รัฐยันไม่ประมาทตัวเลขจีดีพี

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 10 มิ.ย. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/635684

 

เดินหน้าวางรากฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย

“สมคิด” ยันดีใจแต่ไม่ประมาท หลังเวิลด์แบงก์ปรับเพิ่มคาดการณ์จีพีดีไทยปี 2559 ขยายตัวจาก 2% เป็น 2.5% ส่วนที่ไอเอ็มเอฟคาดจีดีพีไทยต่ำกว่าประเทศอื่นในอาเซียนนั้น ในข้อเท็จจริง จีดีพีไทยขยายตัวต่ำกว่าประเทศในอื่นในอาเซียน ยกเว้นบรูไน มาตั้งแต่ปี 2556 ชี้สิ่งสำคัญคือ วางรากฐานของประเทศ ขณะที่นักลงทุนชานตงเล็งขยายลงทุนในไทย สนใจซื้อข้าว มัน ยาง ข้าวโพด ลอตใหญ่

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า กรณีที่ทางธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2559 ลงมาอยู่ที่ 2.4% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 2.9% นั้น ก็เป็นไปตามที่ตนมองไว้เช่นกันว่าเศรษฐกิจโลกมีแต่ทรงกับทรุด ในระยะสั้นนี้

เศรษฐกิจโลกคงยังไม่ฟื้นตัวเร็ว ส่วนที่เวิลด์แบงก์ปรับคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยขึ้นจาก 2.0% เป็น 2.5% นั้นถือเป็นชาติเดียวในภูมิภาคที่ปรับขึ้นก็ดีใจแต่จะไม่ประมาท เพราะต้องยอมรับว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยเมื่อเทียบกับในภูมิภาคอาเซียนแล้วถือว่ายังอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งก่อนหน้านี้ที่ประเทศมีปัญหาทางการเมืองเศรษฐกิจก็ไหลลงต่ำมาตลอดจนเติบโตที่ระดับ 0.8%

“ตอนนี้เศรษฐกิจไทยเริ่มสวนกับเศรษฐกิจโลก แค่เราสามารถประคองเศรษฐกิจไปได้ก็ถือว่าดีแล้ว อาจจะสวนได้เป็นบางครั้ง แต่สิ่งที่สำคัญคือการวางรากฐานเพื่ออนาคต ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องการผลักดันให้เกิดการปฏิรูป ซึ่งจะมีมาตรการมาดูแลภาคเกษตรในฤดูกาลผลิตรอบใหม่ เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้เพียงพอ ขณะนี้แม้สัญญาณทางเศรษฐกิจจะดีขึ้น แต่ยังมีคนบางกลุ่มในสังคมที่ยังมีรายได้น้อยอยู่ ซึ่งต้องหารายได้ไปให้เขาเพื่อให้รายได้ดีขึ้น จะช่วยให้เกิดการใช้จ่าย เศรษฐกิจหมุนเวียนดีขึ้น การลงทุนก็จะตามมาแต่คงต้องใช้เวลา”

ส่วนกรณีกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ประเมินภาวะเศรษฐกิจไทยประจำปี 2559 ขยายตัวได้ในอัตรา 3% และจะขยับดีขึ้นในปี 2560 ที่ 3.2% แต่มีความเสี่ยงที่จะต่ำกว่าประมาณการอยู่บ้าง อย่างไรก็ตาม อัตราการขยายตัวดังกล่าวถือว่าเป็นอัตราต่ำกว่าประเทศอื่นๆในภูมิภาคอาเซียนนั้น นายสมคิด กล่าวว่า ความจริงอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยต่ำกว่าประเทศอื่นในอาเซียนมาตั้งแต่ปี 2556 ที่ไทยขยายตัว 2.7% และ 0.82% ในปี 2557 และ 2.82% ในปี 2558 แต่ในอาเซียนยังมีประเทศบรูไนที่ขยายตัวต่ำกว่าไทย โดยระหว่างปี 2556-2559 ขยายตัวติดลบมาตลอดที่ -2.13%,-2.34% และ -0.21% ตามลำดับ

นายสมคิด กล่าวด้วยว่า ในช่วงนี้ธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกา หรือเฟด คงยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพราะอาศัยวิธีการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบ และนักธุรกิจเองก็ยังไม่มั่นใจในเศรษฐกิจของประเทศ ส่วนยุโรป การฟื้นตัวในระยะสั้นคงไม่ต้องหวัง จะหวังได้ก็คงมีแต่เอเชียโดยเฉพาะจีนที่หากเศรษฐกิจยังทรงตัวอยู่ก็จะช่วยให้การส่งออกยังคงไปได้เรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยต้องพึ่งตัวเอง ซึ่งกำลังเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อให้พิจารณามาตรการช่วยเหลือ กลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ที่ต้องการเงินลงทุน ให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น โดยจะใช้กลไกของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) มาสนับสนุนให้ครอบคลุมเอสเอ็มอีจำนวนมากขึ้น

รองนายกรัฐมนตรี ยังได้เปิดเผยภายหลังคณะผู้แทนระดับสูงจากมณฑลชานตง ประเทศจีนเข้าพบว่า ผู้ว่าการมณฑลชานตงได้นำกลุ่มนักลงทุนจากบริษัทใหญ่ของมณฑลชานตง เช่น บริษัทรถยนต์โฟตอน บริษัทด้านอิเล็กทรอนิกส์ไฮเออร์ บริษัทเบียร์ชิงเต่า ซึ่งทางบริษัทโฟตอนมีการลงทุนในไทยอยู่แล้วที่นิคมอุตสาหกรรมบางชัน ได้สนใจที่จะลงทุนเพิ่มเติม

ด้านนางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า กลุ่มธุรกิจในมณฑลชานตงซึ่งมีประชากร 110 ล้านคน ส่วนใหญ่จะผลิตสินค้าประเภทสิ่งทอ และอาหาร สนใจจะซื้อข้าว มันสำปะหลัง ยางพาราและข้าวโพดจากไทย โดยมีบริษัทใหญ่ที่ผลิตไก่อยู่ จึงต้องการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์จำพวกข้าวโพด ขณะที่มันสำปะหลังต้องการนำเข้าไปผลิตแอลกอฮอล์ ซึ่งแสดงความต้องการจะซื้อสินค้าจำนวนมาก จึงถามถึงปริมาณที่ประเทศไทยมีอยู่ว่ามีจำนวนมากเพียงพอหรือไม่ ส่วนทางบริษัทโฟตอนที่ต้องการลงทุนเพิ่มนั้น ต้องการให้ทางไทยช่วยดูแลเรื่องข้อกฎหมาย และจะนัดหารือกับทางสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) อีกครั้ง

นอกจากนี้ ทางมณฑลชานตงมีศูนย์แสดงสินค้าขนาดใหญ่ และต้องการนำสินค้าไทยไปจำหน่าย ทางกระทรวงพาณิชย์จึงจะนัดพบจับคู่ทางธุรกิจกับเอสเอ็มอีของไทยต่อไป เพื่อให้ผู้นำเข้าจากจีนมาเลือกสินค้าที่ตรงกับความต้องการของตลาดได้.

 

Leave a comment