พฤกษากับเสียงเพลง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน

http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05026010159&srcday=2016-01-01&search=no

วันที่ 01 มกราคม พ.ศ. 2559 ปีที่ 28 ฉบับที่ 614

ไม้ดอกไม้ประดับ

มานพ อำรุง

พฤกษากับเสียงเพลง

พฤกษาช่อใหญ่ สวัสดีปีใหม่ แทนใจอำนวยพร

นานาพันธุ์ บุปผา มารายล้อม

บ้างกลิ่นหอม สำรวย ด้วยเกสร

หลากสีสัน หนีพราก จากภมร

มารวมพร มัดห่อ ช่อมาลี

บ้างมีหนามแหลมคม แต่ชมชื่น

ใช่ดอกอื่น คือกุหลาบ ดังอาบสี

ผูกโบน้อย รัดรึง ตรึงฤดี

มอบแทนที่ เป็นสัญญา ภาษาดอกไม้

แทนคำพูด เอื้อนเอ่ย เผยจากจิต

แทนความคิด อวยพร ตอนมอบให้

แทนทุกสิ่ง จริงใจ ในความหมาย

แทนดอกไม้ ทุกดอก บอกความนัย

มวลดอกไม้ มีมาให้ ทั้งหลายนี้

ด้วยไมตรี ทั้งอุทยาน บานสดใส

จะเลือกดอก หรือทั้งช่อ ขอน้อมใจ

รวมช่อใหญ่ มอบด้วย คำอวยพร

บานจากนี้ ตลอดปี เป็นปีใหม่

เลือกตามใจ สอยตามจิต ประภัสสร

ฤๅจะร้อยมาลัย สวมคอ-กร

พร้อมคำกลอน พฤกษา มาสวัสดี

บทกลอนด้วยใจพิสุทธิ์ มอบคารวะบรรณาการสำหรับทุกท่าน เนื่องในศุภดิถีเวียนศุภวารวันปีใหม่ ส่งท้ายปลายปีด้วยมาลีช่อใหญ่หลากสีสัน และนานาพันธุ์ ซึ่งเรียงร้อยด้วยบทกลอนแทนช่อพฤกษา ดังที่พรรณนาไว้

ดอกไม้ทุกดอก เป็นตัวแทนความรู้สึกได้ สื่อความหมายได้ ซึ่งผู้มอบให้กับผู้รับได้โดยไม่ต้องเอื้อนเอ่ย เพราะเสน่ห์จากพฤติกรรมนี้ เกิดขึ้นในบทบาทของบรรยากาศที่มีความหมายของตัวเอง เป็นบริบทของความรู้สึกที่ไม่ต้องมีภาษาอธิบายประกอบ เนื่องจาก เป็น “ภาษาดอกไม้”

ดอกไม้ สามารถมอบให้ซึ่งกันได้ทุกโอกาส ทุกข์ สุข รัก โศก ยินดี ชื่นชม แม้แต่ดอกไม้ติดปลายกระบอกปืนก็ยังเคยเกิดขึ้น ดอกไม้ผลิบานได้ทุกบรรยากาศ ไม่ว่าผู้ให้ หรือผู้รับ จะเลือกฤดูกาลใดๆ ความหลากหลายแห่งพืชพรรณ ซุกซ่อนเสน่ห์ไว้ทั้งสีสันของรูปลักษณ์ และกลิ่นไอที่เป็นเอกลักษณ์ ตั้งแต่ ราก เปลือกต้น ถึงยอดใบ

ความในใจเผยบอกด้วยดอกไม้ จะเป็นดอกเดี่ยวหรือช่อดอก หรือมัดช่อรวมดอก ก็เป็นตัวแทนบอกความรู้สึกได้ทุกชนิดพันธุ์ เพียงแต่อาจจะบอกความหมายที่ต่างออกไปตามบรรยากาศ และทีท่าทั้งผู้มอบและผู้รับ หากจะย้ำว่าพฤติกรรมภาษาดอกไม้นี้มีมานานเพียงใด หรือปัจจุบัน ทำไมต้องจัดเป็นมัดรวมเป็นช่อ ก็คงจะต้องค้นหาที่มา ศึกษาอ้างอิง แต่เชื่อว่า ผู้รับทุกรายคงจะไม่ต้องการทราบที่มาของการจัดช่อดอกไม้ เพราะว่าการชื่นชม ยินดี และภูมิใจที่เป็นผู้รับดอกไม้นี้ หรือดอกไม้ช่อนี้ก็สุดปลื้มเพียงพอแล้ว

