ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน
http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05046150159&srcday=2016-01-15&search=no
| วันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2559 ปีที่ 28 ฉบับที่ 615 |
เทคโนโลยีการเกษตร
ทะนุพงศ์ กุสุมา ณ อยุธยา
สุข บ้านใหม่ ชายวัย 73 ปี ทำไร่นาสวนผสม ที่ นครนายก
ด้วยลักษณะทางกายภาพของประเทศไทยเอื้อประโยชน์กับการทำเกษตรกรรมทุกรูปแบบ จึงทำให้ชาวบ้านประสบความสำเร็จได้ผลผลิตตามความตั้งใจ ถึงแม้จะพบปัญหาบ้าง แต่ไม่ได้สร้างความยุ่งยากอย่างใด
กระทั่งในปัจจุบันสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติเปลี่ยนไป ฟ้าฝนไม่ตกตามฤดูกาล จึงทำให้การวางแผนเพาะปลูกพืชในแต่ละชนิดไม่ตรงตามเวลาที่เคยปฏิบัติ จนสร้างปัญหาตามมาหลายอย่าง โดยเฉพาะรายได้ที่ไม่แน่นอน
แนวทางการทำไร่นาสวนผสมจึงเข้ามาเป็นทางเลือกหนึ่งของเกษตรกรที่จะลดความเสี่ยง ที่เกิดจากภัยธรรมชาติและความไม่แน่นอนของราคาผลผลิต เพราะเมื่อจับแนวทางทำเกษตรแต่ละชนิดมาทำร่วมกันแล้ว สามารถสร้างมูลค่า เพิ่มระดับรายได้จากพืชผลในแต่ละชนิดหมุนเวียนได้ตลอดทั้งปี
อย่างกรณีของ คุณลุงสุข บ้านใหม่ ชาวนครนายกที่ผิดหวังรายได้จากการทำนา จึงเปลี่ยนมาทำสวนผสมจากไม้ผลหลายชนิด ประกอบกับบุคลิกของความเป็นคนที่มีแนวคิดกว้างไกล ผนวกกับประสบการณ์มากมาย ผสมกับความใส่ใจอย่างจริงจัง จึงทำให้ประสบความสำเร็จ มีรายได้งดงามตลอดทั้งปี ดังนั้น จึงแวะไปพบกับชาวบ้านท่านนี้ ยังบ้านเลขที่ 113 หมู่ที่ 7 ตำบลโคกกรวด อำเภอปากพลี จังหวัดนครนายก
คุณลุงสุข เล่าว่า เคยมีอาชีพรับเหมาก่อสร้าง พออายุ 60 ปี จึงเกษียณอาชีพตัวเอง แล้วกลับมาทำเกษตรอยู่กับบ้าน แรกเริ่มลงมือทำนา จำนวน 10 กว่าไร่ แต่ปรากฏว่าในระยะหลังราคาข้าวตกต่ำแล้วไม่ตรงตามที่ต้องการจึงหยุดทำ แล้วปล่อยให้เช่า
จากความคิดของตัวเองที่ชอบทำอะไรที่คนอื่นไม่ทำ จึงทำให้คุณลุงสุขมองไปถึงการปลูกพืชไม้ผลแบบผสมผสาน แต่ด้วยวัยสูงอายุจึงเลือกไม้ผลที่มีลักษณะลำต้นไม่สูง ดูแลง่าย ไม่ยุ่งยาก แล้วต้องเก็บผลผลิตได้อย่างสะดวกด้วย
พื้นที่ทำสวนผสมผสานของคุณลุงสุขมีลักษณะกระจัดกระจายเป็นแห่ง แต่ละแห่งมีเนื้อที่ตั้งแต่ 2-5 ไร่ ทั้งนี้แต่ละแห่งไม่ได้ปลูกพืชไม้ผลพร้อมกัน
ไม้ผลที่คุณลุงสุขปลูกได้เริ่มจากมะยงชิดก่อน จำนวน 40 ต้น ต่อมาลองปลูกมะนาวพันธุ์เพชรบุรี ฝรั่งกิมจู แล้วตามด้วยกระท้อน ส่วนสวนอีกแปลงที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามบ้าน มีเนื้อที่เกือบ 2 ไร่ ปลูกมะนาวเพชรบุรี มะยงชิด และมะม่วงเขียวเสวยอยู่อีก จำนวน 40 ต้น
“มะยงชิด เริ่มให้ผลผลิตประมาณปีที่ 6-7 จากนั้นผลจะสุกราวเดือนมีนาคม ผลผลิต 1 ต้น มีประมาณ 50 กิโลกรัม ราคาขายตั้งแต่ 90-150 บาท ต่อกิโลกรัม สำหรับสวนมะยงชิดนี้ปลูกมา 8 ปีแล้ว” คุณลุงสุข บอก
ส่วนกล้วยถือว่าเป็นไม้ผลที่สร้างรายได้อย่างดีให้กับคุณลุงสุข กล้วยที่คุณลุงสุขปลูกไว้มีด้วยกัน 2 ชนิด ในพื้นที่ 4 ไร่ คือกล้วยหอมทอง มีจำนวน 600 กว่าต้น และกล้วยน้ำว้าพันธุ์ขาวนวล เพิ่งซื้อมาจากอำเภอหนองเสือ ปลูกอยู่จำนวน 200 กว่าต้น จึงยังไม่มีผลผลิต
