งานนวัตกรรมไผ่แห่งชาติ ที่ลำปาง การก้าวสู่ “มหานครไผ่”

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน

http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05061010159&srcday=2016-01-01&search=no

วันที่ 01 มกราคม พ.ศ. 2559 ปีที่ 28 ฉบับที่ 614

เก็บมาเล่า

นัย บำรุงเวช

งานนวัตกรรมไผ่แห่งชาติ ที่ลำปาง การก้าวสู่ “มหานครไผ่”

ความต้องการไม้ไผ่เพื่อใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ นั้นมีมาก รวมทั้งการทำเยื่อกระดาษ ทำกระดานอัด ทำไม้ปาร์เกต์ และอื่นๆ

ประเทศไทยมีพื้นที่ป่าไผ่ธรรมชาติประมาณ 28,000,000 ไร่ แต่มีพื้นที่ปลูกป่าไผ่ประมาณ 2,850,000 ไร่ (ข้อมูล ปี 2553) ปริมาณไม้ไผ่ยังไม่เพียงพอกับความต้องการของโรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปผลิตภัณฑ์ไม้ไผ่

ลำปางมีพื้นที่ป่าไผ่มากเป็นลำดับต้นๆ ของประเทศ มีโรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปผลิตภัณฑ์จากไม้ไผ่ที่ขึ้นทะเบียนกับกรมโรงงานอุตสาหกรรม จำนวน 8 โรง (ข้อมูล ปี 2558) ที่ไม่ขึ้นทะเบียนเป็นโรงงานขนาดเล็กหรือเป็นอุตสาหกรรมในครัวเรือนจำนวนมาก ดำเนินธุรกิจแปรรูปผลิตผลิตภัณฑ์จากไม้ไผ่ ได้แก่ ไม้เสียบอาหาร ตะเกียบ ไม้จิ้มฟัน ภาชนะใส่อาหาร และก้านธูป เป็นต้น

ไม้ไผ่สร้างรายได้ให้แก่ผู้ผลิตปีละหลายร้อยล้านบาท ลำปางได้ชื่อว่าเป็นเมืองไม้ไผ่แห่งหนึ่งของภาคเหนือ ดังนั้น การจัดงาน “งานนวัตกรรมไผ่แห่งชาติ” จึงเป็นเรื่องที่สอดรับกัน

“งานนวัตกรรมไผ่แห่งชาติ” จัดขึ้นระหว่าง วันที่ 20-21 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ณ จังหวัดลำปาง นับเป็นงานระดับประเทศเกี่ยวกับเรื่องของไม้ไผ่

งานนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือขององค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปาง สภาเกษตรกรแห่งชาติ และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ลำปาง (ธ.ก.ส. ลำปาง)

จุดประสงค์ของงานเพื่อส่งเสริมและพัฒนาองค์ความรู้เรื่องไผ่แก่เกษตรกร กลุ่มเครือข่ายอาชีพขององค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปางและประชาชนผู้สนใจให้สามารถนำความรู้ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ในการปลูกไผ่ เพื่อเพิ่มมูลค่าแบบครบวงจร นำไปสู่การส่งเสริมหรือเพิ่มช่องทางการประกอบอาชีพ สร้างรายได้แก่ประชาชนภายในจังหวัดลำปาง และช่วยลดปัญหาการว่างงาน ตรงตามยุทธศาสตร์การพัฒนาขององค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปางด้านการส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนบนวิถีเศรษฐกิจพอเพียง

อีกทั้งเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนมีรายได้จุนเจือครอบครัว เพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้า ส่งเสริมสนับสนุนการพาณิชย์การลงทุนเพื่อผลิตและจำหน่ายสินค้าบนพื้นฐานองค์ความรู้เชิงสร้างสรรค์ด้านการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพในภาพรวมของจังหวัด

แต่ที่สำคัญคือ การผลักดันให้จังหวัดลำปางเป็นมหานครไผ่ หรือ “Bamboo City”

ใน “งานนวัตกรรมไผ่แห่งชาติ” มี พลเอกฉัตรชัย สาลิกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดงาน โดยมี คุณสามารถ ลอยฟ้า ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง กล่าวต้อนรับ และ คุณประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ กล่าวรายงานจุดประสงค์การจัดงาน

