ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน
http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05053150159&srcday=2016-01-15&search=no
| วันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2559 ปีที่ 28 ฉบับที่ 615 |
เทคโนโลยีการเกษตร
กาญจนา จินตกานนท์
หาทางออกทุเรียนอ่อน…@งานพืชสวนมั่งคั่งฯ จังหวัดตราด 21-24 มกราคม 2559 นี้
“ปัญหาทุเรียนอ่อน”
…ปัญหาระดับชาติ
“ปัญหาทุเรียนอ่อน” เป็นการทำลายตลาดทุเรียนไทยอย่างย่อยยับ ผู้ซื้อเสียทัศนคติทุเรียนไทย ทั้งราคาตกต่ำและทำให้สูญเสียตลาดใหญ่ทั้งในปัจจุบันและอนาคต ปัญหาทุเรียนอ่อนจึงเป็นปัญหาระดับชาติ
ทุเรียน คือพืชเศรษฐกิจสำคัญของไทย ทำรายได้ให้อย่างมหาศาล มีตลาดรองรับทั้งภายในและต่างประเทศ แต่เมื่อประสบปัญหาทุเรียนอ่อน หากไม่หาแนวทางแก้ไขอาจจะทำให้สูญเสียตลาดในอนาคต รัฐบาลจึงประกาศใช้กฎหมายอาญา มาตรา 271 และ พ.ร.บ. คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 มาตรา 47 ชนิดที่ไม่รอลงอาญามาเป็นบทลงโทษ เป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหาอยู่ในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม ปัญหานี้ต้องร่วมมือกันอย่างจริงจังทั้ง 3 ภาคส่วน คือ ภาครัฐ เกษตรกรเจ้าของสวน พ่อค้าที่รับซื้อ
สถานการณ์ทุเรียน
ปี 2559?สดใส
ตลาดจีนโตรองรับ
ข้อมูลจากสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ปี 2557 ไทยส่งทุเรียนออก มูลค่าถึง 14,500 ล้านบาท เพิ่มจากปี 2556 ถึง 100% และ ปี 2558 มีทั้งปริมาณและมูลค่าเพิ่มขึ้นแน่นอน เพียงแต่ตัวเลขทางการยังไม่สรุปออกมา สำหรับ ปี 2559 เชื่อว่าตลาดความต้องการทุเรียนยังสูงต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดหลักอย่างจีนที่รับซื้อทุเรียนจากไทย ถึงร้อยละ 80-85 โอกาสของไทยคือ จีนได้อนุญาตให้ไทยนำเข้าทุเรียนสดได้ตามกฎระเบียบ วงการผลิตทุเรียนเชื่อว่า ปี 2559 ผลผลิตจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยและราคาไม่น่าจะต่ำลงจาก ปี 2558 จังหวัดตราด ผลิตทุเรียนได้ทั้งหมด 31,942 ตันเศษ เป็นทุเรียนหมอนทอง 26,896 ตัน หรือ ร้อยละ 84.19 ในขณะนี้ทุเรียนหมอนทองเป็นทุเรียนที่ตลาดทั้งภายในและภายนอกให้ความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะจีนเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของไทย รับซื้อทั้งผลสุกและระยะหลังซื้อเป็นเนื้อทุเรียนแช่แข็งฟรีซดราย (Freeze Dried) เพิ่มขึ้นอีกด้วย สรุปได้ว่า ทุเรียน เป็นผลไม้ที่มีอนาคตของไทย…เพียงแต่ ณ วันนี้ เกษตรกรและผู้รับซื้อร่วมมือกันอย่าตัดทุเรียนอ่อน
สหกรณ์การเกษตรฯ
