ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
http://www.komchadluek.net/news/edu-health/220642

การศึกษา-สาธารณสุข : 18 ม.ค. 2559
จบจากที่นี่ไม่ตกงานดร.สิริชัยชาญ ฟักจำรูญ
จบจากที่นี่ไม่ตกงานดร.สิริชัยชาญ ฟักจำรูญ : เปิดวิสัยทัศน์ โดยเบญจทิพย์ เพชรสม รัตนศักดิ์ สมนสิงห์ วิทยาลัยนาฏศิลปร้อยเอ็ด
“สิ่งที่เราจะทำให้ทุกคนเชื่อมั่นว่า เราคือมืออาชีพที่แท้จริง ก็คือ นักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาจากสถาบันของเราจะไม่ตกงานอย่างแน่นอน แสดงให้เห็นว่า ผลผลิตของเราได้มาตรฐาน และนี่คือสิ่งสำคัญที่ทุกคนต้องร่วมกันทำให้เป็นจริง” ดร.สิริชัยชาญ ฟักจำรูญ อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กล่าว
อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กล่าวว่า สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ เป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงวัฒนธรรม โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นผู้พระราชทานนามสถาบัน มีหน้าที่จัดการศึกษาระดับปริญญาตรีทางด้านช่างศิลป์ นาฏศิลป์ ดุริยางคศิลป์ และคีตศิลป์ ทั้งไทยและสากล รวมถึงศิลปวัฒนธรรมด้วย เป็นสถานศึกษาเฉพาะทางในด้านนาฏดุริยางค์ และช่างศิลป์
ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2541 ในสังกัดกรมศิลปากร เพื่อดูแลด้านศิลปวัฒนธรรมของประเทศ มีสถานศึกษาทางด้านนาฏดุริยางค์ ได้แก่ โรงเรียนศิลปากร แผนกนาฏดุริยางค์ ซึ่งได้พัฒนาขึ้นเป็นโรงเรียนสังคีตศิลป์โรงเรียนนาฏศิลป และวิทยาลัยนาฏศิลปในปัจจุบัน สถานศึกษาทางด้านช่างศิลป์ ได้แก่ โรงเรียนศิลปศึกษา และได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นวิทยาลัยช่างศิลป ต่อมาปี 2545 มีการจัดตั้ง “สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์” ขึ้น เพื่อทำหน้าที่ในการจัดการศึกษาทางด้านศิลปะและวัฒนธรรมโดยตรง ในสังกัดกรมศิลปากร และปัจจุบันแยกออกมาเป็นหน่วยงานที่เทียบเท่ากรมในสังกัดกระทรวงวัฒนธรรม และในปี 2550 ได้รับการจัดตั้งเป็นสถาบันอุดมศึกษานิติบุคคลปัจจุบัน เปิดสอนคณะศิลปวิจิตร คณะศิลปนาฏดุริยางค์ คณะศิลปศึกษา วิทยาลัยนาฏศิลป 12 แห่ง และวิทยาลัยช่างศิลป 3 แห่ง
“การจัดการเรียนการสอนเน้นศึกษาเฉพาะทางด้านนาฏดุริยางคศิลป์ มุ่งเน้นจัดการศึกษาทางด้านศิลปวัฒนธรรมโดยตรงว่า นักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาจากสถาบันแห่งนี้จะไม่ตกงาน หรือถ้าไม่มีงานทำคิดเป็นร้อยละ 0.0012 เท่านั้น นั่นหมายความว่า ผลผลิตของสถาบันเป็นผลผลิตที่มีคุณภาพเป็นที่ประจักษ์ต่อสังคม ทั้งที่เห็นได้จากการเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมในงานต่างๆ อาทิ งานสโมสรสันนิบาต งานทำเนียบรัฐบาล งานแสดงโขนพระราชทานสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เป็นภาพลักษณ์ที่สร้างความเชื่อมั่นให้แก่สังคมว่า นักศึกษาที่จบจากสถาบันแห่งนี้ เป็นผู้มีคุณภาพรับใช้สังคมได้” ดร.สิริชัยชาญ กล่าว
อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กล่าวว่า สถาบันแห่งนี้เปิดทำการเรียนการสอนมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2541 จนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีสถานที่ตั้งที่ชัดเจนถาวรเป็นของตนเอง ซึ่งในขณะนี้ได้มีการพิจารณาคัดสรรพื้นที่ทำเลที่ตั้งที่เหมาะสม โดยวิธีเช่า หรือซื้อ แต่ยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาให้เหมาะสมที่สุด คาดว่าในปี 2559 จะมีความชัดเจนเรื่องสถานที่ตั้งมากขึ้น
“เรื่องที่ผมจะผลักดันให้มีสถานะสูงขึ้นคือ โครงการจัดตั้งวิทยาเขต ซึ่งเตรียมที่จะนำวิทยาลัยนาฏศิลปในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ วิทยาลัยนาฏศิลปร้อยเอ็ด วิทยาลัยนาฏศิลปกาฬสินธุ์ และวิทยาลัยนาฏศิลปนครราชสีมา ผนวกเข้าด้วยกันเป็นวิทยาเขตนำร่องก่อน แต่จะไม่ใช้คำว่า “มหาวิทยาลัย” แต่ยืนยันที่จะใช้คำว่า “สถาบัน” เพื่อให้เป็นสถานศึกษาเฉพาะทาง ทั้งทางด้านนาฏศิลป์ ดนตรี ทั้งไทย สากล พื้นบ้าน และศิลปะ วิจิตรศิลป์ ประยุกต์ศิลป์ ซึ่งก็อยู่ในขั้นตอนการดำเนินการ เพื่อยกฐานะให้เทียบเท่ากับสถาบันอื่นต่อไป” อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กล่าว
นอกจากนี้อีกเรื่องที่มีความสำคัญคือ การยกระดับจากครู ที่ทำหน้าที่สอนในระดับขั้นพื้นฐาน ให้เป็นอาจารย์ เพื่อสอนในระดับอุดมศึกษานั้น สถาบันได้ดำเนินการร่วมกับ สกอ. ยกเว้นครูในตำแหน่งครูชำนาญการพิเศษ ครูเชี่ยวชาญ ให้เลื่อนเป็นตำแหน่ง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ หรือรองศาสตราจารย์ได้ เพื่อให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของ สกอ.ว่า บุคคลที่จะสอนในระดับปริญญาตรีต้องมีวุฒิปริญญาโท และต้องเป็นตำแหน่งอาจารย์และขอผ่อนผันให้ครู วิทยฐานะชำนาญการ และชำนาญการพิเศษด้วย มิเช่นนั้นจะไม่สามารถทำการสอนระดับปริญญาตรีได้ สถาบันจึงเร่งที่จะพัฒนาบุคลากรในเรื่องนี้ต่อไป
ดร.สิริชัยชาญ กล่าวว่า มีบุคลากรหลายกลุ่มทำงานในสถาบัน ทั้งครู อาจารย์ ลูกจ้างประจำ ลูกจ้างจ้างเหมาบริการ พนักงานราชการ ข้าราชการฝ่ายสนับสนุนที่มาจากสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ต้องปฏิบัติตามกฎหมายของการศึกษาขั้นพื้นฐาน คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) กับกลุ่มครู และกฎหมายของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) เป็นของอุดมศึกษาอีกส่วนหนึ่ง กับกลุ่มอาจารย์สถาบันมีการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน และการศึกษาระดับอุดมศึกษา จึงต้องแก้กฎหมายในเชิงงานบุคลากร เพื่อให้เอื้อกับการทำงานของบุคลากรต่อไป
อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่า ปัจจุบันสถานศึกษาต่างๆ ในประเทศเกิดขึ้นมากมาย ดังนั้นสถาบันต้องให้รายละเอียดด้านการศึกษา เพื่อประกอบการตัดสินใจศึกษาต่อของผู้เรียน สถาบันต้องให้ความเชื่อมั่นแก่ผู้ปกครองและผู้เรียนว่า จบแล้วมีงานทำแน่นอน