พลเอกฉัตรชัย กล่าวว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงและควรให้ความสำคัญอย่างยิ่งในปัจจุบันคือ การปลูกป่า และการรักษาป่าอันเป็นต้นน้ำลำธารที่สำคัญ ซึ่งไผ่ถือเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของป่า แม้ว่าทางจังหวัดได้มีนโยบายที่ชัดเจนในการสร้างป่าชุมชน โดยมีไผ่เป็นต้นไม้นำร่อง

“แต่ในประเทศไทยยังให้ความสนใจต่อการสนับสนุนการปลูก การแปรรูป ผลิตภัณฑ์จากไผ่ยังไม่เป็นที่กว้างขวางนัก และมีการลงทุนเพื่อดำเนินกิจกรรมต่างๆ ที่เป็นการสร้างคุณค่าและมูลค่าของไผ่นั้นน้อยมาก จึงเป็นโอกาสที่ภาครัฐ ภาคเอกชน หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง จะหันมาให้การสนับสนุนอย่างจริงจัง เพื่อพัฒนาและส่งเสริมให้ไผ่เป็นพืชเศรษฐกิจอีกชนิดหนึ่ง และมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องแบบครบวงจร ตั้งแต่การผลิต การแปรรูป และการตลาด ซึ่งจะสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศได้อย่างมหาศาล”

พลเอกฉัตรชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า มาตรการส่งเสริมของภาครัฐในการเข้ามาดูแลเรื่องไผ่ มี 2 หน่วยงานหลัก คือ กระทรวงทรัพยากรฯ และกระทรวงเกษตรฯ ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญเรื่องไผ่ มีนักส่งเสริมการเกษตรที่ลงพื้นที่ในระดับตำบล สามารถดำเนินการส่งเสริมเกษตรกรที่มีความสนใจและต้องการความรู้ในขั้นตอนการเพาะปลูก การดูแล การแปรรูป และการนำไปใช้ประโยชน์ต่างๆ โดยมีสภาเกษตรกรแห่งชาติเป็นแกนกลางในการเชื่อมโยงหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เชิญผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ความสามารถเรื่อง “ไผ่” จากทุกภาคส่วน ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ตั้งแต่การเพาะปลูก การแปรรูป การค้า

“การส่งเสริมและการลงทุนมาร่วมมือกันในวันนี้ จึงเป็นโอกาสให้ประเทศของเราได้พัฒนาให้ “ไผ่” มีคุณค่าและสร้างมูลค่าเพิ่ม เป็นพืชเพื่อเศรษฐกิจ พลังงาน สังคมและพืชเพื่อสิ่งแวดล้อมที่สำคัญ ดังนั้น กระทรวงเกษตรฯ จะได้มีนโยบายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกลับไปทบทวนศึกษาและร่างยุทธศาสตร์การพัฒนาไผ่ของชาติอย่างครบวงจรต่อไป เมื่อดูจากหน่วยงานทุกภาคส่วน ที่เรียกว่าประชารัฐ เพื่อเรียนรู้การปลูกและพัฒนาไผ่ ซึ่งมีโอกาสสำเร็จได้ในเวลาอันใกล้” พลเอกฉัตรชัย กล่าว

นอกจากนี้ ภายในงานมีนิทรรศการและองค์ความรู้ที่น่าสนใจเกี่ยวกับไม้ไผ่ อาทิ บรรจุภัณฑ์ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติจากแป้งมันสำปะหลัง เช่น ถ้วย จาน ซึ่งจะย่อยสลายโดยการฝังกลบตามธรรมชาติภายใน 3 เดือน ใช้ได้เพียงครั้งเดียว สามารถรองรับอุณหภูมิได้ตั้งแต่ -18 ถึง 98 องศา และบรรจุภัณฑ์ เป็นภาชนะใส่อาหารจากเยื่อชานอ้อยผสมเยื่อไผ่ ปลอดภัยกับผู้ใช้และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ส่วนนิทรรศการ ประกอบด้วย

ไผ่ใช้เป็นอาหาร ไผ่ใช้เป็นอาหารได้หลายอย่าง โดยเฉพาะหน่อไม้

ไผ่ใช้เป็นที่อยู่อาศัยและใช้สอย สร้างบ้านเพื่ออยู่อาศัย เป็นเครื่องจักสาน เครื่องใช้ในครัวเรือน เฟอร์นิเจอร์เครื่องเรือน เครื่องมือการเกษตร เครื่องมือดักจับสัตว์ต่างๆ เครื่องดนตรี ฯลฯ

