ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
http://www.komchadluek.net/news/politic/229517

การเมือง : 10 มิ.ย.59
สนช.เห็นชอบก.ม.การให้บริการด้านนิติวิทยาศาสตร์
สนช.เห็นชอบ ก.ม.การให้บริการด้านนิติวิทยาศาสตร์ หลังถกนาน 2 วัน เหตุปมพิสูจน์ข้อเท็จจริงในคดีอาญาได้ต้องเป็นมติของคณะกรรมการฯ
10 มิ.ย.59 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. ทำหน้าที่ประธาน โดยได้พิจารณาร่างพ.ร.บ.การให้บริการด้านนิติวิทยาศาสตร์ พ.ศ….ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญที่มีพล.ต.ท. บุญเรือง ผลพาณิชย์ สมาชิกสนช.เป็นประธาน โดยมีสาระสำคัญของร่างพ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว คือ การให้มีสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม มีหน้าที่ให้บริการและส่งเสริมงานด้านนิติวิทยาศาสตร์ พร้อมกับมีคณะกรรมการกำกับการให้บริการด้านวิทยาศาสตร์ ซึ่งประกอบด้วย ปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานกรรมการ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ นายกแพทยสภา ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ และผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งจำนวนไม่เกิน 5 คน เป็นกรรมการ
ทั้งนี้เป็นการพิจารณาต่อจากการประชุมเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.หลังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ในมาตรา 5 โดยเนื้อหาในมาตรา 5 ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.เสียงข้างมากได้แก้ไขเนื้อหา โดยกำหนดให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์มีหน้าที่พิสูจน์ข้อเท็จจริง แต่ในกรณีที่้เป็นการพิสูจน์ข้อเท็จจริงในคดีอาญาต้องเป็นไปตามมติของคณะกรรมการกำกับการให้บริการด้านนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งสมาชิกสนช. เห็นแย้งกับการแก้ไขดังกล่าวจะเป็นการทำให้การได้รับสิทธิของ ประชาชนในการขอพิสูจน์ทางด้านนิติวิทยาศาสตร์ต้องขึ้นอยู่กับมติของคณะกรรมการฯเพียงฝ่ายเดียว จากเดิมที่ไม่เคยมีการกำหนดกระบวนการในการเข้าถึงสิทธิดังกล่าวเอาไว้
นายกล้านรงค์ จันทิก สมาชิกสนช.อภิปรายว่า กฎหมายฉบับนี้มีความสำคัญอย่างมาก ซึ่งร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่จะลงประชามติในวันที่ 7 ส.ค. มีการบัญญัติหมวดปฏิรูปประเทศ โดยหนึ่งในนั้นกำหนดไว้ในมาตรา 258 ด้านกระบวนการยุติธรรมว่าต้องปรับปรุงระบบการสอบสวนคดีอาญาให้มีการตรวจสอบ และถ่วงดุลระหว่างพนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการอย่างเหมาะสม รวมทั้งการสอบสวนต้องใช้ประโยชน์จากนิติวิทยาศาสตร์และจัดให้มีบริการด้าน นิติวิทยาศาสตร์มากกว่าหนึ่งหน่วยที่มีอิสระจากกัน เพื่อให้ประชาชนได้รับการบริการอย่างมีทางเลือก ซึ่งเป็นเจตนารมณ์ของร่างรัฐธรรมนูญ
“ขอถามว่าการแก้ไขมาตรา 5 แบบนั้นตอบโจทย์ตามร่างรัฐธรรมนูญนี้อย่างไร การสอบสวนคดีที่ล้าช้านั้นจะไม่เป็นการให้ความยุติธรรม ถูกส่วนหนึ่งครับ แต่ถ้าการสอบสวนที่รวดเร็ว บกพร่องหละหลวมนั่นคือการทำลายระบบกระบวนการยุติธรรม” นายกล้านรงค์ กล่าว
ด้านพล.ต.ท. บุญเรือง ชี้แจงว่า การดำเนินการด้านนิติวิทยาศาสตร์นั้นโรงพยาบาลทุกแห่งทั่วประเทศเข้ามารับผิดชอบร่วมกันด้วย แต่ตอนนี้มีคนพยายามสร้างภาพว่าการตรวจสอบด้านนิติวิทยาศาสตร์มีเฉพาะตำรวจ และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์เท่านั้น ซึ่งส่วนตัวไม่เข้าใจว่าจะสร้างภาพอย่างนั้นไปทำไม
