‘กรธ.’แฉวิชามารป่วนรายวัน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/news/politic/229421

การเมือง  :  9 มิ.ย. 2559

‘กรธ.’แฉวิชามารป่วนรายวัน

‘กกต.-สนช.’ พร้อมแจงศาล รธน. ปมมาตรา 61 วรรคสอง ยันไม่เลื่อนประชามติ ‘กรธ.’ แฉยิ่งใกล้ 7 ส.ค. ยิ่งมีวิชามารออกมารายวัน

ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งรับคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่ให้วินิจฉัยว่ามาตรา 61 วรรคสอง ของ พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ขัดรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวหรือไม่ เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน ที่ผ่านมา และให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดส่งเอกสารชี้แจงเจตนารมณ์ ความเป็นมาและเหตุผลในการบัญญัติมาตรา 61 วรรคสอง รวมทั้งข้อมูลอื่นที่เห็นว่าเกี่ยวข้องเพื่อประโยชน์ต่อการพิจารณาของศาล ให้ยื่นต่อศาลภายใน 7 วันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือนั้น

นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้สำนักเลขาธิการวุฒิสภา ในฐานะเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ส่งข้อมูลและเอกสารที่เป็นหลักการและเหตุผลของมาตราดังกล่าว ไปให้ศาลรัฐธรรมนูญภายใน 7 วัน อย่างไรก็ตาม แม้ว่ากรณีนี้ศาลรัฐธรรมนูญจะรับไว้พิจารณาแล้ว แต่กระบวนการจัดให้มีการออกเสียงประชามติเดินหน้าต่อไปแน่นอน ไม่มีอะไรต้องหยุด

เมื่อถามว่า ถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้มาตรา 61 วรรคสอง ขัดรัฐธรรมนูญ สนช.จะดำเนินการอย่างไร นายพรเพชรกล่าวเพียงว่า “ถ้ามีคำว่า ถ้า ผมขอไม่ตอบ เพราะวันนี้วันดี”

 

กกต.ยันไม่กระทบ-ไม่เลื่อนประชามติ

นายประวิช รัตนเพียร กกต.ด้านการมีส่วนร่วม กล่าวว่า กกต.เตรียมพิจารณาเรื่องนี้ในต้นสัปดาห์หน้า โดยจะเป็นการส่งความคิดเห็นในลักษณะที่ว่า มาตรา 61 วรรคสอง มีผลกระทบต่อการทำงานของ กกต.หรือไม่ และจะแนบคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เรื่องความสงบเรียบร้อยให้ศาลด้วยหรือไม่ โดยต้องรอข้อสรุปจากที่ประชุมก่อน ซึ่งจะเป็นการรวบรวมความเห็นแบบตรงไปตรงมา แต่ศาลรัฐธรรมนูญจะเห็นเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของศาล ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่ว่าจะมีมาตรา 61 วรรคสอง หรือไม่ ก็จะไม่กระทบต่อการทำประชามติอย่างแน่นอน

ด้านนายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ มาตรา 61 วรรคสอง ของ พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ว่า กรณีดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของ กกต.ในการจัดทำประชามติออกเสียงร่างรัฐธรรมนูญ รวมถึงไม่มีผลต่อการยกเลิกหรือเลื่อนวันออกเสียงประชามติอย่างแน่นอน เนื่องจากการเลื่อนวันออกเสียงนั้น ขึ้นอยู่กับคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ฉบับชั่วคราวปี 2557 และหากผลที่ออกมากระทบกับสาระในประเด็นใดประเด็นหนึ่ง ก็จะนำไปปรับใช้เฉพาะประเด็นดังกล่าว และยืนยันว่าไม่หนักใจต่อการทำหน้าที่ตลอดจนความวุ่นวายที่หลายฝ่ายกังวล

ส่วนกรณีที่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ขอให้ กกต.ยุติการพิมพ์ร่างรัฐธรรมนูญ และยุติการอบรมครู ก. ครู ข. นั้น นายศุภชัย กล่าวว่า จะต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งออกมาก่อน หากยุติไปอาจจะดำเนินการไม่ทันวันออกเสียงประชามติ

 

