ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน
http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05055150159&srcday=2016-01-15&search=no
| วันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2559 ปีที่ 28 ฉบับที่ 615 |
จัดการดินและน้ำ-ฝ่าภัยแล้ง
กุลดิลก แก้วประพาฬ
ฤดูแล้งนี้มาปลูก ถั่วเหลืองหลังนา เพิ่มรายได้บำรุงดิน
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้คาดการณ์ไว้ ในฤดูแล้ง ปี 2558/2559 ที่จะถึงนี้ มีปริมาณน้ำต้นทุนจากแหล่งกักเก็บน้อย ขอความร่วมมือเกษตรกรงดทำนาปรัง เพราะอาจเสี่ยงต่อผลผลิตเสียหาย โดยเฉพาะในเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยา สำนักส่งเสริมและพัฒนาการเกษตร เขตที่ 9 จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่เขตลุ่มน้ำเจ้าพระยา ป่าสัก และสะแกกรัง 9 จังหวัด ภาคเหนือตอนล่าง คือ อุทัยธานี นครสวรรค์ กำแพงเพชร พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย อุตรดิตถ์ ตาก ขอแนะนำให้เกษตรกรปลูกพืชอายุสั้นที่ใช้น้ำน้อย แทนการปลูกข้าวนาปรัง ซึ่งใช้น้ำในปริมาณที่มาก
การปลูกถั่วเหลืองหลังนา หลังเก็บเกี่ยวข้าวฤดูนาปีเป็นพืชเศรษฐกิจอายุสั้นชนิดหนึ่งที่ขอแนะนำ เนื่องจากใช้น้ำน้อย เพียง 480-500 ลูกบาศก์เมตร ต่อไร่ อายุเก็บเกี่ยวสั้น 80-100 วัน และยังเป็นพืชบำรุงดิน มีผลการวิจัยที่ยืนยันว่าพื้นที่ปลูกพืชตระกูลถั่วสามารถเพิ่มผลผลิตข้าวในฤดูนาปีได้
สถาบันวิจัยพืชไร่ กรมวิชาการเกษตร (2547) มีคำแนะนำไว้ ดังนี้
สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ถั่วเหลืองเจริญเติบโตได้ในดินเกือบทุกชนิด ตั้งแต่ดินร่วนปนทรายจนถึงดินเหนียว แต่ไม่ทนทานต่อสภาพน้ำท่วมถึง ดินเค็ม และกรดจัด ถั่วเหลืองจะงอกภายใน 4-5 วัน หลังหยอดเมล็ด แต่ถ้าอุณหภูมิต่ำกว่า 15 องศาเซลเซียส เมล็ดจะงอกช้าลง อาจใช้เวลานาน 8-10 วัน
พันธุ์ พันธุ์แนะนำของกรมวิชาการเกษตร มีหลายพันธุ์ในเขตภาคเหนือตอนล่าง มีพันธุ์ถั่วเหลืองที่แนะนำ คือ
พันธุ์นครสวรรค์ 1 ลักษณะลำต้นไม่ทอดยอด ดอกสีม่วง อายุเก็บเกี่ยว ประมาณ 78 วัน ฝักมีขนาดใหญ่ ฝักแห้งมีสีน้ำตาล ฝักแตกง่าย เมล็ดสีเหลืองนวล ขนาดใหญ่ค่อนข้างแบน ขั้วเล็กแก่สีน้ำตาลอ่อน น้ำหนัก 100 เมล็ด 18-20 กรัม ไม่ต้านทานต่อโรคราน้ำค้าง และโรคราสนิม ผลผลิต 220 กิโลกรัม ต่อไร่
