ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน
http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05018150159&srcday=2016-01-15&search=no
| วันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2559 ปีที่ 28 ฉบับที่ 615 |
บันทึกไว้เป็นเกียรติ
ทวีศักดิ์ ชัยเรืองยศ
“มะม่วงไต้หวัน” ทางเลือกใหม่ ของ การปลูกมะม่วงในประเทศไทย ปี 2559
สำหรับ ตลาด ในประเทศไทย พฤติกรรมการบริโภคมะม่วงในตลาดเมืองใหญ่ๆ ที่มีกำลังซื้อสูง มะม่วงต่างประเทศที่มีผิวสีแดง รสชาติอร่อย ไม่มีกลิ่นเหม็นขี้ไต้ ได้รับความนิยมมากขึ้นเป็นลำดับ และขายได้ราคาดีกว่ามะม่วงสายพันธุ์ไทย เพราะมีความแปลก คนซื้ออยากลองกินหรือซื้อไปเป็นของฝาก ดังนั้น มะม่วงสายพันธุ์ต่างประเทศแปลกและหายาก จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการปลูกมะม่วงในอนาคต โดยแหล่งสายพันธุ์มะม่วงที่กำลังได้รับความนิยมและนำเข้ามาปลูกเป็นจำนวนมากในขณะนี้คือ มะม่วงจากไต้หวัน ที่ในแต่ละปีไต้หวันจะมีมะม่วงสายพันธุ์ใหม่ๆ ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง เพราะไต้หวันมีหน่วยงานรัฐที่มุ่งเน้นปรับปรุงไม้ผลอย่างต่อเนื่อง ให้เป็นทางเลือกของผู้ซื้อและมองถึงตลาดส่งออกที่ในอนาคตรสนิยมของตลาดอาจจะเปลี่ยนไป เช่น เมื่อตลาดต้องการมะม่วงผลกลมหรือผลยาวหรือผลใหญ่หรือผลเล็ก ทางภาครัฐของไต้หวันเองก็มีสายพันธุ์ตามที่ตลาดมีความต้องการไว้รองรับ และพร้อมที่จะส่งเสริมให้เกษตรกรเปลี่ยนมาปลูกมะม่วงสายพันธุ์ใหม่ที่ตลาดมีความต้องการ เป็นต้น
มะม่วงลูกผสม “ไต้หวัน T1”
ในแปลงปลูกมะม่วงของศูนย์ปรับปรุงพันธุ์ไม้ผลเมืองไทนัน เกาะไต้หวัน มีการพัฒนาสายพันธุ์มะม่วงให้สีผิวมีสีแดงมากขึ้น มีพันธุ์มะม่วงลูกผสมพันธุ์ใหม่หลายสายพันธุ์ มะม่วงลูกผสมพันธุ์ใหม่บางสายพันธุ์ของศูนย์แห่งนี้ได้ปรับปรุงพันธุ์ให้ผลมีสีแดงออกม่วงตั้งแต่ระยะผลอ่อน ชมรมเผยแพร่ความรู้ทางการเกษตรได้ยอดมะม่วงลูกผสมพันธุ์ใหม่จากแปลงทดลองของศูนย์แห่งนี้มาหลายสายพันธุ์ และเมื่อกลับมาถึงเมืองไทยได้นำยอดพันธุ์มะม่วงเหล่านั้นมาเสียบฝากยอดไว้กับต้นมะม่วง R2 E2 และมะม่วงน้ำดอกไม้ ที่สวนคุณลี จังหวัดพิจิตร เวลาผ่านไป 3 ปี