ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน
http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05046010159&srcday=2016-01-01&search=no
| วันที่ 01 มกราคม พ.ศ. 2559 ปีที่ 28 ฉบับที่ 614 |
เทคโนโลยีการเกษตร
สุพจน์ สอนสมนึก
ชูมิตร เจริญชัย คนพรรณานิคม กับบทพิสูจน์…เกษตรเงินล้าน
มีหลายคนบอกว่า อาชีพทำการเกษตรนั้นรวยยาก คุณชูมิตร เจริญชัย มองว่าน่าจะลบคำสบประมาทนี้ได้ว่า “อาชีพหลังสู้ฟ้า หน้าสู้ดิน” หรือที่ใครๆ บอกด้วยความภาคภูมิว่า เขาคือ เกษตรกร ผู้ผลิตอาหารเลี้ยงพลโลก แต่สุดโศกโชคไม่ช่วย ไม่รวยสักหน คำว่า “กระดูกสันหลังของชาติ” ต้องมีความภูมิใจ คิดว่าจะทำให้เป็นอาชีพ “หลังสู้ฟ้า หน้าดูทีวีสี”
คุณชูมิตร เจริญชัย วัย 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4 หมู่ที่ 8 บ้านโคกชุมพร ตำบลพรรณานิคม อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร เล่าให้ฟังว่า เดิมเป็นคนพื้นเพอำเภอวาริชภูมิ จังหวัดสกลนคร สืบเชื้อสายมาจากชาวภูไท พ่อแม่ยึดอาชีพทำนา เลี้ยงสัตว์ หลังจากเรียนจบภาคบังคับ ก็ออกมาเรียนต่อด้านการเกษตร และทำงานกับบริษัทเอกชนเรื่องเกษตรในหลายพื้นที่ ต่อมาสอบเข้าทำงานเป็นข้าราชการ เจ้าหน้าที่เกษตรสำนักงานเกษตรจังหวัดสกลนคร และมาเป็นเจ้าหน้าที่เกษตร สำนักงานเกษตรอำเภอพรรณานิคม
หลังจากนั้น มองว่าอาชีพข้าราชการไม่เหมาะกับตนเอง ประกอบกับแนวคิดที่ได้ประสบการณ์จากการทำงานคลุกคลีกับเกษตรกร เห็นอะไรหลายๆ อย่าง ซ้ำบางคนบอกว่า อาชีพเกษตรกรรมนั้นรวยยาก จึงมีความมุ่งมั่นทำการเกษตรเอง เขาเก็บเงินได้ก้อนหนึ่ง ไปซื้อที่ไว้จำนวน 37 ไร่ และอีกส่วนหนึ่ง จำนวน 5 ไร่ ติดริมทางสายสกลนคร-อุดรธานี ห่างจากตัวอำเภอพรรณานิคมราว 3 กิโลเมตร
จากเวลา 12 ปี ที่ลาออกจากการทำงาน ลงมาคลุกคลีทำการเกษตรเอง เขาประสบความสำเร็จไม่น้อย
อันดับแรก คุณชูมิตร เพาะพันธุ์ไม้ดอกฤดูหนาวจำหน่าย เนื่องจากคิดว่าพื้นที่อากาศในจังหวัดสกลนคร น้ำก็มีพร้อม น่าจะได้ผล ลองผิดลองถูกหลายครั้ง เดินทางไปมาระหว่างจังหวัดเลยและศูนย์เพาะกล้าไม้เกษตรที่สูง จนสามารถเพาะกล้าได้สำเร็จ เป็นการเพาะไม้ดอกฤดูหนาวได้ น่าจะเป็นรายแรกรายเดียวในสกลนคร พร้อมจำหน่ายให้กับผู้สนใจ จนกลายเป็นแหล่งเรียนรู้ของเกษตรกรและประชาชนผู้สนใจ
ในแต่ละปีสามารถจำหน่ายดอกไม้นี้ได้กว่า ปีละ 1 ล้านบาท พร้อมกับเพาะต้นกล้า ส่งจำหน่ายที่เมืองเลย ไม้ดอกที่เพาะจำหน่าย ได้แก่ พีทูเนีย แพงพวย ฯลฯ
ขณะนี้ได้ค้นพบวิธีเพาะกล้าไม้ดอกฤดูหนาวสำเร็จ ในสูตรของตนเอง และจะสามารถอยู่ได้นานกว่า 6 เดือนขึ้นไป
คุณชูมิตร บอกอีกว่า หลังจากที่เพาะพันธุ์ไม้ดอกฤดูหนาวสำเร็จ วางจำหน่ายให้กับผู้สนใจ จนสามารถส่งลูกชายคนโตเรียนจบระดับปริญญา (แม่โจ้) และลูกสาว 2 คน กำลังศึกษาเช่นกัน