พันธุ์เชียงใหม่ 2 ลักษณะลำต้นไม่ทอดยอด ดอกสีม่วง อายุเก็บเกี่ยว เมื่อปลูกต้นฤดูฝนและปลายฤดูฝน เฉลี่ย 80 และ 72 วัน ถ้าปลูกฤดูแล้งมีอายุเก็บเกี่ยว 78 วัน น้ำหนัก 100 เมล็ด 15.6 กรัม หัวเมล็ดแก่ มีสีน้ำตาล ผลผลิต 235 กิโลกรัม ต่อไร่
พันธุ์ สจ. 5 ลักษณะลำต้นไม่ทอดยอด ดอกสีม่วง อายุเก็บเกี่ยว ประมาณ 105 วัน น้ำหนัก 100 เมล็ด 14-15 กรัม เมล็ดกลมผิวสีเหลืองมัน ขั้วเมล็ดแก่ค่อนข้างเล็ก มีสีน้ำตาลอ่อน ฝักค่อนข้างเหนียว ไม่แตกง่าย เหมาะสำหรับใช้ปลูกในฤดูฝน
พันธุ์เชียงใหม่ 60 ลักษณะลำต้นไม่ทอดยอด ดอกสีขาว อายุเก็บเกี่ยว ประมาณ 100 วัน น้ำหนัก 100 เมล็ด 16-18 กรัม เมล็ดกลมสีเหลือง ขั้วเมล็ดแก่มีสีน้ำตาล ถ้าปลูกในดินเหนียวน้ำขังแฉะเมล็ดจะไม่งอก ผลผลิต 300-320 กิโลกรัม ต่อไร่
พันธุ์เชียงใหม่ 6 ลักษณะโคนต้นอ่อนมีสีม่วง ลักษณะต้นไม่ทอดยอด ดอกสีม่วง ฝักแก่สีน้ำตาลเข้ม น้ำหนัก 100 เมล็ด เฉลี่ย 13.5-14.8 กรัม รูปร่างเมล็ดค่อนข้างกลม ขั้วเมล็ดมีสีน้ำตาล ฝักแก่สีน้ำตาลเข้ม ทนทานต่อโรคราสนิม และต้านทานต่อโรคราน้ำค้าง สูงกว่าพันธุ์ สจ. 5 และเชียงใหม่ 60 อายุเก็บเกี่ยว 90-99 วัน ผลผลิตเฉลี่ย 322 กิโลกรัม ต่อไร่
การเตรียมดิน การปลูกถั่วเหลืองในนาที่มีชลประทานหลังการเก็บเกี่ยวข้าวไม่จำเป็นต้องไถพรวนดิน แต่ต้องขุดร่องรอบและผ่านกลางนา เพื่อใช้เป็นร่องให้น้ำและระบายน้ำออกจากแปลง ทำให้เกิดเป็นแนวปลูก กว้าง 3-5 เมตร
ฤดูปลูก ฤดูที่เหมาะสมคือ ฤดูแล้ง เดือนธันวาคม ต้นฤดูฝน พฤษภาคม-กลางมิถุนายน ปลายฤดูฝน กลางเดือนกรกฎาคม-เดือนสิงหาคม
อัตราปลูก การปลูกแบบโรยเป็นแถว ควรมีประชากร 80,000-96,000 ต้น ต่อไร่ โดยใช้ระยะระหว่างแถว 40-50 เซนติเมตร หรืออาจปลูกเป็นหลุม ระยะ 50×20 เซนติเมตร จำนวน 4 ต้น ต่อหลุม จะมีจำนวนต้น 64,000 ต้น ต่อไร่ โดยใช้เมล็ดพันธุ์ 12-15 กิโลกรัม ต่อไร่ ถ้าปลูกโดยวิธีหว่าน จะใช้เมล็ดพันธุ์ 15-20 กิโลกรัม ต่อไร่
ไรโซเบียม ควรคลุกเมล็ดถั่วเหลืองด้วยไรโซเบียมก่อนหยอดเมล็ด
การกำจัดวัชพืช