มะม่วงลูกผสมของไต้หวันหลายสายพันธุ์ได้เจริญเติบโตและพร้อมที่จะให้ผลผลิต โดยหนึ่งในนั้นทางชมรมเผยแพร่ความรู้ทางการเกษตร ได้ตั้งชื่อมะม่วงลูกผสมว่า T1 (T ย่อมาจาก Taiwan) ฤดูกาลที่ผ่านมา มะม่วง T1 ได้มีการออกดอกและติดผล สิ่งที่สังเกตได้อย่างชัดเจนว่า ในระยะที่ผลมะม่วง T1 มีการติดผลเท่ากับนิ้วก้อย ผิวที่ผลจะเริ่มเปลี่ยนจากสีเขียวมาเป็นสีม่วงแดง โดยเมื่อผลมีขนาดใหญ่ขึ้นสีของผิวจะออกสีม่วงเข้มขึ้น และเมื่อผลแก่จะมีสีม่วงทั้งผล มีน้ำหนักผลเฉลี่ย 0.8-1.5 กิโลกรัม จัดเป็นมะม่วงกินสุกที่รสชาติหวาน กินอร่อย เนื้อมีสีเหลืองละเอียดเนียน ไม่มีเสี้ยน มะม่วงไต้หวันพันธุ์ T1 (TAIWAN เบอร์ 1) เมื่อผลแก่และนำมาวางขายด้วยผิวผลที่มีสีม่วงเข้มจะดึงดูดผู้ซื้อได้เป็นอย่างดี และคาดว่าจะเป็นมะม่วงอีกสายพันธุ์หนึ่ง ที่จะมีชาวสวนมะม่วงไทยขยายพื้นที่ปลูกกันมากขึ้นในอนาคต ปัจจุบัน ทางสวนคุณลี ได้ขยายพื้นที่ปลูกมะม่วงไต้หวัน T1 มากขึ้น ด้วยมั่นใจว่าปลูกและสามารถบังคับให้ออกนอกฤดูในประเทศไทยได้เป็นอย่างดี และเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการบริโภคมะม่วงในประเทศไทย และต่อมาไม่นานยอดมะม่วงลูกผสมสายพันธุ์อื่นที่เสียบฝากยอดไว้ที่สวนคุณลีก็ออกดอกและติดผล โดยตั้งชื่อว่า มะม่วงลูกผสมไต้หวัน T2 (TAIWAN เบอร์ 2) ที่กำลังจะเปิดตัว ซึ่งเป็นมะม่วงลูกผสมที่โดดเด่นเรื่องของสีผิวที่มีสีแดงอมม่วงเข้มสลับกับสีเหลืองสด ผิวมันเงา ดึงดูดสายตาเป็นอย่างมาก สีผิวยิ่งบ่มสุกแล้วยิ่งสีสวยมาก จากที่ปลูกที่สวนคุณลี จังหวัดพิจิตร พบว่าเป็นสายพันธุ์มะม่วงที่ออกดอกและติดผลง่าย ติดผลเป็นพวงและติดผลดกมาก ขนาดผล ประมาณ 3-4 ผล ต่อกิโลกรัม เนื้อสุกมีสีเหลืองเข้ม รสชาติหวานจัด เนื้อละเอียด มีกลิ่นหอม ไม่เหม็นขี้ไต้เลยกินกับข้าวเหนียวมะม่วงได้อร่อยมาก ไม่แพ้มะม่วงอกร่องทีเดียว เนื้อหนา เมล็ดลีบ สามารถชะลอการเก็บเกี่ยวโดยปล่อยให้แก่อยู่บนต้นได้นานพอสมควร และจุดเด่นอีกประการคือ สามารถเก็บรักษาผลสุกในอุณหภูมิปกติได้นานมากแม้ผิวผลข้างนอกจะสุกเหี่ยวย่นแล้ว แต่เนื้อมะม่วงลูกผสมไต้หวัน T2 ยังไม่เน่า เป็นสายพันธุ์ที่น่าสนใจ และขยายพื้นที่ปลูกเป็นเชิงการค้าเป็นอย่างมาก