แก้ทาง ทุเรียนอ่อน…
รับซื้อ หมอนทอง ไม่อั้น
ส่งตลาดหลักจีน ทำแปรรูปแช่แข็ง
คุณวุฒิพงศ์ รัตนมณฑ์ ประธานกรรมการสหกรณ์การเกษตรเพื่อการแปรรูปและส่งออกจังหวัดตราด จำกัด กล่าวว่า สหกรณ์ฯ ได้ดำเนินการรับซื้อผลไม้ทั้งทุเรียน เงาะ มังคุด จากเกษตรกรและกระจายผลผลิตทั้งภายในและต่างประเทศ รวมทั้งการส่งเสริมการแปรรูปผลผลิตผลไม้ ล่าสุดคือ รับซื้อทุเรียนหมอนทองตกไซซ์ เพื่อผลิตทุเรียนแกะเนื้อแช่แข็ง หรือฟรีซดราย (Freeze and Dry) เพื่อส่งออกตลาดจีน ซึ่งเป็นทางเลือกกับเกษตรกร ไม่ต้องตัดทุเรียนอ่อน และมีช่องทางตลาดจำหน่ายให้กับสหกรณ์ได้
สหกรณ์ฯ ทำการค้าทุเรียนแปรรูปแช่แข็งอบแห้ง กับ บริษัท เทียนชาน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้รับซื้อรายใหญ่มา 2-3 ปีแล้ว ปี 2559 บริษัท เทียนชานฯ ต้องการปริมาณเพิ่มมากขึ้น ปริมาณ 3,000 ตัน และทำสัญญาซื้อขายกันล่วงหน้ากับสหกรณ์ฯ ไปแล้ว 2,680 ตัน และจะมีการรับซื้อจากจังหวัดระยอง จันทบุรี รวมทั้งเครือข่ายมาจากทางภาคใต้อีกด้วย ราคารับซื้อเป็นราคาท้องตลาด เฉพาะพันธุ์หมอนทองตกไซซ์ ต่อไปเกษตรกรไม่ต้องกังวลว่าจะขายทุเรียนไม่ได้ ไม่จำเป็นที่ต้องเร่งรัดตัดทุเรียนอ่อน ซึ่งปริมาณทุเรียนผลสุกหมอนทองที่ใช้เป็นวัตถุดิบภายในจังหวัดตราด 30,000 กว่าตัน นั้นไม่เพียงพออยู่แล้ว
“ที่ผ่านมา ยังไม่ได้แก้ปัญหาทุเรียนอ่อนจริงจัง ทั้งๆ ที่รู้สาเหตุ ทางออกการตัดทุเรียนอ่อนแก้ไขได้ ต้องร่วมมือกันใน 3 องค์ประกอบ คือ เกษตรกร และผู้รับซื้อ ร่วมมือกันไม่ตัดทุเรียนอ่อน ส่วนภาครัฐ ต้องเข้ามาควบคุมอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะช่วงต้นๆ ฤดู ทุเรียนมีราคาสูงมาก มีพ่อค้ามารับซื้อเพื่อส่งออกโดยเหมาซื้อทั้งสวน มักจะเป็นสวนใหญ่ๆ เกษตรกรเจ้าของสวนต้องมีข้อตกลงกับผู้ซื้อที่เหมาสวน แยกทุเรียนหมอนทองตกไซซ์ออก และไม่ให้ตัดทุเรียนอ่อนขายหรือไม่ก็แยกออกไม่เหมารวม เพื่อขายเองต่างหากภายหลัง เพราะขายไปผู้ซื้อจะตีราคาเหมารวมไปราคาต่ำๆ อย่างปีที่แล้ว ราคาทุเรียนได้ไซซ์ ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ กิโลกรัมละ 60-70 บาท ตกไซซ์จะเหลือเพียง 20 บาท หากปล่อยให้ทุเรียนแก่ขายให้กับสหกรณ์ฯ เพื่อทำแปรรูปจะได้ราคาเพิ่มอีกเท่าตัว ปีที่แล้วเฉลี่ยอยู่ที่กิโลกรัมละ 40 บาท” คุณวุฒิพงศ์ กล่าว
มาตรการปราบปราม
ตัดทุเรียนอ่อน ปี 2559…เข้มข้น
