แรงงานข้ามชาติ..ร้องขอรัฐไทย‘สิทธิสุขภาพเท่าเทียม’

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/news/edu-health/220439

การศึกษา-สาธารณสุข  :  13 ม.ค. 2559

แรงงานข้ามชาติ..ร้องขอรัฐไทย‘สิทธิสุขภาพเท่าเทียม’

เสียงจากแรงงานข้ามชาติ..ร้องขอรัฐไทย‘สิทธิสุขภาพเท่าเทียม’ : ปฏิญญา เอี่ยมตาล ทีมข่าวรายงานพิเศษ

           “อยากให้รัฐบาล…บอกนายจ้างออกหลักฐานรับรองให้พวกเรา จะได้ไปซื้อบัตรประกันสุขภาพ เพราะไปซื้อแล้วไม่ขายให้ ไม่มีเอกสาร…นี่แหละของขวัญที่อยากได้”

“อยากขอให้รัฐไทย จ่ายเงินค่าจ้างแรงงานพวกเรา เท่ากับเงินค่าจ้างคนไทย 300 บาท โดยไม่เลือกปฏิบัติ และให้มีสิทธิบัตรประกันสุขภาพและประกันสังคมอย่างเท่าเทียม คนไทยได้อย่างไรเราก็อยากได้บ้าง”

“ขอให้มีล่ามทุกโรงพยาบาล ที่พูดภาษาพวกผมได้ จะได้คุยรู้เรื่อง ป่วยเป็นอะไร หมอ พยาบาล จะได้เข้าใจ ไม่อยากไปแล้วต้องกลับ ไม่ได้รักษา เสียเวลา เสียเงินค่ารถด้วย”

“อยากให้ขายประกันสุขภาพให้แรงงานข้ามชาติทุกคน โดยไม่มีเงื่อนไข เราอยากซื้อ แต่ติดปัญหาคือ โรงพยาบาลไม่ขาย”

“หนูอยากให้รัฐไทยจ่ายยาต้านไวรัสเอชไอวีต่อเนื่อง โดยไม่ต้องกลับไปเอาที่กัมพูชา เพราะต้องใช้เงินเยอะ ไปกลับทีครั้งละพันกว่าบาท เสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา ตอนนี้ก็ตกงาน อยากให้ทางการ 2 ประเทศเชื่อมระบบถึงกันจะได้ส่งต่อยาให้กันได้”

นี่คือเสียงเรียกร้องจากตัวแทนแรงงานข้ามชาติประเทศพม่าและกัมพูชา ที่เข้ามาทำงานในไทย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแรงงานประมงพื้นที่ จ.สมุทรสาคร จ.สงขลา จ.ระยอง จ.ตราด และ จ.สมุทรปราการ อยากให้ปี 2559 เป็นปีที่รัฐไทยปรับแก้ไขระบบบริการประกันสุขภาพแรงงานข้ามชาติและเงินค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ ให้ทัดเทียมถ้วนหน้า เสมือนเป็นคนไทยคนหนึ่งที่ควรได้รับ โดยเฉพาะสิทธิการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลต่างๆ

“คา คา ไร” หรือชื่อไทยว่า ใหม่ ตัวแทนแรงงานข้ามชาติ จ.สมุทรสาคร กล่าวว่า ปัญหาตอนนี้แรงงานส่วนใหญ่ที่นี่ยังเข้าไม่ถึงหลักประกันสุขภาพ มี 3 กลุ่ม คือ กลุ่ม 1 พวกที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนและยังไม่มีบัตรรับรอง กลุ่ม 2 พวกขึ้นทะเบียนแล้วถูกต้องมีบัตรสีชมพู รับรอง และกลุ่ม 3 พวกที่มีพาสปอร์ต แต่เมื่อไปทำงานในล้งประมงเล็กๆ นายจ้างจะไม่ออกหลักฐานไปซื้อบัตรประกันสุขภาพหรือทำประกันสังคม เพราะกลัวต้องจ่ายเงินส่วนต่างเพิ่มให้แรงงานอีกคนละ 5 เปอร์เซ็นต์ ตามระเบียบรัฐ จึงไม่ยอมทำเรื่องให้ เมื่อป่วยก็รักษาเอง นายจ้างไม่รับผิดชอบ

