ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน
http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05051150159&srcday=2016-01-15&search=no
| วันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2559 ปีที่ 28 ฉบับที่ 615 |
เทคโนโลยีการเกษตร
นัย บำรุงเวช
ลำปาง องุ่น อร่อยมาก…
ต้นองุ่น จำนวน 57 ต้น ที่ยืนต้นติดผลภายในโรงเรือนพลาสติก ขนาด 24×24 เมตร ของพื้นที่หมู่บ้านจ๋ง ตำบลทุ่งกว๋าว อำเภอเมืองปาน จังหวัดลำปาง ได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากผู้เป็นเจ้าของ คุณวรินทร และ คุณศิริพร รณหงษา สองสามีภรรยา จนได้ผลผลิตคุณภาพเป็นที่ยอมรับทั้งคนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมเยือน
จุดเริ่มต้นที่ทำให้ทั้งสองตัดสินใจสร้างสวนองุ่น ภายใต้ชื่อ บ้านไร่ใบตอง คุณวรินทร รณหงษา เล่าให้ฟังว่า ในช่วงระหว่างที่ทำงานในบริษัทตัวแทนจำหน่ายปุ๋ยและสารเคมีอยู่ที่กรุงเทพฯ หัวหน้างานท่านหนึ่งของบริษัทได้ถามว่า เป้าหมายสูงสุดในชีวิตที่ต้องการคืออะไร เขาตอบว่า ต้องเป็นเกษตรกรเต็มตัวเหมือนกับตัวอย่างที่เจ้าของสวนผลไม้รายใหญ่ อย่างเช่น ที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก
จากคำถาม กลายเป็นแรงบันดาลใจให้เขาคิดถึงความใฝ่ฝันต้องการเป็นเกษตรกร
ทั้งนี้ สำหรับ คุณวรินทร นั้นสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ส่วน คุณศิริพร รณหงษา จบจากวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นครลำปาง และประจำอยู่ที่โรงพยาบาลเมืองปาน อำเภอเมืองปาน จังหวัดลำปาง จนถึงปัจจุบัน
จุดเริ่มต้นของการเป็นเกษตรกร เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2556 โดยคุณวรินทรได้ลงมือปลูกอ้อยด้วยระบบน้ำหยดที่บ้านเกิด อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ จำนวน 30 ไร่ บนที่ดินของพ่อแม่ควบคู่ไปกับการทำงานที่บริษัท
ส่วนการปลูกองุ่นนั้นเริ่มต้นประมาณกลางเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2556 เมื่อคุณวรินทรได้นำต้นพันธุ์องุ่นไร้เมล็ดพันธุ์บิวตี้ ซีดเลส จากสถานีเกษตรหลวงปางดะ จำนวน 8 ต้น มาปลูกที่บ้านเกิดของคุณศิริพร ที่บ้านป่าเวียง อำเภอเมืองปาน จังหวัดลำปาง เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ว่าองุ่นพันธุ์นี้จะเหมาะกับสภาพพื้นที่แห่งนี้หรือไม่
ครึ่งปีผ่านไป ต้นองุ่นทั้ง 8 ต้น งอกงามเจริญเติบโตสมบูรณ์เต็มที่ ไม่ต่างจากที่ปลูกบนดอยตามสถานีทดลองเกษตรที่สูง เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาคุณศิริพร ผู้เป็นภรรยากับพ่อตาแม่ยาย