“ไข่มุกแดง” มะม่วงยักษ์พันธุ์ใหม่ ที่มีน้ำหนักผลถึง 3 กิโลกรัม
ขณะนี้ไต้หวันได้เริ่มมีการเผยแพร่มะม่วงพันธุ์ใหม่ ที่มีชื่อว่า “พันธุ์หงจู” หรือถ้าแปลและเรียกชื่อเป็นภาษาไทย มีชื่อว่า “พันธุ์ไข่มุกแดง” เป็นมะม่วงประเภทกินสุกเหมือนกับพันธุ์อี้เหวิน เบอร์ 6 และเป็นสายพันธุ์ที่มีขนาดผลใหญ่มาก มีน้ำหนักผลเฉลี่ย ตั้งแต่ 1.5-3.0 กิโลกรัม ลักษณะผลทรงกลมใหญ่ เมื่อสุกเนื้อละเอียดเนียน รสชาติหวาน โดยผิวผลมีสีแดงเข้ม สีสวยมาก และกำลังได้รับความนิยมปลูกแพร่หลายมากขึ้น และมีการปรับปรุงมะม่วงสายพันธุ์นี้และส่งเสริมเผยแพร่ให้เกษตรกรไต้หวันปลูกมานานประมาณ 5 ปี เกษตรกรไต้หวันเริ่มขยายพื้นที่ปลูกกันมากขึ้น เพราะตลาดมีความต้องการมะม่วงสายพันธุ์นี้มากขึ้น ซึ่งทางชมรมเผยแพร่ความรู้ทางการเกษตร ได้ซื้อผลมะม่วงพันธุ์ไข่มุกแดงดิบกลับมาประเทศไทย และนำมาบ่มให้สุกและกิน ผลปรากฏว่า มีรสชาติหวานและมีเนื้อละเอียดเนียน ที่สำคัญจัดเป็นสายพันธุ์มะม่วงที่เมล็ดลีบ เนื้อเยอะมาก ปัจจุบัน เกษตรกรไต้หวันนำยอดมะม่วงพันธุ์ไข่มุกแดงไปเสียบฝากท้องต้นมะม่วงอ้ายเหวินกันมากขึ้น
มะม่วงไต้หวัน พันธุ์ “อี้เหวิน เบอร์ 6”
มะม่วงพันธุ์ “อี้เหวิน เบอร์ 6” มีถิ่นกำเนิดที่ไต้หวัน และเป็นมะม่วงลูกผสมระหว่างพันธุ์ “จินหวง” กับมะม่วงพันธุ์ “อ้ายเหวิน” (มะม่วงอ้ายเหวิน เป็นมะม่วงสายพันธุ์เดียวกับ พันธุ์เออร์วิน) มะม่วงลูกผสมพันธุ์ “อี้เหวิน เบอร์ 6” สายพันธุ์นี้ได้มีการนำยอดพันธุ์มาเสียบยอดในประเทศไทย ประมาณ 4-5 ปี มาแล้ว ได้นำมาเผยแพร่ให้เกษตรกรได้ขยายพื้นที่ปลูก เนื่องจากต้นพันธุ์ที่ปลูกในสวนได้เริ่มให้ผลผลิตแล้ว ผลปรากฏว่าเป็นมะม่วงที่มีลักษณะเด่นและรสชาติดี คือมีผลขนาดใหญ่ น้ำหนักผลเฉลี่ย 1.0-1.5 กิโลกรัม บริโภคได้ทั้งดิบและสุก ในระยะผลดิบหรือห่ามจะมีรสชาติหวานมัน (ไม่มีเปรี้ยวปน) ระยะผลสุกเนื้อจะมีรสชาติหวานหอม ไม่เละ ไม่มีเสี้ยน และไม่มีกลิ่นขี้ไต้ ที่สำคัญสีของผลมีสีม่วงดึงดูดใจแก่ผู้พบเห็น จัดเป็นมะม่วงแปลกและหายาก ปลูกและให้ผลผลิตได้ในประเทศไทย มะม่วงพันธุ์อี้เหวิน เบอร์ 6 เป็นมะม่วงอีกสายพันธุ์หนึ่งที่ปลูกง่ายและเริ่มให้ผลผลิตเมื่อต้นมีอายุเฉลี่ยได้ 3-4 ปี จากการสังเกตพบว่าออกดอกและติดผลดีทุกปี