“กล้วยหอมทอง ปลูกมา 4 ปีแล้ว มีระยะห่างระหว่างต้นกล้วย 1.50 คูณ 1.50 เมตร การดูแลใส่ปุ๋ย ใช้ปุ๋ยยูเรียผสมปุ๋ยชีวภาพ ให้ทุก 2 เดือน ต่อมาใช้ยูเรียผสมกับปุ๋ย สูตร 25-7-7 พอตกเครือเปลี่ยนมาใช้ปุ๋ย สูตรเสมอ 16-16-16”
คุณลุงสุข ชี้ว่า กล้วยหอมทอง ให้ผลผลิตได้ดีและเร็ว โดยใช้เวลา 8 เดือน สามารถเก็บผลิตผลได้ ส่วนกล้วยน้ำว้าให้ผลผลิตช้า กว่าจะขายได้ร่วมปี สำหรับไม้ไผ่ที่ใช้ค้ำต้นกล้วย 1 ลำ ต่อต้น ไม่ต้องซื้อ เพราะปลูกต้นไผ่ไว้ใช้เอง
ด้านแหล่งน้ำที่ใช้ เจ้าของสวนบอกว่าไม่เคยขาดหรือเดือดร้อน เพราะอยู่ใกล้คลอง เป็นน้ำที่มาจากเขื่อนขุนด่านปราการชล แล้วไหลไปลงที่แม่น้ำบางปะกง ทั้งนี้ได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำไว้ริมคลอง จะรดน้ำทุกวัน แต่ถ้าอากาศไม่ร้อนจะเว้นวัน
คุณลุงสุข เผยว่า การปลูกกล้วยหอมทองใช้เงินลงทุนไม่มาก ผลผลิตขายให้กับแม่ค้าเป็นลักษณะเหมา แล้วถูกนำไปขายที่ตลาดไท โดยผู้ซื้อจะมาตัดและขนเอง ราคาขาย เครือละ 150 บาท ขายเหมาราคานี้มานานแล้ว ดังนั้นเมื่อขายแล้วหักต้นทุนออก ยังเหลือเงินอีกเครือละ 100 กว่าบาท ทั้งนี้ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม มีรายได้จากกล้วยในราว 50,000-60,000 บาท แล้วยังเผยว่าผลผลิตกล้วยมีเท่าไรขายได้หมด ดังนั้น ปีหน้าตั้งใจจะปลูกกล้วยหอมทองเพิ่มอีกสัก 5 ไร่
นอกจากรายได้จากกล้วยหอมทองแล้ว คุณลุงสุขยังมีรายได้จากไม้ผลชนิดอื่นอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา ยิ่งถ้าเป็นช่วงฤดูจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากมะยงชิดอีกกว่า 20,000 บาท กระท้อนปุยฝ้าย ปลูกไว้ 3 ต้น ขายได้หมื่นกว่าบาทในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม แล้วยังปลูกส้มโอพันธุ์ทองดีไว้บริเวณบ้าน แต่ไม่ค่อยดีนัก เพราะไม่ได้ดูแลอย่างเต็มที่ ผลผลิตที่ได้มักนำไปแจกจ่ายหรือรับประทานกันภายในครอบครัว
ทุกวันนี้ คุณลุงสุขมีความสุขกับการได้ปลูกไม้ผลเหล่านั้น แม้วัยจะล่วงมาถึง 73 ปี แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคกับงานที่ต้องดูแล แถมยังเป็นผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรง คล่องแคล่ว อันมาจากการได้มีเวลาออกแรงทำกิจกรรมในสวนผลไม้ทุกวัน และบอกว่าลักษณะการทำสวนผสมจะดูแลทุกอย่างเท่าที่ทำได้ ค่อยๆ ทำ ไม่เร่งรีบหรือหักโหม หากจะจ้างแรงงานก็เฉพาะที่จำเป็นบางครั้งคราวเท่านั้น เช่น ถ้าต้องการให้ใส่ปุ๋ย พรวนดิน ค้ำต้นกล้วย ตัดหญ้าวัชพืช แต่การให้น้ำจะดูแลจัดการเอง
คุณลุงสุข นับเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของชาวบ้านที่ยึดอาชีพการทำเกษตรกรรมแบบมืออาชีพ ที่ต้องมีความคิดประยุกต์ปรับวิถีชีวิตไปตามการเปลี่ยนแปลง โดยไม่ยึดติดกับแนวทางเดิม และถ้ามีโอกาสเดินทางไปจังหวัดนครนายก อย่าลืมแวะไปเที่ยวสวนไม้ผลผสมของ คุณลุงสุข บ้านใหม่ โดยต้องนัดหมายก่อนล่วงหน้า ที่เบอร์โทรศัพท์ (089) 514-9478