ทั้งภรรยากับพ่อตาแม่ยายเริ่มคล้อยตาม เห็นดีเห็นงามกับความคิดของลูกเขยที่จะทำสวนองุ่นที่นี่ แต่ติดขัดที่ไม่มีพื้นที่ปลูก พื้นที่ที่มีเป็นที่นาไว้ปลูกข้าวกิน จึงต้องหาที่เป็นที่ดอน การหาพื้นที่ปลูกกลายเป็นปัญหาใหญ่ เพราะจะหาเงินจำนวนมากจากไหนมาซื้อที่ดิน ทั้งคู่ปรึกษากันในเรื่องนี้นาน และได้ขยายต้นพันธุ์ส่วนหนึ่งเตรียมไว้
ขยายผล
เริ่มต้นสร้างสวน
ในที่สุด คุณศิริพรตัดสินใจใช้สิทธิ์เป็นข้าราชการขอกู้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร โครงการสินเชื่อสวัสดิการบุคลากรภาครัฐและพนักงานองค์กร ใช้ตัวเองค้ำประกัน ได้เงินกู้มา ประมาณ 800,000 บาท ได้ซื้อที่ดินที่บ้านจ๋ง ตำบลทุ่งกว๋าว อำเภอเมืองปาน จังหวัดลำปาง จำนวน 6 ไร่ 2 งาน ในราคา 500,000 บาท
เมื่อเริ่มแรกการก่อสร้างโรงเรือน ชาวบ้านต่างเกิดความสงสัยว่าสองผัวเมียคู่นี้จะทำอะไรกัน โรงเรือนเป็นแบบมาตรฐานที่ใช้ตามสถานีทดลองเกษตรต่างๆ โดยได้ทีมงานก่อสร้างที่เคยก่อสร้างโรงเรือนให้กับสถานีทดลองเกษตร เสียค่าใช้จ่ายไปกับโรงเรือนพลาสติก ขนาด 250,000 บาท
หลังจากโรงเรือนพลาสติกเสร็จแล้ว ได้ลงมือปลูกองุ่น เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เป็นองุ่นรับประทานผลสดไร้เมล็ด 3 พันธุ์ ได้แก่ บิวตี้ ซีดเลส (Beauty Seedless) เฟลม ซีดเลส (Flame Seedless) และคริมสัน ซีดเลส (Crimson Seedless) ต้นพันธุ์มาจากสถานีเกษตรหลวงปางดะ ต้นองุ่น จำนวน 57 ต้น
ปลูกให้มีระยะห่างระหว่างแถว 8 เมตร และระยะห่างระหว่างต้น 1.50 เมตร ความสูงจากพื้นดินถึงลวดขึงเป็นราว ให้ยอดองุ่นเกาะสูง 1.90 เมตร หลังจากแตกยอดจะจัดเรียงกิ่งเป็นแบบก้างปลา
บนพื้นที่ 6 ไร่ มีพื้นที่เหลือได้ปลูกฝรั่งพันธุ์หวานพิรุณไว้ 19 แถว แถวละ 9 ต้น โดยได้พันธุ์ฝรั่งจากสวนฝรั่งหวานพิรุณของคุณวรินทร จำนวน 2 ไร่ ที่อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ มีพ่อและแม่ของคุณวรินทรคอยดูแล
คุณวรินทร จึงต้องดูแลทั้งสวนฝรั่งที่นครสวรรค์และสวนองุ่นกับสวนฝรั่งที่ลำปาง จะมีเวลามาลำปางในวันหยุด เวลาส่วนใหญ่จึงอยู่ที่นครสวรรค์
องุ่นเด่นของสวน
พันธุ์องุ่นไร้เมล็ดที่ปลูกมากและเป็นจุดขายของสวนคือ พันธุ์บิวตี้ ซีดเลส (Beauty Seedless) เป็นองุ่นผลเล็ก ผลกลมสีดำ ขนาดผลเส้นผ่าศูนย์กลาง ประมาณ 1-1.5 เซนติเมตร เปลือกผลค่อนข้างเหนียว รสชาติหวาน ความหวานที่ทางสวนนี้วัดได้ 15-16 บริกซ์ เหมาะรับประทานสด ไม่เหมาะกับการเก็บไว้หลายวัน ผลจะเริ่มนิ่มและเหี่ยวในวันสองวัน