ปัจจุบัน คุณชูมิตร ได้เปิดเป็นแหล่งเรียนรู้พร้อมหาพันธุ์พืช ปุ๋ยอินทรีย์ มาจำหน่ายด้วย และได้เริ่มหันไปใช้พื้นที่ จำนวน 37 ไร่ ปลูกมะละกอฮอลแลนด์ 10 ไร่ ปลูกกล้วยน้ำว้า กล้วยหอมทอง 10 ไร่ ปรับปรุงสร้างโรงเรือนแคนตาลูป 7 หลัง พร้อมแบ่งแปลงเพาะกล้าพันธุ์ไม้ดอกฤดูหนาว ตลอดจนจำหน่ายเองส่วนหนึ่ง
ในส่วนของแคนตาลูปนั้น ได้มีการนำมาทดลอง จำนวน 12 สายพันธุ์ ที่มีอยู่ โดยใช้วิธีตามความเข้าใจของตนเองที่เรียนมา มี คุณอรุณี เจริญชัย ภรรยา ช่วยกันอีกแรง
การปลูกแคนตาลูปได้เริ่มขึ้น โดยลองผิดลองถูก เพราะไม่ได้ปลูกง่ายๆ ประกอบกับมีโรคมากด้วย
ครั้งแรกลงทุนไป 400,000 บาท ทำโรงเรือนปลูกแคนตาลูป มีขนาด 6 คูณ 20 เมตร ปลูกแคนตาลูปได้ไม่เกิน 400 ต้น โรงเรือนมีเสากลาง ให้เหมาะในการติดตั้งพัดลม และเพื่อรักษาอุณหภูมิ
ระยะห่างระหว่างโรงเรือน ประมาณ 1.50 เซนติเมตร เพื่อให้เดินได้ ไม่ควรสร้างโรงเรือนติดกัน
เจ้าของปลูกแคนตาลูป โดยเพาะจากเมล็ด ซึ่งซื้อมาเพาะเอง จะตกเมล็ดละ 2-7 บาท
ในที่สุดก็ได้พันธุ์ที่เหมาะสมในพื้นที่ จำนวน 4 สายพันธุ์
อดีตข้าราชการเกษตรบอกอีกว่า แคนตาลูปนั้น อุณหภูมิที่เขาชอบจะอยู่ที่ 18-35 องศา ในพื้นที่จังหวัดสกลนคร เดือนที่เสี่ยง ปลูกลำบาก ได้แก่ ช่วงเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์
สิ่งที่พบมากที่สุดหากไม่ชำนาญจริง จะพบกับปัญหาผสมไม่ติด ลายไม่สวย ผลเล็ก อ่อนแอต่อโรค โดยเฉพาะเพลี้ยไฟ หากนำสารเคมีมาใช้จะส่งผลถึงแคนตาลูป ลูกค้าไม่ชอบ ไม่ต้องการ
เจ้าของมีการทดลองใช้ทั้งสารเคมีและไม่ใช้สารเคมี ปัญหาคือ การใช้สารเคมี อาจสวย แต่ราคาไม่ดี จึงงดใช้สารเคมี
เนื่องจากต่อมาได้มีการทดลองแก้ปัญหาเรื่องเพลี้ยไฟ ได้นำพัดลมมาติดตั้งเพื่อดูดอากาศ โดยเฉพาะช่วงฝนตกชุก ปรากฏว่า การใช้พัดลม ทำให้ไม่มีโรคราน้ำค้างเข้ามารบกวนแต่อย่างใด
การปลูกแคนตาลูป ปัจจุบันปลูกไม่ยาก ปีหนึ่งปลูกได้หลายรอบ ที่สำคัญคนทำต้องมีเวลา ไม่เหมือนการทำเกษตรอย่างอื่น
ปัจจุบัน คุณชูมิตร นำแคนตาลูปมาวางจำหน่ายเอง พร้อมกับแปรรูปเป็นไอศกรีม เพื่อให้ลูกค้าที่แวะเข้ามาเรียนรู้ และซื้อไปกิน ก่อนซื้อแคนตาลูป จะทำไอศกรีมให้กินฟรีทุกคน
แคนตาลูป ที่จำหน่าย กิโลกรัมละ 120 บาท หรือจะอยู่ที่ ผลละ 100-150 บาท
สำหรับไม้ฤดูหนาวทุกชนิด จะจำหน่ายอยู่ที่ กระถางละ 100-150 บาท ยกเว้นต้นกล้าเพาะเพื่อส่ง จะอยู่ที่ ต้นละ 2.50-3.00 บาท
ส่วน มะละกอ ส่งจำหน่ายให้กับประเทศเพื่อนบ้าน มีออเดอร์ไม่อั้น ตันละ 21,000 บาท…กล้วยกำลังตัดส่งจำหน่าย มีผู้มารับซื้อถึงสวน
ในปีที่ผ่านมา เจ้าของทำบัญชีและพบว่า สร้างได้รายได้กว่า 3 ล้านบาท ต่อปี เฉพาะพืชหลักๆ เท่านั้น
คุณอรุณี ผู้เป็นภรรยาบอกว่า ตอนแรกก็ตกใจที่สามีลาออกจากราชการ เพราะหลายคนบอกว่า มั่นคงกว่า แต่เมื่อมาถึงวันนี้พิสูจน์ให้เห็นว่า อาชีพเกษตรกรรมก็สามารถมีอยู่มีกินได้อย่างสบาย หากรู้จักทำ และประหยัด
สำหรับผู้สนใจ อยากศึกษาและดูงาน ที่นี่เปิดเป็นแหล่งเรียนรู้ สามารถดูงานได้ฟรี…โทรศัพท์สอบถามก่อนที่ คุณชูมิตร เจริญชัย โทร. (081) 871-6358