นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการกระทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญว่า ขณะนี้มีนักวิชาการ นักศึกษา กลุ่มการเมือง และนักการเมือง ได้ออกมาเคลื่อนไหวแสดงจุดยืนต่อร่างรัฐธรรมนูญเพิ่มมากขึ้น ผ่านทางช่องทางต่างๆ ซึ่งการแสดงจุดยืนดังกล่าวมีทั้งผู้ที่แสดงจุดยืนด้วยความบริสุทธิใจ โดยใช้สิทธิเสรีภาพตามที่กฎหมายกำหนด และขณะเดียวกันก็อาจมีบางกลุ่มบางคนอาศัยช่วงจังหวะในช่วงการทำประชามติกระทำการที่สุ่มเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมาย เคลื่อนไหวโดยมีเจตนาแอบแผงเพื่อเป็นไปตามกลยุทธ์ที่วางไว้ จึงขอฝากให้ รัฐบาล, คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) และคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ในฐานะผู้รักษาการตาม พ.ร.บ.ประชามติ ต้องดำเนินการแยกแยะระหว่างการแสดงจุดยืนต่อร่างรัฐธรรมนูญด้วยความบริสุทธิใจ กับกลุ่มที่มีการเคลื่อนไหวโดยมีเจตนาแฝงเร้นอย่างรอบคอบสุขุม เพราะถ้าหากแยกแยะไม่ออก และใช้วิธีการเหมารวมก็จะก่อให้เกิดผลกระทบต่อกระบวนการทำประชามติและ ก่อให้เกิดภาพลบต่อ รัฐบาล, คสช. และ กกต. โดยไม่จำเป็น

นายองอาจ กล่าวต่อว่า เพื่อให้กระบวนการกระทำประชามติเดินหน้าต่อไปได้ โดยไม่มีปัญหาอุปสรรค และได้รับการยอมรับจากสังคม ผู้มีอำนาจควรคำนึงถึงการดำเนินการที่เหมาะสม ดังนี้ 1.เปิดพื้นที่ให้ผู้ที่เห็นชอบ และไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ ได้แสดงออกอย่างเหมาะสม 2.ถ้าพบว่ามีผู้ทำผิดกฏหมายก็ให้ดำเนินการกับผู้กระทำผิดอย่างจริงจังมากกว่าข่มขู่รายวัน 3.ระมัดระวังการบังคับใช้กฎหมาย ไม่ให้เกินขอบเขต เพราะจะทำให้เกิดแนวร่วมมุมกลับ ทั้งนี้แม้ คสช. และ รัฐบาล ได้อำนาจจากการยึดอำนาจรัฐประหาร ทำให้มีอำนาจล้นฟ้าล้นแผ่นดินจะทำอะไรก็ได้ แต่ก็ต้องพึงระมัดระวังการใช้อำนาจให้ดี เพราะถ้าใช้อำนาจมากเกินไปอย่างไม่รอบคอบ อำนาจนั้นก็อาจย้อนกลับมาทำลายตัวเองได้ในที่สุด