1. กำจัดวัชพืช 1-2 ครั้ง เมื่ออายุถั่วเหลือง ประมาณ 20 และ 35 วัน หลังงอก โดยใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสมในท้องถิ่น
2. ใช้ฟางคลุมพื้นดิน หลังปลูกถั่วเหลืองแทนการเผาฟาง ช่วยให้ไม่ต้องกำจัดวัชพืช
3. การใช้สารเคมีกำจัดวัชพืช (เลือกใช้ชนิดเดียว หรือเป็นสารผสมตามคำแนะนำ)
ในการปลูกถั่วเหลืองที่มีการเตรียมดิน อาจใช้สารอะลาคลอร์ หรือเมโทลาคลอร์ อัตรา 500-625 ซีซี ต่อไร่ พ่นทันทีหลังปลูก กำจัดวัชพืชใบแคบและใบกว้างที่เกิดจากเมล็ด
ในการปลูกที่มีและไม่มีการไถเตรียมดิน ใช้สารฟลูอะซิฟอป-พี-บิวทิล 160 ซีซี ต่อไร่ หรือสารควิซาโลฟอป-พี-เทฟูริล 200 ซีซี ต่อไร่ พ่นระยะวัชพืช 4-5 ใบ กำจัดวัชพืชใบแคบ หรือใช้ผสมกับสารฟอเมซาเฟน 160 ซีซี ต่อไร่ กำจัดวัชพืชได้ทั้งใบแคบและใบกว้าง
การใช้ปุ๋ย ในสภาพข้าวโดยการปลูกถั่วเหลืองหลังนา
ระบบที่ 1 ปีที่ 1 หว่านหินฟอสเฟต 200 กิโลกรัม ต่อไร่ ก่อนไถพรวนดินและปุ๋ยยูเรีย 20 กิโลกรัม ต่อไร่ (แบ่งใส่เท่ากันขณะปักดำและเมื่อข้าวตั้งท้อง) คลุกเมล็ดถั่วเหลืองด้วยไรโซเบียมก่อนปลูก
ระบบที่ 2 ใส่ปุ๋ยนา 16-20-0 ทุกปี และปุ๋ยยูเรีย 10 กิโลกรัม ต่อไร่ เมื่อข้าวตั้งท้องคลุกเมล็ดถั่วเหลืองด้วยไรโซเบียมก่อนปลูก หรือใส่ปุ๋ยนา 16-20-0 บางปี และปุ๋ยยูเรีย 10 กิโลกรัม ต่อไร่ เมื่อข้าวตั้งท้อง โดยคลุกเมล็ดด้วยไรโซเบียม และหว่านปุ๋ย สูตร 0-46-0 อัตรา 5-10 กิโลกรัม ต่อไร่ ให้ถั่วเหลือง
ระบบที่ 3 ไม่ใส่ปุ๋ยนาข้าว ให้คลุกเมล็ดถั่วเหลืองด้วยไรโซเบียม แล้วหว่านปุ๋ย สูตร 0-46-0 อัตรา 10-20 กิโลกรัม ต่อไร่
ในสภาพดินไร่ ใช้ปุ๋ย สูตร 12-4-12 อัตรา 25 กิโลกรัม ต่อไร่ หรือ สูตร 15-15-15 อัตรา 40 กิโลกรัม ต่อไร่
การป้องกันกำจัดแมลง ป้องกันกำจัดหนอนแมลงวันเจาะลำต้น โดยใช้สารฆ่าแมลงคาร์โบฟู-ราน ใส่ลงดินก่อนปลูก หรือพ่นสารฆ่าแมลงไตรอะโซฟอส (ออสตราธีออน 40% อีซี 50 ซีซี ผสมน้ำ 20 ลิตร) เมื่อถั่วเริ่มงอก ไม่เกิน 7-10 วัน ถ้าพบแมลงหวี่ขาว ควรพ่นสารอิมิดาโคลพริด อัตรา 10 ซีซี ผสมน้ำ 20 ลิตร พ่นในระยะก่อนที่ถั่วจะออกดอก 2-3 ครั้ง และพ่นระยะติดฝักอ่อน และฝักยาวเต็มที่อีก 2 ครั้ง