โต้เพลงรณรงค์เหยียดภาค-ซัดจ้องจับผิด

ประธาน กกต.ยังกล่าวถึงกรณีมีการวิจารณ์เนื้อหาเพลงรณรงค์ประชามติ “7 สิงหา ประชามติร่วมใจ ประชาธิปไตยมั่นคง” ว่าเป็นการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายว่า จุดประสงค์ของเพลงดังกล่าวคือการเชิญชวนคนออกมาใช้สิทธิ ไม่มีเจตนาจะแบ่งแยกชี้นำ และมองว่าเป็นการจ้องจับผิดของคนบางกลุ่มมากกว่า ทั้งนี้ ขอชี้แจงว่า ผู้ประพันธ์เพลงได้เก็บข้อมูลจาก กกต. โดยอ้างอิงมาจากคำขวัญที่อยู่ในหน้าสุดท้ายของบุ๊กเล็ต ที่ระบุว่า “เตรียมตัวให้พร้อม ไม่ยอมให้ใครชี้นำ ตัดสินใจอย่างอิสระ เพื่อประชามติเที่ยงธรรม” จึงนำไปแต่งเป็นเพลง และขอย้ำว่าเนื้อเพลงดังกล่าวไม่มีการชี้นำหรือเหยียดคนภาคใดภาคหนึ่ง ตามที่มีการกล่าวหา

“ขอร้องอย่านำประเด็นเล็กประเด็นน้อยมาจับผิดกระบวนการทำประชามติ เพราะเป้าหมายเราต้องการให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิโดยไม่มีการชี้นำ ทุกคนมีเสรีภาพออกมาแสดงความคิดเห็นได้ภายใต้กรอบกฎหมาย” นายศุภชัย กล่าว

ประธาน กกต.กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เตรียมส่งเรื่องให้ กกต.พิจารณาดำเนินการกับคนที่บิดเบือนรัฐธรรมนูญว่า ถ้ามีการส่งเรื่องมาก็จะให้สำนักกฎหมายสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย ซึ่งมีนายดุษฎี พรสุขสวัสดิ์ รองเลขาธิการ กกต.ด้านสืบสวนสอบสวน เป็นผู้รับผิดชอบ ถ้าข้อกล่าวหามีมูล ทางกกต.จะส่งเรื่องให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป เช่นเดียวกับกรณีการบิดเบือนว่าหากร่างรัฐธรรมนูญผ่าน จะยกเลิกโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ขณะนี้ยังไม่เห็นรายละเอียดข้อเท็จจริง ตนไม่สามารถวินิจฉัยได้ ซึ่งจะถูกหรือผิดอย่างไร ศาลยุติธรรมจะเป็นผู้ชี้ขาด ทั้งนี้ ขอย้ำว่าการพิจารณาจะไม่ล่าช้าเพราะความล่าช้าคือความไม่ยุติธรรม ตามที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญท่านหนึ่งกล่าวไว้

 

สมชัยชี้คลิปเพลงหยาบเป็นคลิปเก่า

เมื่อเวลา 08.00 น. นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง ได้โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กส่วนตัว เกี่ยวกับกรณีการเผยแพร่คลิปเพลงรณรงค์ประชามติ ที่มีข้อความหยาบคายเป็นเท็จ ว่า จากผลการตรวจสอบเบื้องต้นของคลิปเพลงหยาบคาย พบว่าคลิปดังกล่าวเป็นคลิปเก่าที่มีผู้เผยแพร่ในยูทูบ ตั้งแต่วันที่ 13 เมษายน 2559 ซึ่งเป็นก่อนหน้าที่ พ.ร.บ.ประชามติ จะมีผลใช้บังคับ (23 เม.ย. 2559) ดังนั้น ผู้จัดทำและผู้เผยแพร่ครั้งแรกจึงไม่มีความผิดตาม พ.ร.บ.ประชามติ แต่อาจจะมีความผิดในกฎหมายอื่น เช่น พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หรือกฎหมายอาญาเรื่องหมิ่นประมาท หรือกฎหมายความมั่นคง ก็เป็นเรื่องที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินการต่อไป

อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตและข้อแนะนำ ดังนี้ 1.ผู้ที่ทำการเผยแพร่ซ้ำ หรือแชร์ ในช่วง พ.ร.บ.ประชามติ มีผลบังคับใช้ อาจเสี่ยงต่อการกระทำผิด ซึ่งมีโทษทั้ง อาญา ปรับ และการเพิกถอนสิทธิทางการเมือง 2.บุคคลที่อยู่ในคลิป ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า มีบุคคลที่มีหน้าคล้ายบุคคลเหล่านี้ คือ นายอานนท์ นำภา ทนายความนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ (จ่านิว) นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายณัฐภัทร อัคฮาด นายสมบัติ บุญงามอนงค์ บก.ลายจุด และนายพริษฐ์ ชีวารักษ์ (เพนกวิน) นักเรียน ซึ่งร่วมแสดงในคลิปเพลงหยาบคาย และเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จ ควรแสดงความบริสุทธิ์ใจ โดยไปลงบันทึกประจำวันต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่าไม่ได้รู้เห็นและยินยอมให้มีการเผยแพร่คลิปดังกล่าว ในช่วงที่ พ.ร.บ.ประชามติ มีผลบังคับใช้ ทั้งนี้ สำหรับผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงในรายละเอียด จะได้นำเสนอให้ทราบและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

นายสมชัย ยังกล่าวด้วยว่า กรณีดังกล่าวถือเป็นตัวอย่างว่าการประชามติครั้งนี้จำเป็นที่จะต้องมีมาตรา 61 วรรคสอง ของ พ.ร.บ.ประชามติ ไว้ในบังคับ เนื่องจากมีบุคคลออกมาเผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จ ปลุกปั่น ซึ่งสังคมไทยไม่ปรารถนาให้มีความวุ่นวายเกิดขึ้น มาตราดังกล่าวจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องคงไว้ใน พ.ร.บ.นี้ แต่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยอย่างไรก็เป็นเรื่องที่ศาลจะพิจารณา อย่างไรก็ตาม หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ามาตราดังกล่าวขัดรัฐธรรมนูญ ก็ยังมีมาตราอื่นใน พ.ร.บ.ประชามติ เช่น การกล่าวเท็จ ก็มีมาตรา 61 (3) ที่ห้ามหลอกลวง ใช้ควบคุมอยู่ หรือการพูดหยาบคาย ก็มีกฎหมายอาญาเกี่ยวกับการหมิ่นประมาทควบดูแลอยู่ ทั้งนี้จะไม่ครอบคลุมในเรื่องที่สามารถเอาผิดว่าเป็นการก่อความวุ่นวายได้เหมือนกับมาตรา 61 วรรคสอง ของ พ.ร.บ.ประชามติ และ กกต.ก็ต้องไปยกร่างกฎหมายและแก้ไขระเบียบ กกต.ให้สอดคล้องต่อไป

 

กรธ.เชื่อมีโจมตีรายวัน-เย้ยจุดไม่ติด

ที่รัฐสภา นายชาติชาย ณ เชียงใหม่ โฆษก กรธ. กล่าวตั้งข้อสังเกตว่า เมื่อใกล้วันออกเสียงประชามติ 7 สิงหาคม ก็จะมีการนำเอาประเด็นต่างๆ ออกมาโจมตีเป็นรายวัน ทั้งโจมตีในเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญ หรือโจมตีในเรื่องอื่นๆ ซึ่งไม่เกี่ยวกับเนื้อหาในร่างรัฐธรรมนูญ แม้แต่ในเรื่องเนื้อหาเพลงชักชวนลงประชามติของ กกต.ที่กำลังเป็นประเด็นในขณะนี้ คิดว่าประชาชนอาจจะไม่ได้คิดอะไรด้วยซ้ำ เชื่อว่าอีกไม่นานกระแสเรื่องนี้ก็คงจะซาลงไป เพราะประเด็นนี้ไม่หนักแน่นพอที่จะไปจุดกระแสอะไร

“เชื่อว่าประชาชนคงจะใช้เหตุผลในการตัดสินใจได้ และคาดว่าคงไม่มีผลอะไรต่อการลงพื้นที่ชี้แจงร่างรัฐธรรมนูญของวิทยากร อย่างไรก็ตาม ถ้าหากวิทยากรถูกซักถามในประเด็นเหล่านี้ ทาง กรธ.ก็ได้กำชับไปแล้วว่า ไม่ต้องไปให้ความคิดเห็นอะไร เพราะว่าหน้าที่ของวิทยากรนั้นคือชี้แจงแค่เนื้อหาในร่างรัฐธรรมนูญเท่านั้น” นายชาติชาย กล่าว


Leave a comment