ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/local/215298
ต้องขอชื่นชมจากใจจริงถึงความเด็ดเดี่ยวของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ตัดสินใจให้ยุติการอนุญาตอาชญาบัตรพิเศษสำรวจแร่ทองคำ และประทานบัตรทำเหมืองแร่ทองคำ รวมถึงคำขอต่ออายุประทานบัตรของเหมืองแร่ทั่วประเทศ
โดยเฉพาะ 4 กระทรวงสำคัญ คือ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในฐานะเป็น “ต้นทาง” ผู้ชงเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุม ครม. เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งจะส่งผลให้การดำเนินการเหมืองแร่ของ บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) บริเวณรอยต่อของ จ.พิจิตร เพชรบูรณ์ และพิษณุโลก ต้องยุติลงทันทีหลังจากใบอนุญาตเดิมหมดอายุลงในวันที่ 13 พฤษภาคม
นอกจากนี้ยังทำให้คำขออาชญาบัตรพิเศษจากเอกชนรวม 177 แปลง โดย 12 บริษัท ใน 10 จังหวัด และประทานบัตรอีก 107 แปลง ที่ จ.เลย ต้องเป็นหมันไปโดยปริยาย
การตัดสินใจดังกล่าว สะท้อนให้เห็นว่า อย่างน้อยรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็เห็นแก่ “ทุกข์ยาก” ของประชาชน มากกว่ารายได้จากการให้สัมปทานเหมืองแร่ทองคำ
ที่สำคัญ โดยส่วนตัวแล้ว ไม่เชื่อด้วยซ้ำว่า ถ้านี่เป็นรัฐบาลอื่นไม่ว่ายิ่งลักษณ์ ทักษิณ หรือใครที่ไหนก็ตามทีจะกล้าหาญตัดสินใจได้อย่างนี้หรือไม่
ผมไม่เชื่อว่าจะกล้า
นี่จึงเป็นการให้คำตอบที่ชัดเจนของ พล.อ.ประยุทธ์ หลังจากเคยถูกภาคประชาชนผู้คัดค้านการต่ออายุเหมืองแร่ทองคำใน จ.พิจิตร ตั้งคำถามว่า ค่าภาคหลวงที่รัฐได้รับแต่ละปี มันคุ้มกันหรือไม่ กับผลกระทบต่อชีวิตประชาชน และความสูญเสียที่เกิดขึ้นต่อแหล่งน้ำ ดิน พืชผัก ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอื่นๆ
แม้วันนี้จะยังเป็นข้อถกเถียงกันระหว่างคน 2 ฝ่ายว่า บรรดา “โลหะหนัก” ที่ปนเปื้อนเข้าสู่ร่างกายชาวบ้านและธรรมชาติที่อยู่โดยรอบเหมืองว่า จริงๆแล้วเกิดจาก “เหมือง” หรือสาเหตุอื่นกันแน่
แต่ถ้าลองสมมุติเป็นตัวเราซึ่งเป็นเพียงแค่ ตาสี ตาสา ก็ต้องถามกันตรงๆว่า พวกเขาเหล่านี้จะเอาปัญญาที่ไหนไปพิสูจน์ และเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ว่าเพิ่งเกิด แต่มันเกิดขึ้นมานาน เป็นข้อพิพาทถกเถียงกันมาไม่รู้กี่ปี แต่ที่ผ่านมากลไกของรัฐกลับทำเหมือนง่อยเปลี้ยเสียขา ไม่ได้ทำหน้าที่เข้าไปตรวจสอบดูแล
ดังนั้นการตัดสินใจของรัฐบาลครั้งนี้จึงเป็นการตัดสินใจบนพื้นฐานแห่งความถูกต้อง
เพราะประชาชนเขาเจ็บจริงได้รับสารปนเปื้อนจริง ป่วยจริง และตายจริง
แต่สิ่งที่จะต้องจับตามองกันต่อไป คือ กระบวนการเยียวยาฟื้นฟูคุณภาพชีวิตของชาวบ้านและทรัพยากรในพื้นที่โดยรอบ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วนที่รัฐจะต้องเข้าไปจัดการดูแลให้เกิดขึ้นโดยเร็ว ภายใต้การมีส่วนร่วมของประชาสังคมในพื้นที่
ที่สำคัญ คือ “ตัวการ” ผู้รับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น จะต้องไม่ปล่อยให้ลอยนวลออกไปอย่างเด็ดขาด เพราะนี่ไม่ได้เป็นปัญหาที่รัฐและชาวบ้านจะต้องมาแบกรับแต่ฝ่ายเดียว
นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่ต้องระวัง นั่นคือ หลังจากนี้บรรดาเหมืองทองเหมืองแร่ที่เหลือและยังสามารถดำเนินการต่อไปได้ตามอายุสัมปทานเดิม อาจมีการเร่งขุด เร่งสกัด เร่งถลุง กันอย่างหนักมือมากขึ้น เพื่อสร้างผลประโยชน์จากพื้นที่สัมปทานให้ได้มากที่สุดในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ ซึ่งแน่นอนว่า อาจทำให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของชุมชนรอบพื้นที่มากขึ้นเป็นเงาตามตัวเช่นกัน
นี่จึงเป็นปัญหาที่รัฐและประชาชนจะต้องจับตาและเฝ้าระวังเอาไว้กันให้เต็มที่
มะลิลา