ถ้าหากย้อนรำลึกถึงบรรพบุรุษเรา ที่เกี่ยวข้องกับที่มาของจัดช่อดอกไม้แล้ว มีข้อคิดที่น่าจะเป็นไปได้จากการนำดอกไม้ ใบไม้ มาจัดรวมเพื่อบูชาพระ หรือนำมาประดับตกแต่งสถานที่ต่างๆ ทั่วไป หรือในพิธีกรรม พิธีสำคัญต่างๆ เพื่อให้มีบรรยากาศสดชื่น สวยงาม หรูหรา และตื่นตาด้วยสีสันของพรรณดอกไม้ ซึ่งอบอวลด้วยกลิ่นเกสรแห่งพฤกษา แต่ถ้าจะย้อนถึงประวัติศาสตร์สมัยสุโขทัย มีบันทึกไว้ในหนังสือพระราชพิธีสิบสองเดือน ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระนิพนธ์ไว้ โดยกล่าวถึงนางนพมาศ หรือ ท้าวศรีจุฬาลักษณ์ ได้ตกแต่งโคมลอย พระราชพิธีการลอยพระประทีป ซึ่งได้ตกแต่งด้วยดอกไม้สด ผลไม้แกะสลัก มาตกแต่งโคมลอยให้สวยงามยิ่ง และทำกระทงประดิษฐ์เป็นรูปดอกบัว จึงถือว่าเป็นสตรีท่านแรกที่ริเริ่มนำดอกไม้สดมาใช้ในพิธีการ

ดอกไม้เป็นสื่อแสดงความรู้สึกของผู้ให้ บ่งบอกความนัยแก่ผู้รับ ความมีเสน่ห์ ให้ความหมายอยู่ในตัว หากการจัดดอกไม้นั้นให้เหมาะสมกับโอกาสอันควรแสดงออก การจัดดอกไม้สามารถนำทุกส่วนของต้นไม้ ตั้งแต่ ก้าน กิ่ง ดอก ใบ ลำต้น หน่อ มาจัดแต่งให้สวยงาม ปัจจุบัน นิยมผสมผสานด้วยสิ่งของอื่นๆ มาร่วมจัด เช่น กระดาษ โบว์ ริบบิ้น ผ้า พลาสติกสีสันต่างๆ เป็นองค์ประกอบ

ปัจจุบัน ธุรกิจการจัดดอกไม้มีมากมาย แพร่หลาย ทั้งสถานที่และรูปแบบการบริการ จึงอาศัยทั้งเชิงวิชาการและเชิงธุรกิจ กลายเป็นส่วนหนึ่งของทุกๆ กิจกรรม ฤดูกาล และทุกเทศกาล ตามแต่ประเภทกิจกรรมนั้นๆ เป็นประเภทของการจัดดอกไม้ เช่น ดอกไม้สีโทนร้อน ได้แก่ กลุ่มดอกสีแดง สีส้ม สีแสด สีเหลือง ซึ่งไปผูกสัมพันธ์กับความตื่นเต้นเร้าใจ สนุกสนาน กระฉับกระเฉง แสดงความมีพลัง

ส่วนการจัดดอกไม้สีโทนเย็น เช่น กลุ่มดอกสีน้ำเงิน ม่วง ฟ้า เขียวเหลือง เขียวแก่ ให้บรรยากาศผ่อนคลาย ความสงบเยือกเย็น อ่อนหวาน เลิศหรู คลาสสิก

สำหรับการจัดสีโทนอ่อนเย็นตา เช่น สีขาว ให้ความรู้สึกเรียบร้อย สะอาด มองดูรู้สึกบรรยากาศบริสุทธิ์ ให้เกิดความไว้วางใจ

นอกจากนั้น ยังมีการจัดแบบรวมโทนสี ซึ่งอาจจะต้องมีศิลปะที่จะให้สีสันของแต่ละดอก ส่งเสริม หรือสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน หรือกลมกลืนกันอย่างสมบูรณ์