ต่อมา ได้แก่ พันธุ์เฟลม ซีดเลส (Flame Seedless) เป็นองุ่นผลเล็ก ผลกลม มีสีน้ำตาลแดง ขนาดผลเส้นผ่าศูนย์กลาง ประมาณ 1-1.5 เซนติเมตร หวานกว่าพันธุ์บิวตี้ ซีดเลส ความหวานที่ทางสวนวัดได้ 18 บริกซ์ เหมาะรับประทานสดๆ เก็บไว้ไม่ได้นานเช่นกัน
สุดท้าย พันธุ์คริมสัน ซีดเลส (Crimson Seedless) ปลูกไว้น้อย เป็นองุ่นผลยาว ผลมีสีน้ำตาลแดง ผลยาว 1.5-2 เซนติเมตร เนื้อกรอบ รสชาติหวาน ความหวานที่ทางสวนวัดได้ 20 บริกซ์
ส่วนการดูแลรักษานั้น มีในด้านต่างๆ ประกอบด้วย
การให้น้ำ ให้น้ำด้วยระบบพ่นฝอยหัวสปริงเกลอร์ห้อยไว้เป็นจุดทั่วโรงเรือน ให้น้ำทุกวัน วันละ 20 นาที ปั๊มน้ำไฟฟ้าสูบน้ำขึ้นมาจากบ่อข้างๆ ฉีดพ่นจนทั่ว จะหยุดให้น้ำประมาณ 2 สัปดาห์ ก่อนจะตัดแต่งกิ่ง
การให้ปุ๋ย ทุกๆ 2 สัปดาห์ ให้ปุ๋ยอย่างต่อเนื่องตลอด ใช้ปุ๋ยอินทรีย์กับปุ๋ยเคมี สูตร 3-5-5 ต้นละ 2 กิโลกรัม ตามด้วยปุ๋ยคอกผสมกับแกลบ บางครั้งจะสลับสูตรปุ๋ยบ้าง
การตัดแต่งกิ่ง การตัดแต่งเป็นกุญแจดอกสำคัญที่จะไขให้องุ่นออกดอกติดผล ซึ่งเป็นวิธีการที่ทำให้ต้นองุ่นให้ผลและสร้างกิ่ง ดังนั้น การตัดแต่งกิ่งเป็นการบังคับให้แตกตาและเกิดเป็นกิ่งใหม่มีดอกและติดผล การสังเกตว่าองุ่นพร้อมที่จะได้รับการตัดแต่งกิ่งหรือยัง ด้วยการเด็ดใบแก่มากำแล้วบีบดู ถ้าใบกรอบมีเสียงดัง แสดงว่าต้นองุ่นสะสมธาตุอาหารไว้มากพอแล้ว จึงลงมือตัดแต่งกิ่งได้ การตัดแต่งกิ่งทำได้ 2 ครั้ง ต่อปี และ 1 กิ่ง จะตัดแต่งได้ 2 ครั้ง ดังนี้
การตัดแต่งกิ่ง ครั้งที่ 1 ตัดยาว 2 ตา ตัดในเดือนมกราคม เพราะเหมาะต่อการสร้างกิ่งใหม่ให้สมบูรณ์ ด้วยวิธีการตัดสั้น จากนั้นใช้ดอร์เม็กซ์ (ไฮโดรเจนไซยานาไมด์) ความเข้มข้น 5 เปอร์เซ็นต์ ใช้ 300 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ทาที่ตาจากปลายกิ่งเพื่อช่วยให้แตกตา และให้ผลผลิต อายุตั้งแต่ตัดแต่งกิ่งจนถึงเก็บเกี่ยวได้ ประมาณ 5-6 เดือน จะให้ผลในเดือนพฤษภาคม
การตัดแต่งกิ่ง ครั้งที่ 2 ตัดยาว 6 ตา ตัดในเดือนสิงหาคม โดยจะทำได้ตั้งแต่เดือนที่อุณหภูมิเริ่มสูงขึ้น จากนั้นทาด้วยดอร์เม็กซ์ (ไฮโดรเจนไซยานาไมด์) ความเข้มข้น 5 เปอร์เซ็นต์ ใช้ 300 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร เป็นฮอร์โมนกระตุ้นการแตกตาดอก ยอดอ่อน และใบอ่อน ซึ่งการตัดแต่งแบบตัดแต่งยาว จะทำให้กิ่งยืดยาว จะให้ผลในเดือนธันวาคม
แมลงศัตรูพืชที่พบ
ศัตรูที่แพร่ระบาดในสวนองุ่น ตัวที่ทำความเสียหายอย่างมากคือ