พันธุ์ “จินหวง” และ พันธุ์ “อ้ายเหวิน”
ประวัติความเป็นมาการปลูกมะม่วงของไต้หวัน เริ่มจากมีการนำพันธุ์มะม่วงจากประเทศเนเธอร์แลนด์มาปลูกเป็นครั้งแรก (แต่ไม่ทราบรายละเอียดว่านำเข้ามาในปีใด) ต่อมาในปี พ.ศ. 2508 ไต้หวัน ได้มีการนำพันธุ์มะม่วงจากสหรัฐอเมริกา จำนวน 100 ต้น มาปลูกทางภาคใต้ของไต้หวัน ผลปรากฏว่าต้นมะม่วงตายไป 96 ต้น เหลือรอดตายเพียง 4 ต้น เท่านั้น (ซึ่งมีพันธุ์เออร์วินรอดตายด้วย) เนื่องจากต้นมะม่วงปรับตัวเข้ากับสภาพอากาศที่หนาวเย็นของไต้หวันไม่ได้ ตั้งแต่นั้นมาไต้หวันได้มีการพัฒนาสายพันธุ์มะม่วงจนปัจจุบันและปลูกในเชิงพาณิชย์อยู่ 2 สายพันธุ์หลักๆ คือ พันธุ์ “จินหวง” และ พันธุ์ “อ้ายเหวิน” ซึ่งเป็นพันธุ์เดียวกับ พันธุ์เออร์วิน ไต้หวันปลูกมะม่วงพันธุ์เออร์วินเพื่อการส่งออก คนไต้หวันเรียกมะม่วงพันธุ์เออร์วินว่า “อ้ายเหวิน” และเป็นสายพันธุ์มะม่วงที่ไต้หวันมีพื้นที่ปลูกมากที่สุดในปัจจุบันนี้ เนื่องจากเป็นสายพันธุ์ที่ถูกใจคนญี่ปุ่นและส่งออกไปขายญี่ปุ่นมากที่สุดในช่วงเดือนมิถุนายน-สิงหาคม ของทุกปีผลผลิตจะออกมากในช่วงเดือนกรกฎาคม มะม่วงสายพันธุ์นี้จัดเป็นมะม่วงที่มีผลขนาดปานกลาง ความยาวของผลประมาณ 12 เซนติเมตร น้ำหนัก 300-350 กรัม ต่อผล โดยประมาณ รูปร่างค่อนข้างยาวรีหรือรูปไข่ ติดผลดกมาก ระยะผลดิบจะมีจุดประสีแดงบริเวณไหล่และแก้มผลผิวผลสุกมีสีแดงประสีเลือดนก จัดเป็นมะม่วงกินสุก เมื่อสุกเนื้อมีสีเหลืองทอง ไม่มีเสี้ยน กลิ่นไม่แรง รสชาติหวานประมาณ 11-12 บริกซ์ ความจริงแล้วมะม่วงพันธุ์เออร์วินนิยมมากที่สุดในไต้หวัน ประกอบกับสีผิวเปลือกมีสีแดงเข้ม ซึ่งคนจีนจะชอบมากเป็นพิเศษ และมะม่วงอ้ายเหวินยังถูกนำไปแปรรูปเป็นขนม น้ำผลไม้ เบียร์มะม่วง และอีกมากมายที่ไต้หวันพยายามคิดค้นเพิ่มมูลค่าจากมะม่วง รวมถึงผลไม้ชนิดอื่นๆ ที่ปลูกและผลิตขึ้นในไต้หวัน
ในส่วนของมะม่วง พันธุ์ “จินหวง” นั้น ก่อนอื่นจะต้องทำความเข้าใจเสียก่อนว่า มะม่วงพันธุ์จินหวงเป็นสายพันธุ์มะม่วงของไต้หวันเอง โดยตั้งชื่อตามชื่อของเกษตรกรที่พบ ซึ่งเป็นมะม่วงสายพันธุ์ที่เกิดจากการผสมตามธรรมชาติระหว่างพันธุ์ไวท์และพันธุ์ไคท์ของสหรัฐอเมริกา ต่อมาได้มีการนำพันธุ์มาปลูกในประเทศไทย