“การตรวจพิสูจน์ด้านนิติวิทยาศาสตร์ หน่วยราชการทุกแห่งที่มีความสามารถทำได้หมด การดำเนินการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ทั้งหมด คณะกรรมาธิการวิสามัญฯได้พิจารณาและฟังความรอบด้าน และเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายเข้ามาร่วมออกความเห็นด้วย ไม่ว่าจะเป็น กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สภาทนายความ เป็นต้น ก่อนที่คณะกรรมาธิการวิสามัญฯจะมีมติออกมา เราต้องการให้ประเทศนี้เดินหน้าไปด้วยความบริสุทธิ์และเป็นธรรมกับทุกฝ่าย” พล.ต.ท.บุญเรือง กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่มีการอภิปรายแต่ก็ยังไม่ได้ข้อสรุป ทำให้ที่ประชุมต้องลงมติในมาตรา 5 ผลปรากฏว่า ที่ประชุมมีมติเสียงข้างมาก 112 ต่อ 37 คะแนน งดออกเสียง 27 เสียง จากนั้นที่ประชุมได้พิจารณาต่อจนจบทุกมาตรา และได้ลงมติในวาระ 3 ด้วยคะแนน 148 เสียง งดออกเสียง 7 เสียง ประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวใช้เวลาในการประชุมติดต่อกัน 2 วัน
“เครือข่าย กรธ.”เดินเครื่องชี้แจงร่างรธน.
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงการจัดอบรมวิทยากรและเครือข่ายของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เพื่อเผยแพร่และประชาสัมพันธ์เนื้อหารวมถึงสาระของร่างรัฐธรมนูญฉบับลงประชามติ ไปยังประชาชนทั่วประเทศซึ่งกรธ.ได้รับความร่วมมือจากส่วนราชการ อาทิ กระทรวงมหาดไทย, กระทรวงสาธารณสุข, หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ว่า หลังจากที่ กรธ. ได้อบรมและให้ความรู้เกี่ยวกับเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญไปยังวิทยากรระดับจังหวัดและวิทยากรระดับจังหวัดได้จัดอบรมและเผยแพร่สาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญไปยังเครือข่ายระดับอำเภอแล้วนั้น ล่าสุดหลายพื้นที่ เริ่มจัดอบรมวิทยากรระดับหมู่บ้านและชุมชน รวมถึงลงพื้นที่ชี้แจงเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญไปยังประชาชนในหมู่บ้านต่างๆ แล้ว
นอกจากนั้นยังมีการขับเคลื่อนการสร้างความรับรู้ต่อร่างรัฐธรรมนูญไปยังส่วนต่าง ๆ อาทิ ลูกค้าของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.), นักศึกษาวิชาทหาร (นศท.) ในพื้นที่จ.ตาก เพื่อให้กลุ่มดังกล่าวนำเนื้อหาไปบอกต่อคนในครอบครัว ญาติ เพื่อน รวมถึงประชาชนในหมู่บ้านรวมถึงให้เชิญชวนผู้มีสิทธิออกเสียงประชามติไปใช้สิทธิในวันที่ 7 ส.ค. นี้ด้วย เพื่อให้จำนวนผู้ออกไปใช้สิทธิเป็นไปตามเป้าหมาย ร้อยละ 80 ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตั้งเป้าหมายไว้ อย่างไรก็ตามการจัดเวทีอบรมวิทยากรและเครือข่ายของการประชาสัมพันธ์เนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญนั้น ยังไม่พบรายงานว่าการดำเนินงานมีปัญหาหรืออุปสรรคใด ๆ เกิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าสำหรับการจัดอบรมวิทยากรในหน่วยงานที่เป็นพันธมิตรของกรธ. อาทิ สถาบันพระปกเกล้า จะจัดการประชุมของสมาชิกศูนย์พัฒนาการเมืองภาคพลเมือง ในวันที่ 20 -21 มิ.ย. นี้ ซึ่งสถาบันพระปกเกล้าได้กำหนดให้ กรธ. เข้าไปบรรยายสาระสำคัญและเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อให้สมาชิกศูนย์พัฒนาการเมืองภาคพลเมืองนั้นเกิดความเข้าใจในเนื้อหาและนำประเด็นไปชี้แจงรวมถึงเชิญชวนให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