เพลี้ยไฟ เป็นแมลงขนาดเล็ก ลักษณะการทำลายจะใช้ปากเขี่ยดูดจนมีน้ำเลี้ยงซึมออกมา จากนั้นจะดูดกินน้ำเลี้ยงจากยอดใบอ่อนของต้นองุ่น ทำให้ยอดใบอ่อนหักงอ ใบแห้งกรอบ คล้ายใบไหม้หงิกงอแกร็น ไม่เจริญเติบโตและตายไป ถ้าทำลายระยะดอก ทำให้ดอกร่วง ไม่เกิดผลหรือทำให้ผลมีตำหนิ พบการระบาดตั้งแต่หลังจากตัดกิ่งจนถึงผลโตเต็มที่ เนื่องจากองุ่นมีการแตกยอดตลอดทั้งปี การป้องกันและกำจัดใช้ยาอิมิดาคลอพริด 10% (คอนฟิดอร์) ฉีดพ่นเมื่อเริ่มแตกตาอ่อน ประมาณ 1 สัปดาห์ สลับกับยาแอคทารา 25 ดับบลิวจี (ไทอะมีโทแซม) และยาแอสเซนด์ (ฟิโพรนิล)
หนอนใยผัก ชอบแทะกินผิวใบด้านล่างขององุ่น และปล่อยเหลือผิวใบด้านบนไว้เป็นเยื่อใยโปร่งแสงทั่วใบ ถ้าระบาดมากจะกัดกินจนเหลือแต่ก้านใบหรือใบแหว่งเหี่ยวตายได้ง่าย เมื่อมีสิ่งรบกวนจากภายนอกมันจะดิ้นและสร้างใยทิ้งตัวห้อยลงบนพื้น การกำจัดได้ใช้เชื้อไวรัส NPV ของหนอนกระทู้หอม จากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ฉีดพ่นเมื่อพบตัวหนอนบนใบองุ่น หนอนจะได้รับเชื้อไวรัสทำให้เป็นโรค Grassarie one และจะตายภายใน 1-2 วัน
ด้วงกุหลาบ แมลงศัตรูพืชอีกชนิดหนึ่งที่พบ แต่ทำความเสียหายไม่มาก ใช้ยาเซฟวิน 85 ฉีดพ่น
การพ่นสารเคมีกำจัดแมลงให้เป็นหน้าที่ของคุณวรินทร ที่จะมาลำปางในวันหยุด ส่วนคุณศิริพรทำในส่วนที่ทำได้ เช่น การให้น้ำ การให้ปุ๋ย การตัดแต่งกิ่ง และการเก็บผลผลิต ไม่มีการใช้ยาฆ่าหญ้า เพราะไม่มีหญ้าขึ้นภายในโรงเรือน เป็นพื้นที่คลุมด้วยแกลบจึงเดินภายในโรงเรือนได้สะดวก
โรคที่พบในองุ่น
โรคที่ทำความเสียหายให้กับองุ่นอย่างหนัก ได้แก่ โรคแอนแทรกโนส และโรคราน้ำค้าง
โรคแอนแทรกโนส เกิดจากเชื้อรา แม้จะระบาดช้าแต่รุนแรงและรักษาได้ยาก ทำความเสียหายได้กับทุกส่วนขององุ่น โดยเฉพาะส่วนที่ยังอ่อน เช่น ยอดอ่อน กิ่งอ่อน ใบอ่อน ที่ผลเป็นได้ทั้งในระยะผลอ่อนจนถึงระยะผลโต ในฤดูฝนอากาศมีความชื้นมากจะเห็นเป็นจุดเล็กๆ สีชมพูอยู่ตรงกลางแผล หากเป็นแผลมากยอดจะแคระแกร็น มีการแตกยอดอ่อนมา แต่แตกออกมาแบบแคระแกร็น
โรคราน้ำค้าง จะทำให้ใบองุ่นระยะใบอ่อนปรากฏจุดเหลืองด้านบนใบ ด้านใต้ใบตรงข้ามจุดเหลืองจะพบปุยสีขาวของเชื้อรา ช่อดอกที่มีราสีขาวจับช่อดอกจะแห้งและร่วงอย่างรวดเร็ว ทำให้ผลอ่อนฝ่อแฟบผลร่วงหล่นและทำให้เนื้อเยื่อผลแข็งเป็นแอ่งบุ๋มลงบนผลที่โต เชื้อราแพร่ระบาดได้ดีโดยลมและฝน
แต่การปลูกองุ่นในโรงเรือนพลาสติกจึงช่วยป้องกันไม่ให้โรคแอนแทรกโนสและราน้ำค้างระบาดได้