การป้องกันกำจัดโรค ถั่วเหลืองที่ปลูกช่วงปลายฤดูฝนและฤดูแล้ง จะพบการระบาดของโรคราน้ำค้าง สังเกตอาการได้จากการที่ปรากฏเป็นจุดสีเหลืองแกมเขียวที่ด้านบนใบ และต่อมาแผลจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแดง และพบเส้นใยของเชื้อราสีเทา หรือเทาอมม่วง ลักษณะฟูที่ใต้ใบ สามารถป้องกันได้โดยใช้พันธุ์ต้านทาน หรือคลุกเมล็ดก่อนปลูกด้วยเมทาแลกซิล อัตรา 7 กรัม ต่อเมล็ด 1 กิโลกรัม หรือพ่นด้วยสารป้องกันเชื้อรา เช่น แอนทราโคล หรือ ไดเทนเอ็ม 45 หรือ แมนโคเซบ อัตรา 30 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร ประมาณ 5-7 ครั้ง เมื่อถั่วเหลืองอายุ 30 วัน และทุก 10 วัน เมื่อพบว่ามีการระบาดมากขึ้นในปลายฤดูฝน มักพบโรคราสนิมระบาด ควรพ่นสารไตรอะดิมิฟอน อัตรา 10 กรัม ผสมน้ำ 20 ลิตร หลังปลูก 30 และ 45 วัน เพื่อป้องกันโรค
การเก็บเกี่ยว ควรรีบเก็บเกี่ยวเมื่อใบร่วงและฝักแก่เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล ร้อยละ 95 ของจำนวนฝักทั้งหมด แล้วผึ่งแดด 2-4 วัน จนเมล็ดเหลือความชื้นประมาณ 14% จึงนำไปนวดด้วยเครื่องนวดถั่วเหลือง ที่มีความเร็วรอบ 350 รอบ ต่อนาที
ต้นทุนและรายได้ต่อไร่ สำนักส่งเสริมและพัฒนาการเกษตร เขตที่ 9 จังหวัดพิษณุโลก ได้เก็บข้อมูลต้นทุนการผลิตและรายได้จากการปลูกถั่วเหลืองของเกษตรกรศูนย์ถั่วเหลืองชุมชนเขตพื้นที่รับผิดชอบ ซึ่งปลูกในฤดูแล้ง ปี 2557/2558 จำนวน 5 ศูนย์ถั่วเหลืองชุมชน ในพื้นที่ 4 จังหวัด พบว่า การผลิตถั่วเหลือง มีต้นทุนเฉลี่ย 3,804 บาท ต่อไร่ ได้ผลผลิตเฉลี่ย 332 กิโลกรัม ต่อไร่ จำหน่ายได้ในราคาเฉลี่ย 14.90 บาท ต่อกิโลกรัม มีรายได้ที่ยังไม่หักต้นทุน ไร่ละ 4,947 บาท เมื่อหักต้นทุนแล้ว มีกำไร เฉลี่ยไร่ละ 1,893 บาท
เพิ่มผลผลิตข้าวในฤดูนาปี มีผลการวิจัยของศูนย์วิจัยพืชไร่ เชียงใหม่ กรมวิชาการเกษตร รายงานไว้ ปี 2558 การวิจัยพบว่า การปลูกถั่วเหลืองหลังฤดูทำนา จะช่วยเพิ่มผลผลิตข้าวได้ 35-82 กิโลกรัม ต่อไร่ ทำให้รายได้ของเกษตรกร เพิ่ม 943-1,381 บาท ต่อไร่ เมื่อเปรียบเทียบกับวิธีการปลูกเดิมของเกษตรกร
การปลูกถั่วเหลืองในฤดูแล้ง หลังเก็บเกี่ยวข้าวฤดูนาปี จึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ ที่สามารถทดแทนการปลูกข้าวนาปรัง และยังช่วยเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดินได้อีกด้วย