สธ.แจงชายโอมานป่วย‘เมอร์ส’ยังทรง!

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/news/edu-health/221196

การศึกษา-สาธารณสุข  :  25 ม.ค. 2559

สธ.แจงชายโอมานป่วย‘เมอร์ส’ยังทรง!

สธ.แจงชายโอมานป่วย ‘เมอร์ส’ อาการยังทรงตัว เผยเพิ่มกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูงเป็น 40 คน แต่ติดตามเข้าพื้นที่กักตัวได้ 32 คน

       ความคืบหน้ากรณีประเทศไทยตรวจพบผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง หรือเมอร์ส รายที่ 2 เป็นชายวัย 71 ปี ชาวโอมาน และรับเข้ารักษาตัวที่สถาบันบำราศนราดูร กรมควบคุมโรค ตั้งแต่วันที่ 23 มกราคม 2559 พร้อมกับเฝ้าระวังผู้สัมผัสผู้ป่วยที่เป็นกลุ่มเสี่ยงสูง จำนวน 37 ราย
       ล่าสุด เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 25 มกราคม 2559 ที่กรมควบคุมโรค(คร.) นายแพทย์อำนวย กาจีนะ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวว่า ขณะนี้ผู้ป่วยมีอาการไข้ต่ำ 38 องศาเซลเซียส หายใจเร็วเล็กน้อย ยังต้องให้ออกซิเจน สามารถพูด เดิน และรับประทานอาหารได้ โดยภาพรวมถือว่าอาการทรงตัว แต่ยังจำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด
       ส่วนกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูงที่เดิมมีจำนวน 37 คนนั้น จากการสอบสวนโรคอย่างละเอียดพบว่า มีผู้สัมผัสใกล้ชิดที่ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงเพิ่มจำนวนเป็น 40 คน ได้แก่ ญาติที่เป็นลูกชาย 1 คน ผู้โดยสารบนเครื่องบิน 22 คน เป็นคนไทย 4 คน ต่างชาติ 18 คน ประกอบด้วยชาวฝรั่งเศส 1 คน เยอรมัน 3 คน อินเดีย 3 คน ตุรกี 3 คน และโอมาน 8 คน ขณะนี้ติดตามตัวได้แล้ว 14 คน ส่วนอีก 8 คน ทราบชื่อและที่อยู่เรียบร้อยแล้วอยู่ระหว่างการประสานงานและพูดคุยก่อนนำเข้าสู่ระบบกักตัวต่อไป คนขับแท็กซี่ 2 คน พนักงานโรงแรมที่เดิมมีเพียง 1 คน เพิ่มอีก 3 คน รวมเป็น 4 คน และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเอกชน 11 คน ซึ่งทั้ง 40 คน ยังไม่ถือเป็นผู้ป่วยยังสบายดีอยู่
       “ระบบการตรวจจับผู้ป่วยโรคเมอร์สของไทยถือว่าทำได้รวดเร็ว สามารถรู้ผู้ป่วยได้ภายใน 10 ชั่วโมงหลังเดินทางเข้ามาในประเทศไทย ภาพรวมถือว่าระบบควบคุมโรคมีความเข้มแข็งและมาตรฐานสูง ซึ่งในการตรวจจับโรคจะมีหลายชั้น เริ่มจากด่านควบคุมโรคที่จุดผ่านแดนทั้งทางบก น้ำและอากาศ ตามด้วยที่สถานพยาบาล ซึ่งจะตรวจละเอียดถี่ถ้วน ซึ่งเป้าหมายสำคัญคือต้องไม่มีผู้ป่วยที่เป็นโรครุนแรงหลุดเข้าสู่ชุมชน ดังงนั้นจึงฝากถึงผู้ที่มีโรคประจำตัวให้เลี่ยงการเดินทางไปยังประเทศที่มีการระบาดของโรคเมอร์ส หรือหากเดินทางไปในพื้นที่ดังกล่าวแล้วภายใน 14 วันมีอาการไข้ ไม่สบายให้รีบปรึกษาแพทย์และแจ้งประวัติการเดินทาง” นพ.อำนวยกล่าว
       ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กรณีที่ผู้ป่วยมีอาการป่วยแล้วแต่ยังเดินทางมาประเทศไทยเพื่อเข้ารับการรักษานั้น นอกจากระบบการตรวจจับผู้ป่วยที่ประเทศไทยจะต้องทำอย่างเข้มข้นแล้วประเทศต้นทางต้องมีระบบการเฝ้าระวังที่ดีด้วย โดยกรมควบคุมโรคและกระทรวงสาธารณสุขได้ประสานไปยังสถานทูตโอมานให้ตรวจคัดกรองผู้ป่วยที่จะเดินทางเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งแจ้งสายการบินและองค์การการบินระหว่างประเทศ ในเรื่องการตรวจคัดกรองผู้โดยสารแต่ละคนว่ามีความปลอดภัยต่อผู้อื่น ไม่เป็นโรคติดต่ออันตราย และแจ้งไปยังองค์การอนามัยโลก หรือ WHO ทราบถึงปัญหาดังกล่าวที่เกิดขึ้นด้วย โดยใช้กรณีที่ผู้ป่วยรายนี้เดินทางเข้าประเทศไทยเป็นกรณีตัวอย่าง เพราะถือเป็นปัญหาส่วนรวมไม่ใช่แค่ปัญหาของประเทศไทย
       “กรณีที่ผู้ป่วยมีอาการป่วยแล้วยังเดินทางเข้ามายังประเทศไทย ทั้งที่โรคเมอร์สจัดเป็นโรคติดต่ออันตรายนั้น ถ้าเป็นตามกฎหมายไทย คือ พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2523 ไม่ได้เอาผิดกับผู้ป่วย แต่จะเอาผิดกับผู้ที่รู้ว่ามีคนป่วยแต่ไม่แจ้งพนักงานเจ้าหน้าที่ เช่น สถานที่พัก สถานพยาบาล หรือแพทย์ เป็นต้น” นพ.โอภาสกล่าว
       นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักระบาดวิทยา กล่าวว่า กลุ่มผู้เสี่ยงสูง 40 คน ซึ่งติดตามตัวได้แล้ว 32 คนนั้น ได้รับตัวไว้ในห้องพิเศษของโรงพยาบาลต่างๆ และโรงแรมที่พัก โดยมีการแยกตัวไว้ในพื้นที่ที่เป็นเอกเทศไม่วุ่นวายกับบุคคลอื่น เพื่อที่หากกลุ่มเสี่ยงสูงมีอาการป่วยจะไม่มีผู้สัมผัสคนป่วยเพิ่มขึ้นอีก
       พญ.จริยา แสงสัจจา ผู้อำนวยการสถาบันบำราศนราดูร กล่าวว่า ขณะนี้ที่สถาบันบำราศนราดูรได้รับตัวผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงสูงไว้สังเกตอาการ จำนวน 9 คน ได้แก่ ลูกชายผู้ป่วย 1 คน คนขับแท็กซี่ 2 คน ผู้โดยสารชาวไทย 1 คน และชาวโอมานที่โดยสาร 2 แถวหน้า-หลังบนเครื่องบินลำเดียวกับผู้ป่วย จำนวน 5 ราย โดยทุกคนจะต้องเก็บเสมหะเพื่อส่งตรวจเชื้อทางห้องปฏิบัติการตั้งแต่วันแรกที่เข้าอยู่ในโรงพยาบาล และทุกวันที่ 7 และ 14 จนพ้นระยะฟักตัวของโรค ส่วนผลการตรวจของลูกชายผู้ป่วยในรอบแรกไม่พบว่าป่วย สำหรับค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยจะต้องรับภาระเอง ซึ่งจะมีอัตราที่สูงกว่าการรักษาโรคทั่วไป ส่วนผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงสูงต้องเข้ารับการกักตัวจะมีการจ่ายค่าเสียเวลาให้ 500 บาทต่อวัน

Leave a comment