ไผ่ใช้เป็นเครื่องนุ่งห่ม เส้นใยไผ่เป็นเส้นใยที่มีคุณภาพดี คุณสมบัติให้สัมผัสที่นุ่มสบาย ไม่ระคายเคืองต่อผิวหนัง ดูดซับความชื้น ระบายอากาศได้ดี ป้องกันแบคทีเรีย ป้องกันแสงยูวี และไม่ต้องรีดก่อนใส่

ไผ่เป็นยารักษาโรค เป็นพืชสมุนไพรได้ ทั้ง ใบ ยอดอ่อน กาบใบ เนื้อเยื่อ รากและตาไม้

ไผ่ใช้เป็นพลังงาน ใช้เป็นเชื้อเพลิงให้พลังความร้อนสูง ถ่านไผ่มีคาร์บอนมาก มีน้ำมันมาก แต่เหลือเป็นเถ้าน้อย

ไผ่กับสิ่งแวดล้อม ป่าไผ่ที่มีความหนาแน่นมากจะดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์และปล่อยออกซิเจนสู่ธรรมชาติสิ่งแวดล้อมได้สูงกว่าพืชอื่น ประมาณร้อยละ 30

ไผ่ในอุตสาหกรรม ในอุตสาหกรรมแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ

ไผ่เป็นเวชสำอาง เช่น สบู่ แชมพู ยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก น้ำแร่ธรรมชาติจากต้นไผ่ และอื่นๆ (จีนผลิตเป็น ยาย้อมผม สเปรย์น้ำยาดับกลิ่นเท้า แปรงสีฟัน ฯลฯ) ถ่านกัมมันต์ (Activated Carbon) ที่นำมาผ่านการสังเคราะห์ทางเคมี ในกระบวนการผลิต ต่างจากถ่านฟืนที่ใช้หุงต้มหรือให้ความร้อน ถ่านที่เผาแล้วเกิดรูพรุนจำนวนมาก ซึ่งรูพรุนมีคุณสมบัติในการดูซับสารต่างๆ ที่อยู่ในรูปของเหลวและก๊าซได้ดี

จึงมีการนำ Activated Carbon ผสมกับเครื่องสำอาง ใช้กรองกลิ่นและก๊าซอันไม่พึงประสงค์ในหน้ากากกรองสารพิษ ใช้ฟอกอากาศในเครื่องปรับอากาศ ใช้ในไส้กรองอากาศเครื่องยนต์และท่อไอเสีย Activated Carbon จากถ่านไม้ไผ่ที่เผาด้วยความร้อน 1,000 องศา เป็นถ่านบริสุทธิ์มีรูพรุนมากกว่าถ่านทั่วไปถึง 4 เท่า และดูดซับกลิ่นได้มากกว่าถ่านทั่วไป 6 เท่า

จุดสนใจของงานมาอยู่ที่ไผ่ใช้เป็นพลังงาน เป็นพืชพลังงานทดแทน ไผ่เมื่อถูกเผาจะเกิดควันและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อย ไม้ไผ่จะให้ค่าความร้อน 5,800- 6,400 กิโลแคลอรี ต่อกิโลกรัม (Kcal/Kg) ส่วนถ่านไผ่จะให้ค่าความร้อน 6,800-4,400 กิโลแคลอรี ต่อกิโลกรัม (Kcal/Kg)

มูลนิธิพัฒนาชุมชนผาปัง มี คุณรังสฤษฎ์ คุณชัยมัง เป็นประธานที่ปรึกษามูลนิธิพัฒนาชุมชนผาปัง ตั้งอยู่ที่ หมู่ที่ 3 ตำบลผาปัง อำเภอแม่พริก จังหวัดลำปาง ได้พัฒนาการใช้ถ่านไผ่เป็นเชื้อเพลิงต้นกำลัง ชุมชนตำบลผาปัง มีการปลูกต้นไผ่นำมาใช้ประโยชน์ ปีละ 1,095 ตัน นำมาทำตะเกียบ ถ่านอัดแท่ง เศษไม้ไผ่ใช้ผลิตเป็นปุ๋ยดินขุยไผ่ ธูปหอมไล่ยุง ใช้เป็นเชื้อเพลิงในการอบอิฐบล็อก ทำเครื่องสำอางจากผงละอองไผ่ และวัสดุเครื่องใช้จากไม้ไผ่ สร้างรายได้เป็นจำนวนมาก