คุณนุวัตร แพงเรือน เกษตรและสหกรณ์จังหวัดตราด กล่าวว่า ปัญหาการตัดทุเรียนอ่อนเป็นการทำลายชื่อเสียงทุเรียนไทย และทำให้ราคาผลผลิตตกต่ำ ปี 2559 3 จังหวัด ในภาคตะวันออก แหล่งผลิตทุเรียนใหญ่ที่สุดของไทยคือ ระยอง จันทบุรี และตราด ได้ร่วมมือกันหาทางออกแก้ไขการตัดทุเรียนอ่อน เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมานี้ ได้ประชุมตัวแทนเกษตรกรและภาครัฐ 3 จังหวัด มีข้อตกลงร่วมกันให้ สหกรณ์การเกษตรเพื่อการแปรรูปและส่งออกจังหวัดตราด จำกัด รับซื้อทุเรียนหมอนทองตกไซซ์ เพื่อการแปรรูปแช่แข็งแล้ว ยังมีมาตรการแก้ไขปัญหาการตัดทุเรียนอ่อน ทั้งป้องกันและปราบปรามทุเรียนอ่อนอย่างเข้มข้น โดยใช้กฎหมายอาญา มาตรา 271 และ พ.ร.บ. คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 มาตรา 47
“ข้อกำหนดร่วมกัน 3 จังหวัด ที่ได้เสนอให้เกษตรกรทุกสวนร่วมมือกันบางมาตรการ ภาครัฐได้ดำเนินการไปแล้ว แต่กำชับเกษตรกรและเจ้าหน้าที่ให้ปฏิบัติให้จริงจังขึ้น อาทิ กำหนดเปอร์เซ็นต์แป้งของทุเรียนแต่ละสายพันธุ์ที่ตัดได้ เช่น หมอนทอง 32% ชะนี 32% การจดบันทึกวันดอกทุเรียนบาน เพื่อกำหนดวันเก็บเกี่ยวที่แน่นอน การสร้างจิตสำนึกไม่ตัดทุเรียนอ่อนให้พ่อค้าที่มารับเหมาและตัดทุเรียนเอง ภาครัฐมีการบังคับใช้กฎหมายอาญา มาตรา 271 และ พ.ร.บ. คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 มาตรา 47 เสนอให้ลงโทษโดยไม่รอลงอาญา มีทีมชุดป้องปรามตรวจทุเรียนค้าส่งและตลาดภายในประเทศ โดยการตั้งด่านตรวจจับผู้ตัดทุเรียนออกจำหน่าย ขณะเดียวกันมาตรการระยะยาวได้เตรียมหาทางป้องกันแก้ไขตลาดจีนที่เป็นตลาดหลัก ป้องกันปัญหาการกดราคาเข้ามาควบคุมเรื่องการซื้อขายทุเรียนไทย” เกษตรและสหกรณ์จังหวัดตราดกล่าวทิ้งท้าย
ท้ายสุด คุณสว่าง ชื่นอารมณ์ ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดตราด กล่าวว่า ปัจจุบัน ปริมาณทุเรียนไทยยังมีปริมาณไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาด แต่อนาคตทุเรียนไทยต้องวางแผนระยะยาว สร้างมาตรฐานทุเรียนไทย “แก้ปัญหาทุเรียนอ่อน” ให้ได้ เพราะประมาณว่าอีก 5 ปีข้างหน้า ผลผลิตทุเรียนไทยจะมีปริมาณเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า เฉพาะจังหวัดตราดเพิ่มมากขึ้นถึง 5 เท่า คือ ถึง 150,000 ตัน เพราะยางพาราราคาถูกเกษตรกรส่วนหนึ่งได้ตัดยางพารา หันมาปลูกทุเรียนกัน ถึงเวลาแล้วที่ผู้ผลิตทุเรียนไทยต้องตระหนักถึงคู่แข่งขันอย่างเวียดนามและมาเลเซียที่ทุเรียนราคาถูกกว่าไทย…ด้วยเหตุดังกล่าว ปัญหาทุเรียนอ่อนจึงเป็นปัญหาระดับชาติ
พบกัน วันที่ 21-24 มกราคม 2559 งาน “พืชสวนมั่งคั่งการค้าสองฝั่งชายแดน ครั้งที่ 1” ที่ จังหวัดตราด วันที่ 23 มกราคม 2559 เวลา 13.30-16.00น. มีรายการเสวนา “หาทางออกทุเรียนอ่อน…ให้ได้เงิน” โดย คุณวุฒิพงศ์ รัตนมณฑ์ ประธานกรรมการ สหกรณ์การเกษตรเพื่อการแปรรูปและส่งออกจังหวัดตราด จำกัด