ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/local/215079
10 พ.ค.59 ที่ศูนย์บริการประชาชน น.ส.สมลักษณ์ หุตานุวัตร อดีตพยานผู้เชี่ยวชาญกรณีเหมืองทองคำพิจิตร คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและแก้ไขปัญหาข้อขัดแย้ง ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ จากการทำเหมืองแร่ทองคำของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) เข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อเสนอให้แก้ปัญหาภัยแล้งของประชาชน ด้วยทรัพยากรน้ำจากอ่างเก็บน้ำใต้ดิน ในบริเวณพื้นที่ด้านเหนือ ของพื้นที่โครงการเหมืองทองคำ บริษัท อัคราฯ จ.พิจิตร และหยุดเหมืองทองคำในประเทศไทย
ทั้งนี้ พบว่าในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA ฉบับที่ 2 ของบริษัท อัคราฯ ที่ผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการผู้ชำนาญการ สำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เมื่อ พ.ศ.2550 ระบุว่า พื้นที่ด้านเหนือพื้นที่โครงการมีการใช้น้ำจากแหล่งน้ำใต้ดิน ระดับตื้นซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ 1 – 2 ตารางกิโลเมตร มีลักษณะเป็นอ่างเก็บน้ำใต้ดิน มีความจุของน้ำที่แทรกอยู่ตามชั้นกรวดทราย ประมาณ 1.8 – 6.3 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยน้ำที่กักอยู่บริเวณนี้ได้มาจากการถ่ายเทน้ำจากพื้นที่โดยรอบ ซี่งพื้นที่เหมืองทองชาตรี ของบริษัท อัคราฯ มีเนื้อที่หลายพันไร่ จึงของให้นายกฯ สั่งการให้ตรวจสอบ หากอ่างเก็บน้ำใต้ดินตามที่ระบุในรายงาน EIA ยังคงให้น้ำอยู่ ควรนำน้ำเหล่านี้ไปตรวจสอบคุณภาพ หากพบว่าสะอาดปลอดภัย ก็สมควรนำออกแจกจ่ายประชาชน เพื่อบรรเทาทุกข์ในสถานการณ์ภัยแล้งขณะนี้
อย่างไรก็ตาม หากรายงาน EIA ดังกล่าวไม่เป็นจริง ก็เท่ากับเป็นรายงานเท็จ หรือหากรายงานเป็นความจริง แต่อ่างเก็บน้ำใต้ดินมีไว้ใช้เฉพาะการทำเหมืองทองคำ จึงสมควรที่นายกฯจะทบทวนการพิจารณา เรื่องการต่ออายุใบประกอบโลหกรรมและนโยบายเหมืองแร่ทองคำทั่วประเทศอย่างรอบคอบที่สุด เพื่อปกป้องทรัพยากรมีค่า ที่เสียหายไปอย่างไม่สามารถฟื้นคืน และปกป้องคุณภาพชีวิตประชาชนเป็นสำคัญ และโปรดใช้อำนาจโดยธรรมหยุดเหมืองทองคำทั้งหมดในประเทศไทย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘บิ๊กตู่’สั่งยุติ’ขุดเหมืองแร่ทองคำ’ ไม่ต่อใบอนุญาต-ยื่นคำขาดสิ้นปีจบ