ยังมีศิลปะรูปลักษณ์ของช่อดอกไม้ ที่จะประดิษฐ์รวมช่อให้เป็นดอกไม้แบบช่อกลม หรือจัดแบบช่อยาวได้อีกตามศาสตร์และศิลป์ของผู้จัด

ไม่ว่าดอกไม้ที่จะมอบให้ใคร จะเป็นดอกเดี่ยว หรือช่อใหญ่ หากแต่จะบอกความหมายจากแต่ละดอกนั้นๆ ให้ความหมายใดๆ จากผู้ให้สู่ความรู้สึกของผู้รับจะตรงกันหรือไม่ ก็ยังมีความหมายในตัวของแต่ละดอกนั้นๆ ตามแต่ที่มาของแต่ละบริบท หรือกรอบแห่งความคิด ทั้งผู้ให้และผู้รับ ดังจะขอกล่าวเป็นข้อสังเกตของความหมายแต่ละดอก ซึ่งเชื่อกันมา

ดอกรัก ดอกไม้สีขาว หรือสีม่วงอ่อน รูปทรงแปลกตาคล้ายมงกุฎ สื่อถึงความรักโดยตรง เป็นสัญลักษณ์แทนสื่อระหว่างชาย-หญิง และร้อยมาลัยบูชาพระ ต้อนรับอาคันตุกะผู้มาเยือน และจัดพานในพิธีมงคล

ดอกปักษาสวรรค์ ดอกไม้รูปทรงแปลก สีสดใส แปลกตาเหมือนนกพันธุ์ Bird of Paradise สื่อความหมายถึงความรื่นรมย์ ยินดี มอบให้แก่กันในโอกาสแสดงความยินดี ปราดเปรียวราวกับนกกำลังจะโผบิน

ดอกกุหลาบ ราชินีแห่งไม้บนบก แทนความรักที่เด็ดเดี่ยว ทรนง แม้จะหนามแหลมคม อาจจะเปรียบดังอุปสรรคขัดขวางความรักที่ต้องฟันฝ่า แต่เมื่อผ่านพ้นได้แล้วก็จะสุขสม หอมกรุ่น รู้สึกภาคภูมิและสดชื่น ดอกกุหลาบมีหลากสี แต่ละสีมีความหมายที่บ่งบอกความรู้สึก

กุหลาบแดง บอกรักแท้ ร้อนแรง บริสุทธิ์ นิยมมอบในวันแห่งความรัก

กุหลาบเหลือง ให้ความรู้สึกห่วงหาอาทร มีมิตรภาพและยินดี อาจจะมีแฝงความผิดหวัง แต่นิยมใช้เยี่ยมผู้ป่วย

กุหลาบขาว บอกถึงความบริสุทธิ์ ซื่อ ใสสะอาด แสดงความรักที่จริงใจ อ่อนน้อมถ่อมตน นิยมมอบให้ผู้ที่สูงศักดิ์กว่า

กุหลาบดำ เป็นการลาจาก เป็นการตาย หรือไปเกิดใหม่

กุหลาบชมพู ให้ความรู้สึกสง่างาม

กุหลาบม่วง เป็นรักแรกพบ

กุหลาบสีส้ม บอกถึงความเสน่หา ความปรารถนา และกระตุ้นเร้า

กุหลาบฟ้า-น้ำเงิน เป็นความลึกลับ

นอกจากนี้ ยังนิยมมอบกุหลาบที่เป็นคู่หลากสี เช่น

กุหลาบขาว-แดง บอกถึงความผูกพัน รวมหนึ่งเดียว

กุหลาบแดง-เหลือง แสดงความยินดี ร่วมมือ

กุหลาบชมพู-ขาว เหมือนจะกล่าวว่า “ผมรักคุณ และจะรักตลอดไป”

สำหรับบางกลุ่มผู้นิยมจำนวนดอกกุหลาบแทนความรู้สึก เช่น ดอกกุหลาบแดง 3 ดอก บอกว่า “ผมรักคุณ” หรือ เพลงกุหลาบแดง ที่ปลูกไว้เก็บดอกถึง 9999 ดอก เพื่อบอกยืนยันความรักที่มั่นคง

ดอกบัว เป็นสัญลักษณ์ทางศาสนา ในศาสนาพุทธแสดงความบริสุทธิ์ ผ่องแผ้ว ความศรัทธา บรรลุธรรม เปรียบดังดอกบัวซึ่งโผล่พ้นน้ำรับแสงแดด รับลม

