คลอดมาตรฐานบังคับฉบับแรก คุมเข้ม รมผลไม้สด ด้วยก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน

http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05129150159&srcday=2016-01-15&search=no

วันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2559 ปีที่ 28 ฉบับที่ 615

เรื่องเล่าจากสองข้างทาง

ธนสิทธิ์ เหล่าประเสริฐ

คลอดมาตรฐานบังคับฉบับแรก คุมเข้ม รมผลไม้สด ด้วยก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์

“กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ออกกฎกระทรวงเพื่อกำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตร เรื่องหลักปฏิบัติสำหรับกระบวนการรมผลไม้สด ด้วยก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ เป็นมาตรฐานบังคับฉบับแรกของประเทศไทย ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประกาศบังคับใช้ เพื่อควบคุมกระบวนการรมซัลเฟอร์ไดออกไซด์สำหรับผลไม้ เช่น ลำไย ลิ้นจี่” พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการประกาศออกกฎกระทรวงดังกล่าว

โดยหลักปฏิบัติสำหรับกระบวนการรมผลไม้สด ด้วยก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ จะเริ่มมีผลบังคับ ตั้งแต่ วันที่ 4 พฤษภาคม 2559 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เนื่องจากปัจจุบันมีการใช้กระบวนการรมผลไม้สดด้วยก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์อย่างแพร่หลาย เพื่อยืดอายุการเก็บรักษาผลไม้ให้คงความสดและสามารถวางจำหน่ายในตลาดได้นานขึ้น

“ก่อนที่มาตรฐานบังคับฉบับแรกนี้จะมีผลบังคับใช้ ผู้ประกอบการโรงรมซัลเฟอร์ไดออกไซด์ทุกขนาดทั่วประเทศกว่า 110 แห่ง จำเป็นต้องเร่งปรับตัวและเตรียมพร้อมรองรับการบังคับใช้มาตรฐานฯ โดยผู้ประกอบการ โรงรมซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ผู้นำเข้า และผู้ส่งออกผลไม้ดังกล่าวที่มีการรมซัลเฟอร์ไดออกไซด์จะต้องยื่นขออนุญาตกับทาง มกอช. ในขณะเดียวกันโรงรมซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ต้องขอการตรวจรับรองจากกรมวิชาการเกษตร หรือผู้ประกอบการตรวจสอบมาตรฐานที่ มกอช. กำหนดภายใน วันที่ 4 พฤษภาคม 2559” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าว

ด้าน นางสาวดุจเดือน ศศะนาวิน เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) กล่าวย้ำว่า ผู้นำเข้าและผู้ส่งออกผลไม้ดังกล่าว โดยเฉพาะลำไย ต้องปฏิบัติตามมาตรฐานฯ โดยเร่งปรับปรุงโรงรม ห้องรม ระบบบำบัดก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ รวมถึงเครื่องมือและอุปกรณ์ให้เป็นไปตามข้อกำหนดและหลักปฏิบัติ ในมาตรฐานฯ ที่สำคัญต้องมีกระบวนการรมซัลเฟอร์ไดออกไซด์อย่างถูกต้องและถูกวิธี โดยเฉพาะโรงรมลำไยสด ที่ต้องดำเนินการให้เสร็จตามกฎหมาย เพื่อรองรับผลผลิตที่จะออกสู่ตลาดในรอบกลางปี 2559 ซึ่งจะทำให้การส่งออกลำไยสดเกิดความคล่องตัว และไม่มีปัญหาตรวจพบซัลเฟอร์ไดออกไซด์ตกค้างเกินค่ามาตรฐานที่ประเทศผู้นำเข้าปลายทางกำหนด

การรมก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ในผลไม้สด มีโอกาสที่สารชนิดดังกล่าวจะตกค้างเกินค่ามาตรฐาน ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้บริโภค จึงจำเป็นต้องเร่งควบคุมกระบวนการรมเพื่อไม่ให้มีปริมาณซัลเฟอร์ไดออกไซด์ตกค้างเกินกว่าข้อกำหนดตามกฎหมาย เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคทั้งภายในและต่างประเทศ และสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพและความปลอดภัยของผลไม้ไทย และช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้กับสินค้าผลไม้ไทยในตลาดโลกด้วย

ทั้งนี้ ปัจจุบันมีการใช้กระบวนการรมผลไม้สด ด้วยก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์อย่างแพร่หลาย เพื่อยืดอายุการเก็บรักษาผลไม้ให้คงความสดและสามารถวางจำหน่ายในตลาดได้นานขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ลำไย

“ขณะนี้ ผู้ส่งออกลำไย ยังมีการรมซัลเฟอร์ไดออกไซด์ในลำไยสด เพื่อการส่งออก ทั้งลำไยในฤดูและนอกฤดู ซึ่งตลาดต่างประเทศมีความต้องการสูง โดยเฉพาะตลาดจีน อินโดนีเซีย และเวียดนาม จากตัวเลขตั้งแต่เดือนมกราคม-กันยายน 2558 ไทยมีการส่งออกลำไยสดแล้วกว่า 251,042.54 ตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 5,697.48 ล้านบาท คาดการณ์ว่า ปีนี้ปริมาณและมูลค่าการส่งออกลำไยสดจะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้น เมื่อมีมาตรฐานกำหนดออกมาบังคับใช้ จึงคาดว่าการส่งออกผลผลิตลำไยจากประเทศไทยจะมีมาตรฐานมากขึ้น ทำให้ไม่เสียตลาดการส่งออก รวมถึงจะปลอดภัยกับผู้บริโภคอีกด้วย” เลขาธิการ มกอช. กล่าว

ผู้ประกอบการสามารถขออนุญาตออนไลน์ (online) ได้ที่ tas.acfs.go.th หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่ กองควบคุมมาตรฐาน สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โทร. (02) 579-4140, (02) 561-2277 ต่อ 1710 หรือ 1712

Leave a comment