ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน
http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05068010159&srcday=2016-01-01&search=no
| วันที่ 01 มกราคม พ.ศ. 2559 ปีที่ 28 ฉบับที่ 614 |
คนรักผัก
สุมิตรา จันทร์เงา
เที่ยวตลาดเช้าวังเวียง
ไปเมืองลาวหนนี้รู้สึกอิ่มเอมเปรมใจมากที่ได้เที่ยวท่องตลาดสดทั้งที่วังเวียงและหลวงพระบางแบบไม่มีออมแรง เรียกได้ว่าตื่นมาก็ไปเดินตลาดเช้ากันทุกวัน
ไม่ใช่อะไรหรอก…ต้องไปหาอาหารเช้าร้อนๆมากินกัน เพราะโรงแรมที่เราพักนั้นเป็นโรงแรมแบบเกสต์เฮาส์ที่ไม่มีบริการอาหารเช้า ซึ่งปรากฏว่าเป็นเรื่องที่ถูกใจเพื่อนร่วมทางทุกคนมาก เพราะต่างก็ชอบเดินตลาดและกินอาหารเช้าในตลาดเป็นประจำอยู่แล้ว
คนกรุงเทพฯผู้มีชีวิตเร่งรีบที่ไม่รู้จักการเดินตลาดสดหรือไปซื้อของตามตลาดตอนเช้าเหมือนชาวบ้านในต่างจังหวัดจะไม่มีทางรู้หรอกว่าสุดยอดอาหารอร่อยในพื้นถิ่นหรือย่านนั้นๆ ไม่มีแหล่งขายที่ไหนเกินตลาดเช้าไปได้
เช่น ที่ตลาดสดประชานิเวศน์ ๑ แถววัดเสมียนนารี นอกจากอาหารสดสารพัดชนิดแล้วก็ยังมีอาหารเช้าเลิศรสจำพวกข้าวแกงต่างๆ น้ำพริก ก๋วยเตี๋ยว หมูปิ้ง ขนมหวาน ฯลฯ ตั้งโต๊ะขายกันคึกคักแน่นตลาดตั้งแต่เช้ามืด มีคนไปคอยคิวซื้อกินกันตรงนั้นก่อนไปทำงานแน่นขนัด และแต่ละเจ้ารสมือเป็นเลิศ
ที่เมืองลาวก็เหมือนกัน ตลาดสดเป็นแหล่งของกินสุดอร่อยประจำถิ่นในราคาชาวบ้าน ปรุงใหม่ร้อนๆตอนนั้นเลย หรือไม่ก็เพิ่งทำเสร็จมาจากบ้านหิ้วมาขายตามตลาดในปริมาณที่ไม่มากนัก หมดแล้วหมดเลย พอสายหน่อยใครไปไม่ทันเพื่อนจึงมักจะอดกิน
เสน่ห์ของตลาดเช้าในทุกชุมชนคืออัตลักษณ์ความเป็นพื้นถิ่น สะท้อนให้เห็นความโดดเด่นของอาหารการกินพื้นเมืองในแถบนั้น ทั้งรสชาติ รูปแบบ หน้าตาและลักษณะการรับประทาน ซึ่งมีทั้งอาหารการกินที่เป็นเอกลักษณ์ของพื้นเมืองแท้ๆดั้งเดิมมีต้นกำเนิดขึ้นที่นั่น และที่รับอิทธิพลมาจากพื้นที่ใกล้เคียง รวมทั้งมาจากความหลากหลายทางกลุ่มชาติพันธุ์ที่รวมกันอยู่ในท้องถิ่นนั้น
การเดินทางไปต่างบ้านต่างเมืองแล้วได้เห็นตลาดเช้าของที่นั่นจึงถือว่าเป็นการเดินทางที่เข้าถึงหัวใจของท้องถิ่นอย่างแท้จริง ดังนั้น ถ้ารายการท่องเที่ยวไหนจัดเดินเที่ยวตลาดไว้ให้อย่าได้ปฏิเสธเลยเชียวนะ เพราะนั่นจะเป็นการเดินชมวิถีชีวิตชาวบ้านชาวเมืองที่สนุกสนานมาก
…
ตลาดเช้าวังเวียงซึ่งเป็นจุดแรกที่เราไปแวะพักค้างคืนนั้นเป็นตลาดเล็กมากๆ แต่ขนาดของตลาดก็สอดคล้องกับวิถีชุมชนที่มีจำนวนประชากรจำนวนไม่มากนัก ซ่อนอยู่บนถนนเลียบน้ำซอง ลึกเข้าไปในย่านที่มีเกสต์เฮาส์ตั้งอยู่แน่นขนัด