อีกจุดที่ดึงดูดผู้มาชมงานมากอยู่ที่รถจักรยานยนต์ เครื่องสูบน้ำ เครื่องปั่นไฟ และรถบรรทุกที่ใช้ถ่านไผ่เป็นเชื้อเพลิงต้นกำลัง มูลนิธิพัฒนาชุมชนผาปัง ร่วมกับ Mr. Koen Van Looken วิศวกรอิสระชาวเบลเยียม ที่เชี่ยวชาญด้านระบบก๊าซซิไฟเออร์ (Gasifier)

เดิม Mr. Koen Van Looken เคยทำการวิจัยอยู่ที่วิทยาลัยเทคนิคหนองคาย เมื่อทราบว่ามูลนิธิพัฒนาชุมชนผาปังทำเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับไผ่และทำเชื้อเพลิงถ่านไผ่ จึงสนใจเข้ามาร่วมงานกับมูลนิธิพัฒนาชุมชนผาปัง เกี่ยวกับการจัดทำระบบก๊าซซิไฟเออร์ (Gasifier)

ก๊าซซิไฟเออร์ เป็นกระบวนการที่นำเชื้อเพลิงแข็งประเภทต่างๆ มาทำให้อยู่ในสถานะก๊าซ ก๊าซที่ได้จากกระบวนการก๊าซซิไฟเออร์นำไปใช้แทนก๊าซเชื้อเพลิงและน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้อยู่ในปัจจุบันได้ทุกประเภท แต่ค่าพลังงานต่อปริมาตรจะต่ำกว่าก๊าซธรรมชาติและก๊าซหุงต้ม การเผาถ่านไม้ไผ่เพื่อผลิตก๊าซสะอาดเป็นเชื้อเพลิงให้กับรถมอเตอร์ไซค์ เครื่องสูบน้ำ เครื่องปั่นไฟ และรถบรรทุกเล็ก

จากการทดลองกับรถบรรทุกเล็กไม่แตกต่างจากรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงทั่วไป บรรจุถ่านไม้ไผ่ลักษณะเป็นแท่งๆ ขนาดเท่าตะเกียบ จำนวน 5 กิโลกรัม รถยนต์จะวิ่งได้ระยะทางประมาณ 100 กิโลเมตร ถ้าบรรจุถ่านไผ่อัดแท่งจำนวน 25 กิโลกรัม รถยนต์จะขับไปได้ไกลถึง 500 กิโลเมตร ราคาถูกกว่าก๊าซรถยนต์ ใช้เป็นก๊าซในการหุงต้มอาหาร ถ่าน 1 กิโลกรัม ใช้ได้นาน 2 ชั่วโมง

หากผลิตเป็นน้ำมันเอทานอล ก๊าซโซฮอล์ 95 ใช้ไม้ไผ่จำนวน 1,000 กิโลกรัม ผลิตน้ำมันเอทานอล 200 ลิตร

นอกจากนี้ ยังมีการเสวนาจากวิทยากรและปราชญ์ในเรื่องไผ่จากทั่วประเทศ มีหลายหัวข้อด้วยกันล้วนเป็นเรื่องที่น่าสนใจ เช่น ไผ่นวัตกรรมแปรรูปไม้เพื่อการก่อสร้าง, ไผ่นวัตกรรมแปรรูปไม้เพื่อการผลิตเส้นใย, ไผ่นวัตกรรมแปรรูปไม้เพื่อการผลิตภาชนะไบโอ, ไผ่นวัตกรรมแปรรูปไม้เพื่อการผลิตตะเกียบ, ไผ่เพื่อการผลิตถ่านประสิทธิภาพสูง, ไผ่เพื่อการผลิตเวชสำอาง, ไผ่เพื่อสุขภาพและพลังงาน, ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตรจังหวัดน่าน นำผลิตภัณฑ์จากไม้ไผ่ พันธุ์ไผ่ มาจัดแสดงและได้แนะนำ ชาใบไผ่ ให้ลองชิมกัน

หลังจาก “งานนวัตกรรมไผ่แห่งชาติ” นี้ไปแล้ว ต้องรอดูกันว่า จังหวัดลำปางจะได้เป็นมหานครไผ่ หรือ “Bamboo City” ได้จริงหรือไม่…

Leave a comment