“ทุกวันนี้ถ้าไม่ป่วยจริงๆ ไม่มีใครอยากไปโรงพยาบาลหรอก ส่วนใหญ่ไปคลินิกมากกว่า รักษาเสร็จก็จ่ายตังค์เลย แต่ถ้าไปโรงพยาบาลมันหลายขั้นตอน ไม่กล้าไป ถึงไปก็ไปไม่ถูก ไม่รู้ว่าต้องไปจุดไหนก่อน ไม่มีตัวหนังสือบอก ไม่มีล่าม คุยกันไม่รู้เรื่อง เคยมีเคสหนึ่งเป็นเนื้องอกในมดลูก ไม่รู้ตัวมาก่อน ป่วยมานาน ไม่กล้าไปโรงพยาบาล ไปแต่คลินิก เอายามากิน พอมารู้อีกทีเนื้องอกก้อนโตแล้ว ต้องผ่าตัดใหญ่ใช้เงินเป็นแสน คนไข้ไม่มีเงิน สุดท้ายก็ตาย” น.ส.ใหม่ เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

น.ส.ใหม่ยังให้สัมภาษณ์ถึงข้อเรียกร้องแรงงานประมงข้ามชาติพม่าว่า อยากได้ให้รัฐบาลออกนโยบายชัดเจนว่า จะขายประกันสุขภาพให้แรงงานข้ามชาติทุกคน เพราะที่ผ่านมาคนที่ป่วยจริงๆ กลับไม่ขาย แต่ไปขายให้คนที่ไม่ป่วย อยากให้ขายโดยไม่มีเงื่อนไข ราคายิ่งถูกยิ่งดี อยากให้มีราคาแน่นอน ไม่ใช่ขึ้นไปเรื่อยๆ จากเมื่อก่อนปี 2549 ราคา 1,900 บาท ตอนนี้เพิ่มเป็น 2,100 บาทแล้ว อยากให้ขายให้ทุกเคสทุกสัญชาติ ทั้งพม่า ลาว กัมพูชา โดยไม่ต้องมีเอกสารรับรองจากนายจ้าง

“ลาย สรุน” แรงงานข้ามชาติกัมพูชา จ.สงขลา กล่าวว่า แรงงานประมงที่นี่ส่วนใหญ่ไม่มีบัตรประกันสุขภาพ นายจ้างไม่รับรอง เป็นประมงเล็กๆ ส่วนคนอยู่ประมงใหญ่มีบัตรเมื่อไปโรงพยาบาลก็ไม่ได้รักษา ไม่รู้จะบอกอาการอย่างไร สื่อสารกับหมอ พยาบาล ไม่รู้เรื่อง เพราะไม่มีล่าม บางคนจ่ายเงินซื้อบัตรแล้วยังต้องจ่ายเงินจ้างล่ามด้วย ทั้งที่ป่วยหนัก ต้องเสียเงินเยอะ สิ่งที่อยากได้จากรัฐบาลไทยคือ อยากให้ช่วยจัดหาล่ามประจำทุกโรงพยาบาลรัฐในสงขลา รวมถึงในหน่วยราชการที่เกี่ยวกับสวัสดิการแรงงานและประกันสังคม

“ลอ วุน” หรือชื่อไทย “วีระ” แรงงานข้ามชาติประมงกัมพูชา จ.ระยอง ให้สัมภาษณ์ว่า แรงงานส่วนใหญ่เป็นลูกเรืออวน มีคนงาน 40 คนต่อลำ ออกทะเลครั้งหนึ่ง 15 วัน ทุกคนมีบัตรประกันสุขภาพสีชมพู ไปรักษาที่โรงพยาบาลไหนก็ได้ ตอนนั้น คสช.มาทำให้ เจ้าหน้าที่ดูแลดี ไม่มีปัญหา