ดอกบัวมีสีต่างๆ หลากสี ให้ความหมายแตกต่างออกไปเช่นกัน

ดอกบัวขาว จิตใจสงบ บริสุทธิ์ ผ่องแผ้ว สดใส

ดอกบัวม่วง เป็นความลึกลับที่ลึกซึ้ง ดังแปดกลีบดอกคือ มรรค 8

ดอกบัวแดง ให้ความหมายถึงความรัก ยินดีต่อผู้อื่น ความเห็นใจ

ดอกบัวชมพู เป็นดอกบัวประเสริฐ เป็นตัวแทนแห่งพุทธธรรม

ดอกบัวน้ำเงิน แทนชัยชนะ ที่จิตและปัญญาเหนือกิเลส

สำหรับ ดอกบัว ตามความหมายในศาสนาฮินดู จะหมายถึงดอกไม้ที่มีความงาม จิตวิญญาณ ความเป็นนิรันดร์ และปราดเปรื่อง หรือเรียนรู้เจริญเรื่อยๆ

ดอกมะลิ เป็นดอกไม้แสดงความบริสุทธิ์ และสูงส่ง สำหรับมอบให้แก่ผู้ควรเคารพบูชา หรือนำไปบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ บุคคลที่นับถือเคารพรัก เป็นดอกไม้สัญลักษณ์วันแม่

ดอกเบญจมาศ ดอกไม้สีสันสดใส มีความแข็งแรง ทนทาน นำไปประดับตกแต่ง ประดับรถบุปผชาติ ประดับในงานพิธี บ่งบอกความมั่นคง ถาวร

ดอกคาร์เนชั่น ดอกไม้สีสันคลาสสิก นิยมจัดทำเป็นช่อดอกไม้มือถือ ส่งมอบแทนใจ หรือทำเป็นเข็มกลัดดอกไม้ติดเสื้อ หรือติดหน้าอก

ดอกการ์ดิเนีย บางคนเรียกดอกพุดฝรั่ง เป็นดอกไม้แห่งความโชคดีมีชัย เหมาะสำหรับอวยพรให้ผู้รับประสบโชคดี แสดงความปรารถนาดี

ดอกทานตะวัน แสดงความรู้สึกหยิ่ง ทะนง แข็งกร้าว จึงไม่นิยมมอบให้ใคร

นอกจากนั้น ยังมีดอกไม้อีกมากมายที่มีความหมายที่จะมอบให้แก่กันด้วยความปรารถนาในสิ่งดีๆ ต่อกัน เช่น ดอกเยอร์บีร่า ดอกแกลดิโอลัส ดอกทิวลิป ดอกซ่อนกลิ่น ดอกหน้าวัว ดอกพุดตาน ดอกกาหลง ดอกนางแย้ม ที่กล่าวถึงทั้งหมด สำหรับเลือกมอบเป็นดอกเดี่ยว หรือจัดช่อดอกมัดใหญ่

ดอกไม้สดที่นิยมนำมาใช้จัดช่อดอกไม้ ส่วนใหญ่จะตัดในตอนเช้า แล้วนำมาแช่น้ำให้อิ่มตัว ถ้ามีการขนส่งจะต้องเพิ่มความยืดหยุ่น ถ้านำมามัดรวมกันควรห่อด้วยกระดาษหรือพลาสติกเพื่อนำส่งปลายทาง จึงมีข้อสังเกตว่า ส่วนใหญ่มิใช่ตัดแล้วถึงมือผู้รับทันที จึงต้องมีการจัดการ ที่จะหลีกเลี่ยงความบอบช้ำของกิ่ง ก้าน กลีบดอก ซึ่งสามารถสังเกตได้ หรือจะเลือกที่ดีที่สุด เช่น ก้านจะต้องไม่เน่าเนื่องจากตัดมา หรือแช่น้ำนานจนมีกลิ่นเหม็น ใบไม่ควรจะช้ำ เหี่ยว ยับย่น กระเปาะดอกไม่ควรลีบหรือแห้ง บีบเบาๆ ยังพบว่าแน่น ส่วนสำคัญคือกลีบดอก ต้องไม่ช้ำ เหี่ยว หรือร่วงหล่นเน่าเสีย

