎหมาย” แหล่งข่าวจาก คสช.กล่าว

หลังจากได้ข้อมูลและหลักฐานที่ชัดเจนแล้วก็จะรายงานมายังสำนักงานเลขาธิการ คสช. โดยมี พล.ต.วิจารณ์ จดแตง หัวหน้าส่วนปฏิบัติการคณะทำงานด้านกฎหมาย คสช. พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ เสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชาฝ่ายกฎหมาย คสช. ทำหน้าที่กลั่นกรองอีกขั้นหนึ่งว่า การดำเนินการดังกล่าวเข้าข่ายกระทำความผิดตามกฎหมาย คำสั่งหรือประกาศของ คสช.หรือไม่

การตรวจสอบข้อมูลนี้ จะบูรณาการกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.)

หน่วยงานด้านความมั่นคง ทำงานกันในทุกมิติ เป็นระบบ ทั้งในส่วนของงานด้านการข่าวของรัฐบาล หน่วยข่าวของ คสช. กระทรวง ทบวง กรม ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง มีการแลกเปลี่ยนข่าวสาร เมื่อ คสช.ได้ข้อมูล จะมีการเรียกประชุมพร้อมทั้งเชิญเจ้าหน้าที่ในส่วนของ ปอท. กระทรวงไอซีที กรมพระธรรมนูญ เจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อมาดูข้อมูลของแต่ละฝ่าย ความเป็นมา ต้องตรวจสอบกันหลายขั้นตอน จนแน่ใจว่าสามารถดำเนินการเอาผิดทางกฎหมายได้

ต่อจากนั้น หน่วยข่าวกรองทางทหาร (ขกท.) ของกองพันทหารราบ มณฑลทหารบกที่ 11 (พัน.ร.มทบ.11) ส่งกำลังทหารลงพื้นที่เพื่อควบคุมตัวบุคคลตามเป้าหมาย โดยอาศัยอำนาจตาม มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557

หากทำเป็นกลุ่มขบวนการ ก็จะเข้าพื้นที่ควบคุมตัวพร้อมกันทุกพื้นที่ เพื่อป้องกันข้อมูลรั่วไหล ซึ่งจะส่งผลต่อการทำลาย เคลื่อนย้ายหลักฐานได้ ก่อนจะนำตัวมาควบคุมไว้ที่ มทบ.11 เพื่อเข้าสู่กระบวนการซักถาม โดยจะมีฝ่ายกฎหมายของ คสช. พร้อมทีมงานร่วมดำเนินการ ก่อนจะส่งตัวแจ้งความต่อกองบังคับการปราบปราม และ นำตัวขออำนาจศาลทหารฝากขังต่อไป

นี่คือขั้นตอนทั้งหมดในการทำงานของทหาร ซึ่งฝ่ายที่เคลื่อนไหวต่อต้าน เห็นต่าง ไม่สบายใจและรู้สึกถูกคุกคาม ลิดรอนสิทธิและเสรีภาพ

แต่ถ้าถามทหารแล้ว นี่คือการทำงานเพื่อปกป้องสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น ผู้ใดจะละเมิดไม่ได้ไม่ว่าจะเป็นช่องทางใด มิเช่นนั้นจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย !

Leave a comment