โดย รองศาสตราจารย์ฉลองชัย แบบประเสริฐ บอกว่า มูลนิธิโครงการหลวงและสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) ได้มะม่วงพันธุ์จินหวง ซึ่งเป็นพันธุ์ที่นำเข้าจากไต้หวัน ลักษณะทรงผลกลมยาว ก้นผลงอนและค่อนข้างแหลม ผลมีขนาดใหญ่และมีน้ำหนักผลประมาณ 600-1,300 กรัม ต่อผล ประกอบด้วยเนื้อ ประมาณ 83% กินได้ทั้งดิบและสุก เมื่อผลแก่จัดจะมีรสชาติมัน และเมื่อผลสุกสีของผลจะมีสีเหลืองอมส้ม รสชาติหวานและได้ใช้ชื่อภาษาไทยว่า “พันธุ์นวลคำ” ต่อมาได้มีการนำมะม่วงสายพันธุ์นี้มาปลูกในสภาพพื้นที่ราบของประเทศไทย ทำให้ผลผลิตแก่และเก็บเกี่ยวได้ก่อนบนพื้นที่สูง และได้มีการตั้งชื่อสายพันธุ์ใหม่อีกหลายชื่อ ทั้งๆ ที่น่าจะเป็นสายพันธุ์เดียวกันกับพันธุ์จินหวงของไต้หวัน ความจริงแล้วมะม่วงจินหวงที่ห่อผลด้วยถุงห่อคาร์บอนชุนฟง จะทำให้สีผิวมีสีเหลืองสวยเหมือนกับมะม่วงน้ำดอกไม้ และถ้าจะบริโภคให้มีรสชาติหวานอร่อยที่สุด ควรจะเก็บผลผลิตมะม่วงพันธุ์จินหวงที่ความแก่ ประมาณ 80% นอกจากการกินสุกแล้ว มะม่วงจินหวงดิบที่แก่จัดจะมีรสเปรี้ยวอมมันเล็กน้อย ที่ถนนคนเดินที่ไต้หวันจะนำมาสับเป็นชิ้นเล็กๆ กินกับผงน้ำจิ้มบ๊วยอีกด้วย
ช่วงเดือนสิงหาคม 2557 ที่ผ่านมา ผู้เขียนได้มีโอกาสไปดูงานที่เกาะไต้หวันอีกครั้งหนึ่ง เป็นครั้งที่ 5 และในครั้งนี้ได้เข้าชมแปลงปลูกมะม่วงของศูนย์ปรับปรุงพันธุ์ไม้ผลเมืองไทนันอีกครั้งหนึ่ง มีโอกาสได้เห็นมะม่วงพันธุ์ “งาช้างแดง” ซึ่งมีขนาดผลใหญ่และยาวมาก รูปทรงของผลยาวงอนคล้ายงาช้าง เปลือกผลขณะยังดิบเป็นสีเขียวปนม่วง เมื่อสุกเป็นสีแดงอมชมพูตลอดทั้งผิวเปลือก วัดความยาวผลได้ถึง 25 เซนติเมตร มีน้ำหนักผลเฉลี่ย 1.5-3.0 กิโลกรัม เนื้อสุกมีสีเหลืองส้ม มีรสชาติหวานหอม เนื้อหนามาก เมล็ดลีบบางเพียง 1 เซนติเมตร เท่านั้นเอง เมื่อชั่งเมล็ดหนักไม่ถึง 100 กรัม โดยน้ำหนักเนื้อสุกมากกว่า 1 กิโลกรัม เลยทีเดียว ซึ่งทางสวนคุณลี จังหวัดพิจิตร ได้ต้นพันธุ์มะม่วง “งาช้างแดง” มาปลูกในประเทศไทยแล้ว และให้ผลผลิตออกดอกติดผลขนาดใหญ่มากเช่นเดียวกันกับไต้หวันเมื่อปลูกที่จังหวัดพิจิตร
สนใจกิ่งพันธุ์มะม่วงสายพันธุ์ไต้หวันแท้ ติดต่อได้ที่ สวนคุณลี จังหวัดพิจิตร โทร. (081) 901-3760