ชาวบ้านที่ขนของมาขายส่วนใหญ่อาศัยอยู่อีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆกระจายกันอยู่ตามตีนเขา บรรดาพ่อค้าแม่ขายจะออกจากบ้านตั้งแต่ยังมืดเอาของใส่กระบุงขึ้นหลังสะพายเดินข้ามน้ำซองเข้ามาตั้งวางกระจาด ปูเสื่อ ปูผ้ายาง วางสินค้าขายกันกับพื้น ไม่มีแผงลอยยกสูงให้เห็นหรอกนะ เวลาตลาดวายตอนสายก็หมายความว่าที่ตรงนั้นจะว่างเปล่ากลายเป็นริมทางธรรมดาเหมือนถนนเส้นอื่นๆ ไม่มีสิ่งใดบ่งบอกให้รู้เลยว่านี่คือ “ตลาด”
แต่รุ่งเช้าของอีกวันพร้อมเสียไก่ขัน ตลาดก็จะเปิดใหม่อีกรอบ เวียนวนไปมาแบบนี้ไม่มีจบ ข้าวของที่เอามาวางขายกันส่วนใหญ่เป็นของกินของป่าตามธรรมชาติที่หามาได้ในแต่ละวัน วางเรียงรายกันไปตามริมถนน บริเวณสามแยกที่เป็นชุมชนคนอยู่หนาแน่นกว่าแหล่งอื่น
ที่นี่…ป่าและน้ำยังเป็นแหล่งอาหารอุดมสมบูรณ์ของชุมชนเหมือนซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ที่มีของให้เลือกเก็บเลือกหาได้ตลอดเวลา บางคนหามาพอกินในครัวเรือนแต่ละวัน บางคนหาได้มากมีเหลือก็เอามาขาย เพื่อจะได้มีเงินมาจับจ่ายใช้สอยซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคอื่นๆที่เป็นเครื่องบำรุงบำเรอชีวิตจากกระบวนการผลิตในระบบอุตสาหกรรม
ตลาดสดที่เมืองลาวจึงมีของแปลกตาสารพัดอย่างที่พวกเราคนไทยไม่เคยเห็น หรืออาจจะเคยเห็นมาตั้งแต่ครั้งอดีตเมื่อ ๔๐-๕๐ ปีก่อน ยุคที่การเข้าป่าล่าสัตว์เก็บของป่ามาขายยังทำกันได้ทั่วไปก่อนที่การตัดไม้ทำลายป่าอย่างเหี้ยนเตียนจะทำลายแหล่งอาหารอุดมสมบูรณ์ให้หมดไปในเวลาอันรวดเร็ว
ปลาจากน้ำซองและลำห้วยสาขาที่ยังสดๆ ตาแดงก่ำ วางเรียงกันให้เลือก บางเจ้าจับมาร้อยตอกเป็นพวงสวยงาม ผักพื้นบ้านนานาจากป่าสารพัดชนิดที่ฉันไม่รู้จัก ไม่เคยกิน วางเป็นกองๆรอให้เลือก ของกินสำเร็จรูปก็ปิ้ง ย่าง ทอดกันให้เห็นตรงนั้น มีปลาซิวทอด จิ้นทอด ซาลาเปาทอด ขนมที่ทำจากข้าวเหนียว
พริกกับมะเขือเทศที่วังเวียงงามแบบไม่เคยเห็นในตลาดเมืองไทย เพราะเป็นของสดที่เพิ่งเก็บจากต้นมาเดี๋ยวนั้น ผิวจึงเป็นมันวาวเย้ายวนให้ซื้อยิ่งนัก
แต่ของกินที่นี่ไม่ถูก…ค่าครองชีพคนลาวสูงมากๆ ราคาอาหารและวัตถุดิบในตลาดสดเป็นราคาที่ชาวบ้านค้าขายกัน ไม่ใช่ราคาของนักท่องเที่ยว
ปัจจุบันค่าเงินกีบปรับตัวแข็งขึ้นมากและรัฐบาลก็รณรงค์ให้ชาวช้านใช้เงินกีบในชีวิตประจำวันกันเป็นหลักเพื่อเสริมความแข็งแกร่งในระบบเศรษฐกิจสปป.ลาว จากเดิมที่ชาวบ้านค่อนข้างอิสระในการใช้เงินบาทจับจ่ายข้าวของ
ในรอบไม่ถึงปีที่เราเพิ่งกลับมาเที่ยววังเวียงซ้ำพบว่าอัตราแลกเปลี่ยนเงินกีบในการซื้อขายข้างถนนเปลี่ยนไปเยอะมาก(ไม่ใช่อัตราทางการ)จากเดิมที่แม่ค้าคิดให้เรา ๑๐,๐๐๐ กีบต่อ ๔๐ บาทนั้น บัดนี้เพิ่มเป็น ๑๐,๐๐๐ กีบต่อ ๕๐ บาท เท่ากับว่าเราต้องจ่ายเงินมากขึ้นในการซื้อของปริมาณเท่าเดิมหรืออาจจะน้อยกว่า