ส่วนสิ่งที่อยากได้จากรัฐบาลไทยในปี 2559 นี้ในฐานะที่เป็นตัวแทนแรงงานกัมพูชาประมงระยอง อยากให้รัฐช่วยดูแลแรงงานข้ามชาติ และ อยากให้นายจ้างเห็นใจ สนใจพวกเรา โดยเฉพาะตอนเปิดให้ทำบัตรหรือทำเอกสารราชการอื่นๆ อยากให้นายจ้างมีน้ำใจพาไปหน่อยจะได้ไม่ต้องเสียค่านายหน้าหลายต่อ เสียเงินเยอะ ตัวอย่างเช่น นายจ้างพาไปเสียค่าทำ 3,000 บาท ถ้าไปเองเสียมากถึง 10,000 บาท และอีกเรื่องคือ อยากขอของขวัญให้รัฐบาลปรับขึ้นเงินค่าจ้างแรงงานข้ามชาติให้เท่ากับแรงงานขั้นต่ำของคนไทยที่ 300 บาท โดยเฉพาะบางคนที่ทำงานมานานกว่า 10 ปี

จากคำบอกเล่าของตัวแทนแรงงานข้ามชาติในพื้นที่ต่างๆ ข้างต้น จะเห็นว่า แต่ละพื้นที่จะมีปัญหาที่คล้ายๆ กันคือ เรื่องการขายบัตรประกันสุขภาพที่ไม่เท่าเทียม ทำให้ภาคีที่เกี่ยวข้องออกมาเรียกร้องให้ภาครัฐพัฒนาระบบบริหารจัดการสุขภาพแรงงานข้ามชาติ ให้สอดคล้องกับความต้องการของประชากรแรงงานข้ามชาติในไทยที่มีกว่า 1.3 ล้านคน (ข้อมูลจากสำนักงานบริหารแรงงานต่างด้าว เดือน พ.ย.2558) อย่างยั่งยืนภายใต้หัวใจสำคัญคือ ต้องไม่มีใครถูกทอดทิ้งอยู่เบื้องหลังสังคมไทย

สอดคล้องกับความต้องการของ “โต วิน” หนุ่มแรงงานข้ามชาติพม่าในโรงงานทำรองเท้าพื้นที่ จ.สมุทรปราการ กล่าวถึงสิ่ง่ที่อยากได้จากรัฐบาลไทยว่า อยากให้เปลี่ยนจากเงินค่าจ้างรายวันเป็นรายเดือน อยากได้สวัสดิการต่างๆ เหมือนคนไทย อยากให้ขายบัตรประกันสุขภาพราคาถูก อยากให้มีเจ้าหน้าที่มาดูแลเรื่องการต่อพาสปอร์ต ไม่อยากจ่ายเงินให้นายหน้า เพราะทุกวันนี้ไปทำครั้งหนึ่งเสียเงิน 18,000 บาท

“หลิน บุญช่วย” แรงงานข้ามชาติกัมพูชา จ.ตราด หนึ่งในผู้ติดเชื้อเอชไอวี กล่าวว่า อยากให้รัฐบาลไทยดูแลผู้ป่วยแรงงานข้ามชาติเอชไอวีมากขึ้น อยากให้ขายบัตรประกันสุขภาพผู้ป่วยประเภทนี้ จะได้มียากินต่อเนื่อง ไม่ต้องกลับไปรับยาที่กัมพูชา เพราะเดินทางลำบาก เสียค่าใช้จ่ายเยอะ ตอนนี้ตกงาน ไม่มีเงิน เวลาจะไปก็ต้องไปกู้เงิน ไปกลับใช้เงินกว่า 1,400 บาท อยากให้มีระบบเชื่อมกันจะได้รับยาในไทยได้

สำนักงานบริหารแรงงานต่างด้าวรายงานว่า ปัจจุบันแรงงานข้ามชาติในไทยส่วนใหญ่มี 3 สัญชาติคือ พม่า ลาว และกัมพูชา ขึ้นทะเบียนถูกต้องทั้งสิ้น 1,323,989 คน แบ่งเป็นเข้ามาแบบพิสูจน์สัญชาติ 1,042,674 คน และนำเข้าตามเอ็มโอยู 281,315 คน อาชีพส่วนใหญ่คือ กรรมกรและงานรับใช้ในบ้าน โดยกลุ่มแรงงานข้างต้นไม่มีปัญหาในการประกันสุขภาพ เพราะมีการจดทะเบียนถูกต้อง ส่วนกลุ่มที่มีปัญหาที่รัฐไทยต้องเร่งแก้ไขในขณะนี้คือ แรงงานข้ามชาติที่ไม่ได้จดทะเบียน ที่มีมากถึง 2 ล้านคนนั่นเอง


Leave a comment