การจัดดอกไม้ นิยมใช้วิธี แช่ Floral Foam โดยวางก้อน Foam ลงบนน้ำ ให้น้ำค่อยๆ ซึมผ่านขึ้นมา ไม่ควรกดให้จมน้ำ หรือราดน้ำบนก้อน Foam และควรแช่ Floral Foam อย่างน้อย 2 ชั่วโมง เพื่อให้ดูดซึมน้ำเต็มที่ และให้เกลือที่ผสมไหลออกมา อาจจะแช่ค้างคืนก็ได้ เมื่อถึงเวลาใช้จริง ก็เทน้ำที่มีเกลือออกทิ้งแล้วเติมน้ำใหม่ ควรระวังไม่ให้ก้อน Foam แตกหักขณะเคลื่อนย้าย

เมื่อเอ่ยถึงดอกไม้ หรือช่อดอกไม้ กรณีใดๆ มักจะนึกถึง หรือนำไปเปรียบเทียบกับเหล่าสตรี นารีหญิงงาม กุลสตรีเสน่ห์หญิง ดังบทกลอนที่ว่า

มวลมาลี มีหลากหลาย สายพันธุ์นัก

บานประจักษ์ สีสด งามงดยิ่ง

เปรียบสตรี หอมความดี มีทุกสิ่ง

เสน่ห์หญิง เปรียบได้ ดอกไม้งาม

สอดคล้องกับตอนหนึ่งของบทเพลง “แสงทิวา” ที่ว่า “…เปรียบลัดดากับกุลสตรี แรกสาวพรหมจารี ไร้มลทิน ยังสวยพริ้มเพรา…ฯลฯ”

ในโอกาสปีใหม่นี้ ก็ขอร้อยมาลีเป็นมาลัยช่อใหญ่ ด้วยพฤกษาภาษาดอกไม้ แทนคำอำนวยพร ส่งความสุข ความปรารถนาดีมายังทุกท่าน ด้วยบทกลอนน้อยๆ

เชิญบุหงา นำมา คารวะ

ขอพรพระ พรมสุข ทุกกระสวน

ยื่นดอกไม้ แทนอวยพร วอนเชิญชวน

ปีใหม่ล้วน มวลดอกไม้ ให้สุขโปรย

เพลง รำวงรื่นเริงเถลิงศก

ชาวคณะสุนทราภรณ์

วันนี้วันดีปีใหม่ ท้องฟ้าแจ่มใสพาใจสุขสันต์ ยิ้มให้กันในวันปีใหม่ โกรธเคืองเรื่องใด จงอภัยให้กัน หมดสิ้นกันทีปีเก่า เรื่องทุกข์เรื่องเศร้าอย่าเขลาคิดมัน ตั้งต้นชีวิตกันใหม่ ให้มันสดใส สุขใหม่ทั่วกัน

เฮ…สุขใหม่ทั่วกัน

รื่นเริงเถลิงศกใหม่ (ซ้ำ) ร่วมจิตร่วมใจ ทำบุญร่วมกัน ทำบุญกันตามประเพณี กุศลราศีจะบรรเจิดเฉิดฉันท์ พี่น้องร่วมชาติเดียวกัน (ซ้ำ) ขอให้สุขสันต์ทั่วกัน…เอย

นอย ทิงนองนอย น้อยหน่อยนอยน้อย หน่อยทิงนองนอย

รับช่อดอกไม้รื่นเริงเถลิงศกแล้ว มวลมาลีแทนใจ คำนับน้อมด้วยมาลัยอักษร เป็นช่อใหญ่ประสานพลังปีใหม่ เป็นคำอำนวยพรด้วยจริงใจ

ร้อยวาจาแทนมาลามาปีใหม่

ขอน้อมใจ คำนับกายให้พรนั้น

เปรียบมาลาวาจาค่าอนันต์

สพ สุขสันต์ สรรพสิ่งมิ่งมงคล

โน้มมาลี ด้วยวจี ที่มีพร้อม

คำนับน้อม มอบทุกท่าน ผ่านแห่งหน

ผกาวจี มีคำพร ซ้อนมงคล

เต็มเปี่ยมล้น พฤกษาพิสุทธิ์ เป็นพุทธคุณ

Leave a comment