ไฟป่าพรุลามตากใบ นราฯเร่งทำแนวกั้น ‘ชาวบ้าน’อ่วมหนัก

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/215496

วันศุกร์ ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.

ไฟป่าพรุลามตากใบ

นราฯเร่งทำแนวกั้น

‘ชาวบ้าน’อ่วมหนัก

ผจญพิษหมอกควัน

เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ความคืบหน้าไฟไหม้ป่าพรุในพื้นที่ จ.นราธิวาส นายเรวัตร จันทนะ ผู้อำนวยการ (ผอ.) ส่วนควบคุมไฟป่าพื้นที่อนุรักษ์ที่ 6 จ.สงขลา นั่งเฮลิคอปเตอร์ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม บินสำรวจสถานการณ์ไฟไหม้ป่าในพื้นที่ 8 ตำบล 4 อำเภอ ของ จ.นราธิวาส ประกอบด้วย อ.สุไหงปาดี อ.สุไหงโกลก อ.บาเจาะและอ.ยี่งอ เพื่อปรับแผนการควบคุมไฟไหม้ป่าวันต่อวัน

จากการตรวจสอบพบว่า จุดเพลิงไหม้ที่ค่อนข้างรุนแรงเกิดจากต้นเพลิงที่คุกรุ่นอยู่ชั้นใต้ดินและได้ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง อันเป็นผลพวงของกระแสลมที่พัดแรงมีด้วยกัน3จุด คือ บ้านตาเซ๊ะใต้ ม.6 ต.ปะลุรู อ.สุไหงปาดี บ้านบาโงซรายอ ม.1 และบ้านลูโบ๊ะซามา ม.8 ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโกลก พบต้นเพลิงของไฟป่า กระจายลุกโชนเป็นหย่อมๆ และมีกลุ่มหมอกควันไฟป่าลอยขึ้นสู่บรรยากาศบนท้องฟ้า อีกทั้ง จากการบินสำรวจยังพบว่า มีไฟไหม้ป่าเพิ่มเติมอีก 1 จุดคือ บ้านโคกชุมบก หมู่.5 ต.บางขุนทอง อ.ตากใบ เบื้องต้น นายสมศักดิ์ สิทธิวรการ นายอำเภอตากใบได้ระดมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าไปดับไฟไหม้ป่าครั้งนี้แล้ว

ส่วนพื้นที่ที่เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถควบคุมได้ คือ จุดบ้านบาโงซรายอ ม.1 ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโกลก ที่เจ้าหน้าที่กำลังใช้รถแบ๊กโฮ 2 คัน เริ่มต้นเบิกทางเป็นแนวกันไฟจากบ้านซรายอ เพื่อให้มาจรด กับบ้านปอเนาะ หมู่.7 ต.ปะลุรู มีทางยาว 3 กิโลเมตรให้มาบรรจบกันเพื่อทำการล้อมกรอบไฟไหม้ป่าให้อยู่ในวงจำกัด เพื่อลดความสูญเสียพื้นที่ป่าพรุโต๊ะแดง เพิ่มอีก โดยแยกเป็นพื้นที่ป่าพรุชั้นนอก 300 ไร่ พื้นที่ป่าพรุชั้นใน 500 ไร่ ในจำนวนนี้ เป็นป่าพรุที่สมบูรณ์ถึง 200 ไร่

ด้าน นายสิทธิชัย ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า ในภาพรวมสามารถควบคุมไฟไหม้ป่าครั้งนี้ได้แล้ว เหลือเพียงจุด ที่บ้านบาโงซรายอ ม.1 ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโกลก ที่เจ้าหน้าที่ คาดว่าอีกประมาณ 3 วัน จะสามารถใช้รถแบคโฮ เบิกทางเป็นแนวกันไฟเพื่อล้อมกรอบจุดต้นเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้

ในส่วนที่จะดับไฟให้สนิท คงต้องรอการทำฝนหลวงที่สามารถทำให้ฝนตกลงมาตรงจุดรวมทั้ง ในช่วงสัปดาห์หน้าทางสถานีอุตุนิยมวิทยาจ.นราธิวาสได้รายงานว่าจะมีสภาวะฝนตกลงมาในช่วงนั้น คงจะสามารถดับไฟไหม้ป่าให้มอดสนิทลงได้ แต่ต้องใช้ปริมาณฝนที่ตกหนักและต่อเนื่องอย่างน้อย 1 วัน

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ภายหลังจากการเดินทางเข้าไปสำรวจไฟไหม้ป่าพรุพื้นที่ 2 ตำบล คือ 1.บ้านตะโละมีญอ ต.ตะปอเยาะและบ้านกาแร หมู่ 2 ต.ลูโบะบือซา อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส พบพื้นที่ไฟไหม้ป่าพรุ สวนปาล์ม และสวนยางพาราของชาวบ้านในพื้นที่ คลี่คลายลง ซึ่งดับลงมากกว่า 70% ได้รับความเสียหายกว่า 500 ไร่ แต่ยังมีกลุ่มควันล่องลอยอยู่ในบางจุด ส่วนใหญ่เป็นควันไฟที่มีไฟไหม้อยู่ใต้ดิน โดยมีชาวบ้านเฝ้าระวังตลอด24 ชั่วโมงและใช้รถจักรยานยนต์เข้าไปเวียนตรวจสอบดูจุดไหนยังมีไฟไหม้ป่าให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที คาดหากเจ้าหน้าที่ควบคุมพื้นที่ได้ น่าจะดับสนิทในเร็วๆนี้