สำหรับแลกเปลี่ยนอัตราทางการในปัจจุบัน หากเราไปแลกเงินตามธนาคาร ๒๐ บาทจะได้เงินลาวมา ๔,๕๐๐กีบ โดยประมาณ(๕๐ บาทแลกได้ ๑๑,๒๖๐ กีบ) แต่ด้วยความประมาท เราเคยชินแต่การใช้เงินบาทที่เป็นแบงก์ย่อยๆซื้อของกินเล็กๆน้อยๆตามตลาดในลาวมาตลอด พอเอาเงินบาทไปใช้คราวนี้แม่ค้าทุกรายไม่ยอมขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนแม้แต่กีบเดียว พวกเขาพร้อมใจกันปัดเศษทิ้งเลย กลายเป็นการตีมูลค่าเงินบาทไทยให้ด้อยลงจากที่เป็นจริง
เพื่อนหลายคนเจ็บกระดองใจจี๊ดๆ
แต่ในเมื่อเป็นความไม่รอบคอบของพวกเราเองก็ต้องยอมรับผลของมัน
ดัชนีราคาสินค้าในตลาดสดเมืองลาวที่วังเวียงซึ่งเรามีทัศนคติไปเองว่าบ้านเมืองยังไม่พัฒนามากนัก ข้าวของที่นำมาขายก็หาเอาได้ง่ายๆจากรอบตัว คุณภาพสินค้านอกจากความสดแล้วก็ไม่ได้สูงเลิศกว่าที่ไหนจึงไม่ควรจะมีราคาแพงนัก แต่ที่ไหนได้…
คนวังเวียงถ้าไม่มีเงินเป็นแสนกีบในมือ ออกไปซื้อของในตลาดแทบไม่ได้อะไรกลับบ้านเลยนะ
ของกินสำเร็จที่นี่ราคาถูกสุด ๑,๐๐๐ กีบ คือปาท่องโก๋ ๑ ชิ้น
โจ๊กชามละ ๑๐,๐๐๐ กีบ แต่ถ้าจ่ายเป็นเงินบาทบางร้านคิดที่ราคา ๖๐ บาท
โรตีใส่ไข่แผ่นละ ๑๐,๐๐๐ กีบ แต่ถ้าใส่แฮม ไส้กรอก เพิ่มเป็น ๒๐,๐๐๐ กีบ
ขนมปังบาแกตต์ปิ้งทาเนยเปล่าๆ ที่ชาวบ้านเรียกว่า “ข้าวจี่” ขายอยู่ที่ชุดละ ๑๐,๐๐๐ กีบ
ผักสดที่นี่สดจริงๆเพราะชาวบ้านปลูกกันเอง และเชื่อว่าคงยังไม่มีสารเคมีปนเปื้อนมาก ดูจากรูปลักษณ์ธรรมชาติที่ของบางอย่างมีหนอนชอนไชบ้าง บางอย่างก็เป็นผักตามฤดูกาลที่มาจากป่าได้รับการเลี้ยงดูจากเทวดา ถือว่าเป็นผักอินทรีย์แท้ๆ
ผักกาดต้นเล็กๆสดเขียว ดูก็รู้ว่าเพิ่งเก็บมาใหม่ๆ กำละ ๕,๐๐๐กีบ
พริกสดกองย่อมๆ ราคากองละ ๕,๐๐๐ กีบ(มากกว่า ๒๐ บาท) ขณะที่ราคาในบ้านเราอย่างมากไม่เกิน ๑๐ บาท
กล้วยหวีละ ๑๐,๐๐๐ กีบ ที่สวยๆบางเจ้า ๒๐,๐๐๐ กีบ!
ปลาซิวกองน้อยๆ นับตัวได้ สามกอง ๑๐,๐๐๐ กีบ
ปลาพวงตัวเล็กๆ ที่ร้อยตอกพวงละ ๑๐,๐๐๐ กีบ
ปลากดคังกิโลกรัมละ ๙๐,๐๐๐ กีบ!
ราคาปลาแต่ละชนิดแตกต่างกันมาก โดยที่คนต่างถิ่นอย่างเราไม่รู้ค่าการกำหนดมาตรฐานราคาว่ามาจากไหน แต่ส่วนหนึ่งต้องมาจากความนิยมในการรับประทานอย่างแน่นอน
ปลากดคังที่คิดเป็นเงินไทยราคาหลายร้อยบาทนั้น ไม่ใช่ปลาหายาก มีชุกชุมตามแหล่งน้ำสายใหญ่ๆทั่วไปในลาวและจับมาขายได้ทุกวันตัวโตๆทั้งนั้น แต่ที่แพงได้ขนาดนั้นเพราะเป็นปลาที่ร้านค้าภัตตาคารทั้งหลายนำขึ้นเสิร์ฟเป็นเมนูอาหารประจำร้านเพื่อขายนักท่องเที่ยวต่างชาติ
และพวกเราก็คือส่วนหนึ่งของนักท่องเที่ยว…การเดินทางเป็นการกระจายรายได้อย่างหนึ่ง ถ้ามัวแต่มานั่งคิดเล็กคิดน้อยจะเที่ยวสนุกได้อย่างไร
เราเดินชมตลาดเสร็จก็มานั่งกินโจ๊กแกล้มปาท่องโก๋ บางคนกินต้มเส้น “ข้าวเปียก” (ก๋วยจั๊บญวน) ราคาเฉลี่ยต่อคนประมาณชามละ ๖๐ บาท หนึ่งอิ่ม หนึ่งสนุก
และทุกคนรู้สึกแบบเดียวกันหลังกินอิ่ม…แพ้ผงชูรสค่ะ