ดังนั้น จึงเป็นเหตุผลที่ตอบได้ว่า ทำไม จึงต้องลงทุนสร้างโรงเรือนเพื่อปลูกองุ่นในโรงเรือน องุ่นที่ปลูกกลางแจ้งจะพบการแพร่ระบาดของโรคทั้ง 2 โรคนี้ได้มาก ดังนั้น ที่สวนแห่งนี้จึงไม่ค่อยพบกับโรคแอนแทรกโนสและโรคราน้ำค้างแพร่ระบาด การปลูกองุ่นในโรงเรือนจะได้องุ่นที่มีคุณภาพ ช่วยป้องกันโรคที่มากับน้ำฝน สามารถควบคุมปริมาณน้ำฝนได้
รายได้จากการทุ่มเท
องุ่น ให้ผลผลิตครั้งแรกเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2558 และได้นำเสนอข้อมูลผลผลิตผ่านสังคมออนไลน์ที่เผยแพร่ออกไป ทำให้คนพากันมาซื้อถึงสวนหมดภายในเวลาไม่ถึงเดือน สร้างกำลังใจให้กับทั้งคู่อย่างมาก
แม้ว่าองุ่นที่ออกมาได้รับการตอบรับจากชาวลำปางและนักท่องเที่ยวต่างจังหวัดอย่างมาก ผลผลิตไม่พอตอบสนองความต้องการได้ แต่ทั้งสองก็ไม่คิดจะขยายพื้นที่ปลูกหรือปลูกโรงเรือนเพิ่ม ขอยึดหลักการทำเกษตรแบบพอเพียง แรงงานที่ใช้เป็นแรงงานในครอบครัว
ชาวลำปางและนักท่องเที่ยวจะมาซื้อและเดินตัดช่อองุ่นกันเองอย่างพึงพอใจ มากันวันละประมาณ 100 คน ราคาองุ่นที่จำหน่าย บิวตี้ ซีดเลส กิโลกรัมละ 199 บาท เฟลม ซีดเลส กิโลกรัมละ 500 บาท และคริมสัน ซีดเลส กิโลกรัมละ 500 บาท มีน้อยมาก
ส่วนใหญ่จะซื้อบิวตี้ ซีดเลสกัน เพราะมีมาก
ทั้งนี้ คุณศิริพรจะชั่งองุ่นที่นักท่องเที่ยวตัดเก็บมาให้ได้ 1 กิโลกรัม ใส่ในจานเซรามิกและห่อด้วยพลาสติกใส ติดสติ๊กเกอร์โลโก้ของสวน โดยเหตุผลที่ขายองุ่นทั้งจานเซรามิกก็เพื่อต้องการให้เป็นสัญลักษณ์เมืองลำปางที่เป็นเมืองแห่งเซรามิก
องุ่นให้ผลผลิตครั้งละประมาณ 800 กิโลกรัม รายได้ประมาณ 300,000 บาท ต่อปี ยังไม่หักค่าใช้จ่ายต่างๆ ถ้าหักค่าใช้จ่ายแล้วก็ยังเหลือสำหรับการลงทุนในครั้งต่อไป
การเดินทางไปสวนองุ่น
จากตัวเมืองลำปางบนเส้นทางไปอำเภอเมืองปานตามถนนจามเทวี สายลำปาง-ห้างฉัตร (สายเก่า) ผ่านหน้าสนามกีฬาจังหวัดหนองกระทิง เลยสนามกีฬา ประมาณ 1 กิโลเมตร เป็นทางแยกให้เลี้ยวขวาไปตามทางหลวงจังหวัด หมายเลข 1157 (ลำปาง-ห้วยเป้ง-เมืองปาน) ระยะทางประมาณ 33 กิโลเมตร
เมื่อผ่านโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริบ้านทุ่งจี้ ตำบลทุ่งกว๋าว อำเภอเมืองปาน ไปหน่อยเดียว หรือจะแวะเข้าชมโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริบ้านทุ่งจี้ อยู่ทางขวามือก่อนก็ได้ จากนั้นเดินต่อไปบ้านจ๋งถึงโรงเรียนบ้านจ๋งขวามือให้เลี้ยวเข้าไปตามถนนหมู่บ้านข้างโรงเรียน ประมาณ 1 กิโลเมตร จะเห็นแผงโซลาร์เซลล์ผลิตไฟฟ้าเต็มไปหมด จุดนี้เป็นที่ตั้งของสวนองุ่นบ้านไร่ใบตอง ซึ่งตั้งอยู่ เลขที่ 264 หมู่ที่ 4 หมู่บ้านจ๋ง ตำบลทุ่งกว๋าว อำเภอเมืองปาน จังหวัดลำปาง โทร.สอบถามได้ที่ (081) 991-9069