ขณะที่ชาวบ้านบางส่วน มีอาการหายใจไม่ออก คัดจมูกไปและแสบตา เนื่องจากได้รับผลกระทบจากควันไฟ ล่าสุดทาง สาธารณสุขของ อ.ยี่งอ เข้าพื้นที่ให้คำปรึกษารวมทั้งให้ยาแก่ผู้ป่วน แจกหน้ากากชาวบ้านให้ได้รับผลกระทบให้น้อยที่สุดรวมทั้งแนะนำให้ปิดประตูหน้าต่างบ้านให้สนิทเพื่อลดควันอันตรายกับเด็กที่อาศัยอยู่ร่วมกัน

ส่วนสถานการณ์ไฟป่าได้ลุกไหม้ภูเขาทะลุในเขตติดต่อ 3 ตำบลของ อ.สวี จ.ชุมพร ไหม้นาน 5 วัน พื้นที่เสียหายหลายร้อยไร่นั้น นายกิตติ ฉายากุล หัวหน้าหน่วยป้องกันไฟป่า ชุมพร ผยว่าสถานการณ์ไฟป่าเขาทะลุ สามารถควบคุมไฟได้แล้ว หลังช่วงบ่ายมีฝนตกลงมาทำให้จุดที่ยังมีไฟป่าลุกไหม้ 3 จุด ดับไป 2 จุด เหลือเพียง 1 จุดอยู่ที่บริเวณหมู่ที่ 9 ตำบลเขาค่าย อ.สวี แต่ก็มีเพียง 10%

โดยเจ้าหน้าที่หน่วยดับไฟป่า ได้เข้าไปสนับสนุนภาคพื้นดินดับไฟป่าที่เปลวไฟร่วงลงมาจากภูเขาลงพื้นที่ใกล้ กับสวนปาล์มของชาวบ้านซึ่งเจ้าหน้าที่ยังต้องเฝ้าระวังเพราะอาจมีเชื้อไปปะทุลุกไหม้ขึ้นมาอีก สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือหินปูนบนภูเขาที่ถูกความร้อนแล้วเมื่อมาเจอฝน อาจจะพังลงมาได้จึงได้ประสานงานกับผู้นำชุมชน ให้เตือนชาวบ้านที่อยู่ใกล้บริเวณดังกล่าวระมัดระวัง

ขณะที่ กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศล่วงหน้า 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 12-14 พฤษภาคม บริเวณประเทศไทยตอนบน จะมีอากาศร้อนโดยทั่วไปกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวันและมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรง และมีลูกเห็บตกบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนวันที่ 15-18 พฤษภาคม บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีฝนฟ้าคะนองเพิ่มมากขึ้น ข้อควรระวังในระยะนี้ ขอให้ประชาชนบริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระมัดระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงและลูกเห็บที่จะเกิดขึ้น รวมถึงอยู่ห่างจากต้นไม้ใหญ่ป้ายโฆษณา และสิ่งก่อสร้างที่ไม่แข็งแรงไว้ด้วย

ส่วนสถานการณ์พายุฤดูร้อนและภัยแล้งในพื้นที่ต่างๆ นั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดพายุฝนพัดกระหน่ำและลมหมุนรุนแรงที่ อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ จนส่งผลให้อนุสาวรีย์รูปหล่อพระยาเสนาสงคราม เจ้าเมืองคนแรกผู้ก่อตั้งเมืองพุทไธสงซึ่งก่อสร้างมาเกือบ 20 ปี แตกหักเสียหายชาวบ้านต่างพากันนำดอกไม้ธูปเทียนกราบไหว้

นอกจากนี้จากการสำรวจความเสียหายเบื้องต้น พบว่า บ้านเรือนราษฎรใน ต.มะเฟือง ถูกพายุพัดพังร่วม 10 หลังคาเรือน ทั้งยังมีต้นไม้ และเสาไฟฟ้าหักโค่นอีกเป็นจำนวนมาก ทำให้ไฟฟ้าดับนานหลายชั่วโมง เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าต้องเข้ามาซ่อมแซมอย่างเร่งด่วน

ขณะที่อีกด้านหนึ่งประชาชนจาก 3 หมู่บ้าน ประกอบด้วย บ้านม่วงเหนือ หมู่ 5 บ้านม่วงใต้ หมู่ 8 และบ้านชุมทอง หมู่ 13 ต.พระครู อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ได้มาร้องเรียนขอความช่วยเหลือจากภาครัฐ เนื่องจากกำลังประสบปัญหาจากภัยแล้งอย่างหนัก โดยเฉพาะการประสานขอปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อมาเติมน้ำในสระน้ำกลางหมู่บ้านที่ใช้ผลิตประปาหล่อเลี้ยงประชาชนกว่า 300 ครัวเรือน เนื่องจากปัจจุบันมีสภาพตื้นเขินใกล้แห้งขอด

เช่นเดียวกับที่ จ.สุรินทร์ ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านผือ หมู่ 5 ต.รัตนบุรี อ.รัตนบุรี เพื่อขอให้ประสานงานความช่วยเหลือ เนื่องจากอ่างเก็บน้ำห้วยแก้ว ซึ่งเป็นแหล่งน้ำต้นทุนของประชาชนในพื้นที่กำลังลดระดับต่ำลงอย่างหนักจนถึงขั้นวิกฤติ จนเกรงว่าอาจมีน้ำใช้ได้ไม่ถึงสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้

Leave a comment